โรคปริทันต์ โรคปริทันต์อักเสบ ป้องกันได้อย่างไร?

โรคปริทันต์ หรือโรคปริทันต์อักเสบ (Periodontitis) เป็นอาการที่ลุกลามต่อจากเหงือกอักเสบจนเกิดการเหงือกร่น และกระดูกที่หุ้มรากฟันเริ่มละลายตัวในที่สุด

มีคำถามเกี่ยวกับ โรคปริทันต์? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

โรคปริทันต์ หรือโรคปริทันต์อักเสบ หากปล่อยทิ้งไว้ไม่ได้รับการรักษาฟันจะเกิดการโยกคลอนอาจส่งผลให้ต้องถอนฟันออกในที่สุด

โรคปริทันต์ โรคปริทันต์อักเสบป้องกันได้อย่างไร?

การป้องกันโรคปริทันต์ โรคปริทันต์อักเสบที่สำคัญต้องเริ่มที่ “สาเหตุ” ของโรคก่อน นั่นก็คือ “ลดการสะสมของคราบจุลินทรีย์บริเวณขอบเหงือกและคอฟัน”

คราบจุลินทรีย์ในช่องปากจะผลิตสารพิษออกมาทำลายเหงือกและอวัยวะรอบๆ ฟัน เริ่มจากการอักเสบที่เหงือกก่อน เหงือกจะบวมและแดง มีเลือดออกขณะแปรงฟัน

หากไม่รีบรักษา นอกจากคราบจุลินทรีย์จากเดิมที่เป็นสีขาวอ่อนนุ่มจะสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ในไม่ช้าเมื่อได้รับแร่ธาตุที่ตกตะกอนจากอาหาร คราบจุลินทรีย์ก็จะกลายเป็นหินปูน หรือหินน้ำลาย ซึ่งมีความแข็ง ไม่สามารถทำความสะอาดออกเองได้ นอกจากการขูดหินปูนออกโดยทันตแพทย์เท่านั้น

เมื่อถึงตอนนั้น สารพิษก็จะทำลายเหงือกให้เป็นร่องลึกมากยิ่งขึ้น รวมทั้งทำลายกระดูกเบ้าฟันลึกลงไปเรื่อยๆ จนเกิดหนอง บ้างก็เกิดฝี มีกลิ่นปาก จากนั้นเหงือกจะเริ่มไม่ยึดติดกับฟัน หรือเหงือกร่น ในที่สุดกระดูกเบ้าฟันละลายจนฟันโยกคลอน

ดังนั้นการทำความสะอาดเหงือกและฟันอย่างถูกต้องในทุกๆ วัน นอกจากจะสามารถสลายการสะสมของคราบจุลินทรีย์ในระยะเริ่มต้นได้แล้ว ยังสามารถป้องกันการเกิดโรคปริทันต์ โรคปริทันต์อักเสบได้อีกด้วย

มีคำถามเกี่ยวกับ โรคปริทันต์? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

วิธีกำจัดคราบจุลินทรีย์ มีอะไรบ้าง?

วิธีกำจัดคราบจุลินทรีย์ด้วยตนเองมีด้วยกัน 4 วิธีหลัก ได้แก่ การทำความสะอาดฟัน การทำความสะอาดซอกฟัน การนวดเหงือก และการแปรงลิ้น

ดังมีรายละเอียดต่อไปนี้

วิธีที่ 1 การทำความสะอาดฟัน

  • เลือกใช้แปรงสีฟันที่มีขนแปรงอ่อนนุ่ม ขนแปรงไม่แข็งจนเกินไป หัวแปรงกลมมน และมีขนาดพอเหมาะ
  • แปรงฟันอย่างถูกวิธี ด้วยการแปรงฟันจากด้านนอกทั้งฟันบนและฟันล่างก่อน วางแปรงที่คอฟันและขอบเหงือก ขนแปรงทำมุม 45 องศา แล้วเริ่มแปรงเบาๆ เมื่อแปรงฟันด้านนอกครบจึงเริ่มแปรงฟันด้านในทั้งฟันบนและฟันล่าง ส่วนฟันด้านบนเคี้ยวให้วางแปรงในแนวตั้งฉากกับฟันแล้วถูเข้า-ถูออก
  • แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้า-ก่อนนอน หากสามารถแปรงฟันได้ทุกครั้งหลังมื้ออาหารจะดีที่สุด แต่หากไม่สามารถแปรงได้ แนะนำให้บ้วนปากแรงๆ 2-3 ครั้ง หลังมื้ออาหาร
  • เลือกใช้ยาสีฟันที่เหมาะสมเพื่อช่วยความความสะอาดฟันและขัดผิวฟัน มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ เน้นเนื้อครีมละเอียด ไม่หยาบเกินไป เพื่อป้องกันฟันสึก

วิธีที่ 2 การทำความสะอาดซอกฟัน

  • การใช้ไหมขัดฟันวันละ 1 ครั้งก่อนแปรงฟัน โดยจำเป็นต้องขัดฟันแต่ละซี่ทั้งสองด้าน แม้ว่า อีกด้านของฟันจะไม่มีฟันข้างเคียงแต่ก็ต้องขัดด้วย แต่หากมีปัญหาเหงือกร่นไม่แนะนำให้ใช้วิธีนี้
  • การใช้แปรงขนาดเล็กที่มีลักษณะคล้ายแปรงล้างขวดขนาดจิ๋ว แปรงระหว่างซอกฟัน ถูเข้า-ถูออก ในกรณีที่อาจแปรงฟันไม่ทั่วถึง หรือในกรณีที่มีปัญหาเหงือกร่น ไม่สามารถใช้ไหมขัดฟันได้
  • นอกจากนี้ยังสามารถใช้แถบผ้ากอซทำความสะอาดซอกฟัน ด้วยการพับผ้ากอซในแนวนอนให้เป็นแถบยาว 6 นิ้ว กว้างพอเหมาะกับความสูงของฟัน ใช้ขัดด้านข้างของฟันที่ไม่มีฟันข้างเคียง หรือด้านข้างของฟันห่างมากๆ โดยโอบแถบผ้ากอซเข้าหาฟัน ถูไป-มา ในแนวนอน ราว 5-6 ครั้ง

วิธีที่ 3 การนวดเหงือก

ปุ่มยางนวดเหงือกมีลักษณะเป็นรูปกรวยยึดตั้งฉากกับด้ามจับเหมือนแปรงสีฟัน สามารถใช้กำจัดคราบจุลินทรีย์ด้านที่แปรงเข้าไม่ถึงได้

วิธีใช้ปุ่มยางนวดเหงือก ให้วางปุ่มยาง 45 องศา หรือตั้งฉาก 90 องศา แล้วเบนด้านข้างของปุ่มยางแนบด้านหนึ่งของซอกฟัน ถูหมุนอยู่กับที่ราว 5-6 ครั้ง แล้วจึงเบนปุ่มยางไปแนบฟันอีกด้าน และถูในลักษณะเดียวกัน

วิธีที่ 4 การแปรงลิ้น

เมื่อใช้ไหมขัดฟันและแปรงฟันเสร็จแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องแปรงลิ้นด้วยแปรงสีฟัน หรือที่แปรงลิ้น หรือที่ขูดลิ้น เหตุที่ต้องแปรงลิ้นเพราะบนลิ้นมีตุ่มรับรสขนาดเล็กจำนวนมากจึงมีโอกาสที่จุลินทรีย์ หรือเชื้อโรคจะลงไปฝังตัวได้ รวมทั้งยังทำให้เกิดกลิ่นปากตามมา

วิธีแปรงลิ้นที่ถูกต้องควรอ้าปากกว้าง แปรงลิ้นเบาๆ จากโคนลิ้นมาด้านหน้า เพื่อป้องกันการถลอก แล้วบ้วนปากให้สะอาด แต่หากลิ้นมีแผลร้อนใน หรือเลือดออกควรหลีกเลี่ยงการแปรงลิ้นไปก่อน

วิธีลดการสะสมของคราบจุลินทรีย์ มีอะไรบ้าง?

นอกจากการทำความสะอาดฟัน ซอกฟัน เหงือก และลิ้นแล้ว ยังมีวิธีช่วยลดการสะสมของคราบจุลินทรีย์ได้อีก ได้แก่

  • ลด หรือเลิกการสูบบุหรี่
  • ลด หรือเลิกการดื่มสุรา
  • ลด หรือเลิกการเคี้ยวหมาก เคี้ยวยาสูบ
  • ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอในแต่ละวัน เพื่อให้ช่องปากมีความชุ่มชื้น น้ำลายมีการไหลเวียนดีขึ้น
  • รักษาสุขภาพให้แข็งแรงด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารรสหวานจัดทั้งขนมหวาน เครื่องดื่มรสหวาน เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นโรคเบาหวาน รวมทั้งหากเป็นเบาหวานอยู่แล้วก็ต้องควบคุมโรคเบาหวานให้ดีขึ้น
  • ไปพบทันตแพทย์ทุกๆ 6 เดือน เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากและรับการขูดหินปูน
  • หากมีสัญญาณเหงือกอักเสบ เช่น เหงือกเริ่มบวม มีกลิ่นปาก มีเลือดออกตามไรฟัน ควรรีบไปพบทันตแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาต่อไป

หากไม่อยากป่วยด้วยโรคปริทันต์ โรคปริทันต์อักเสบ ซึ่งเป็นโรคที่เสี่ยงต่อการสูญเสียเหงือกและฟัน ใช้เวลารักษา ฟื้นฟูนาน และมีค่าใช้จ่ายในการรักษามาก ควรดูแลสุขภาพช่องปากของตนเองตั้งแต่วันนี้ อย่าคิดว่า พรุ่งนี้ค่อยเริ่มก็ได้ เพราะบางครั้งพรุ่งนี้ก็อาจสายเสียแล้ว

มีคำถามเกี่ยวกับ โรคปริทันต์? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

หากคุณติดตั้ง LINE บนคอมพิวเตอร์ของคุณแล้ว ระบบจะเปิดบัญชีทางการ LINE ของ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ โดยอัตโนมัติ

หากคุณยังไม่ได้ติดตั้ง LINE บนเดสก์ท็อป โปรดสแกน QR โค้ดด้วย LINE บนโทรศัพท์มือถือของคุณเพื่อเริ่มแชทกับ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ