ซิลิโคนเสริมหน้าอกมีกี่ประเภท?


ประเภทของซิลิโคน แต่ละแบบต่างกันอย่างไร? ข้อดี ข้อเสีย ต่างกันยังไง?

HDmall สรุปให้!

ขยาย

ปิด

  • ซิลิโคนมี 2 ประเภทหลักๆ คือซิลิโคนน้ำเกลือ ที่บรรจุน้ำเกลือไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย สามารถดูดซึมได้เมื่อเกิดการรั่ว และซิลิโคนเจลที่มีโอกาสรั่วน้อยกว่า
  • ซิลิโคนมีด้วยกัน 2 รูปทรง คือทรงกลม เหมาะสำหรับคนที่ต้องเสริมตั้งแต่เนินอกไปจนถึงอกส่วนล่างให้ดูแน่น และทรงหยดน้ำ ที่ดูธรรมชาติกว่า 
  • เช็กราคาแพ็กเกจเสริมหน้าอกบนเว็บไซต์ HDmall ก่อนตัดสินใจ แตะที่นี่
  • สอบถามแอดมินหรือให้แอดมินหาโปรดีสถานที่ใกล้บ้าน ทักไลน์ได้เลย แตะ

การจะผ่าตัดเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนอาจเป็นเรื่องที่สร้างความกังวลแก่คนที่คิดจะเสริมหน้าอกอยู่ไม่น้อย เพราะจะว่าไปแล้วก็เป็นการนำสิ่งแปลกปลอมเข้ามาใส่ไว้ในร่างกายเป็นเวลานานหลายปี

ในบทความนี้ HDmall จึงรวบรวมเอาสิ่งที่ควรทราบเกี่ยวกับซิลิโคนมาฝากกันว่ามีแบบไหนบ้าง ผลดีผลเสียเป็นอย่างไร และที่สำคัญคือปลอดภัยไหม? รวมถึงข้อมูลทั้งหมดที่ควรทราบก่อนตัดสินใจเสริมหน้าอก

กดดูหัวข้อทั้งหมด > รวมข้อมูลเสริมหน้าอกแบบละเอียดยิบ

ประเภทของซิลิโคนเสริมหน้าอก

ปัจจุบันนี้เทคโนโลยีการผลิตซิลิโคนพัฒนาขึ้นมาก ทำให้มีชื่อเรียกหลากหลายแตกต่างกันออกไป แต่โดยพื้นฐานแล้ว ซิลิโคนประเภทต้นแบบที่บริษัทชื่อการค้าต่างๆ นำไปพัฒนา จะแบ่งออกได้เป็นสองประเภท ดังนี้

1. ซิลิโคนน้ำเกลือ (Saline implants)

เป็นถุงน้ำที่ห่อหุ้มด้วยซิลิโคน ศัลยแพทย์จะเติมน้ำเกลือเข้าไปให้ถุงน้ำโป่งขึ้นเหมือนลูกโป่งจนมีขนาดที่ต้องการก่อนที่จะนำไปเสริมหน้าอก

ปริมาณน้ำเกลือนั้นแตกต่างกันออกไปสำหรับแต่ละคน หากเกิดการรั่วไหลร่างกายจะดูดซึมน้ำเกลือเองตามธรรมชาติ แต่ข้อเสียคือมีโอกาสชำรุด (รั่ว) มากกว่าซิลิโคนแบบเจล เมื่อเกิดการรั่วแล้วขนาดของเต้านมทั้งสองข้างจะไม่เท่ากันอย่างเห็นได้ชัด

2. ซิลิโคนแบบเจล (Silicone gel implants)

ซิลิโคนชนิดนี้จะนำออกมาจากห้องปฎิบัติการแบบสำเร็จรูปเป็นก้อนมาเลย ไม่ต้องเติมน้ำเหมือนซิลิโคนน้ำเกลือ ทำให้ไม่มีปัญหาการรั่วของน้ำ มีโอกาสเคลื่อนเคลื่อนน้อยกว่า

อย่างไรก็ตาม ซิลิโคนแบบเจลก็มีโอกาสชำรุดเสียหายได้เช่นกัน ซึ่งอาจนำมาซึ่งการเกิดริ้วย่นๆ หรือที่หลายคนเรียกว่า “นมเป็นลอน” ได้

ผู้เสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนแบบเจลอาจต้องไปให้ศัลยแพทย์ตรวจบ่อยกว่าแบบน้ำเกลือ โดยเฉลี่ยอยู่ที่อย่างน้อยสุดคือทุกๆ 3 ปี แพทย์อาจใช้เครื่องสแกนเอ็มอาร์ไอ (Magnetic resonance imaging: MRI) หรือเครื่องอัลตร้าซาวด์ (Ultrasound) เพื่อดูความปกติของซิลิโคนภายใน

รูปทรงของซิลิโคนเสริมหน้าอก

ซิลิโคนมีด้วยกัน 2 รูปทรงหลักๆ ซึ่งในแต่ละชื่อการค้าก็อาจมีความแตกต่างกันบ้างตามจุดดีจุดเด่นของการพัฒนาแต่ละเจ้า แต่พื้นฐานในการพัฒนามาจากรูปทรงดังนี้

1. ซิลิโคนเสริมหน้าอกทรงกลม

ซิลิโคนทรงนี้จะมีลักษณะคล้ายซาลาเปา ฐานกว้าง มีหลายขนาด ทั้งแบบพุ่งมากหรือพุ่งน้อย ซิลิโคนทรงกลมจะช่วยให้หน้าอกดูอิ่มแน่นตั้งแต่เนินอกลงไปถึงเต้านมส่วนล่าง

ซิลิโคนทรงกลมเหมาะกับคนที่มีโครงไหล่กว้าง เมื่อใส่แล้วจะรู้สึกว่าเต้านมขยายโดยรอบ เห็นผลชัดเจนกว่าทรงหยดน้ำ

2. ซิลิโคนเสริมหน้าอกทรงหยดน้ำ

ซิลิโคนทรงนี้มีลักษณะคล้ายเต้านมธรรมชาติของมนุษย์ขณะยืนอยู่ มีความหย่อนคล้อยเล็กน้อยตามแรงโน้มถ่วงแต่ไม่ยาน ทำให้ดูธรรมชาติมากกว่าแบบกลม 

ซิลิโคนทรงหยดน้ำมักเหมาะกับคนโครงไหล่เล็ก ตัวสูง ทำให้ดูสมส่วนกับสรีระดั้งเดิม เพราะหากเลือกซิลิโคนแบบกลม อาจทำให้ฐานซิลิโคนใหญ่กว่าเต้านมดั้งเดิมจนสังเกตเห็นขอบซิลิโคน ดูไม่ธรรมชาติ

นอกจากนี้ยังเหมาะกับคนที่ต้องการเสริมอกเพียงเล็กน้อย หรือคนที่มีหน้าอกยานแต่ต้องการปรับทรงให้ดูเชิดขึ้น พุ่งขึ้น ก็ทำได้เช่นกัน

นอกจากจะต้องพิจารณาทั้งประเภทและรูปทรงแล้ว อีกสิ่งที่ศัลยแพทย์มักแนะนำให้พิจารณาด้วยก็คือผิวของซิลิโคน ซึ่งจะมีผลกับการยึดเกาะเนื้อด้านในที่ผ่าตัดเสริมหน้าอก การเกิดพังผืดใต้ผิวหนัง รวมถึงมีผลต่อความปลอดภัยด้วย

หากใครตัดสินใจได้แล้วว่าต้องการซิลิโคนแบบใด สามารถเลือกแพ็กเกจเสริมหน้าอก เปรียบเทียบราคาที่ดีที่สุดสำหรับคุณได้ที่เว็บไซต์ HDmall ศูนย์รวมบริการด้านสุขภาพ ทำฟัน และความงาม ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

@‌hdcoth line chat