การช่วยตัวเอง สามารถทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น แต่หลายคนก็กังวลในใจอยู่บ้างว่า การช่วยตัวเองบ่อยๆ นั้นผิดปกติหรือไม่ หรือความถี่ในการช่วยตัวเองที่คุณเป็นอยู่ถือว่าเข้าข่ายพฤติกรรมหมกมุ่นทางเพศหรือเปล่า ? เพราะถึงแม้การช่วยตัวเองจะเป็นกิจกรรมสร้างความสุขให้ตนเอง แต่หากช่วยตัวเองถี่ๆ เกินไป ก็จะส่งผลเสียหลายอย่างได้ อีกทั้งยังมีหลายประเด็นเกี่ยวกับการช่วยตัวเองที่หลายคนเข้าใจผิดกัน
สารบัญ
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการช่วยตัวเอง
คนในสังคมมักมองว่า กิจกรรมใดๆ เกี่ยวกับเรื่องเพศเป็นการหมกมุ่นในเรื่องที่ไม่เหมาะสม นอกจากนี้บางคนยังคิดว่า การช่วยตัวเองจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพหลายด้าน เราจึงมาไขประเด็นบางอย่างที่หลายคนมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับการช่วยตัวเองกัน
- ผู้หญิงช่วยตัวเองเป็นเรื่องผิด คนมักเข้าใจผิดว่า การช่วยตัวเองเป็นเรื่องของผู้ชายเท่านั้น ส่วนผู้หญิงที่ช่วยตัวเองก็คือ ผู้หญิงที่หมกมุ่นเรื่องเพศ ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะผู้หญิงก็ช่วยตัวเองได้ และเป็นเรื่องธรรมชาติของร่างกายด้วย
- การช่วยตัวเองจะทำให้น้ำอสุจิลดลง ซึ่งความจริงแล้วไม่ได้เกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด และร่างกายของผู้ชายจะผลิตน้ำอสุจิออกมาเรื่อยๆ อยู่แล้ว ถึงแม้ก่อนหน้านั้นจะมีการหลั่งน้ำอสุจิออกมาก็ตาม แต่อาจต้องใช้เวลาอีกสักพักจึงจะหลั่งได้อีกครั้ง
- ผู้หญิงที่ช่วยตัวเองจะมีปัญหาเกี่ยวกับประจำเดือน ประจำเดือนเกิดมาจากการตกไข่ และผนังมดลูกที่หลุดลอก ส่วนการช่วยตัวเองเกิดมาจากจุดสุดยอดที่เรียกว่า “จุดคลิตอริส” ซึ่งอยู่ภายนอกมดลูก จึงไม่ได้เกี่ยวข้องกัน และไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการตกไข่ การมีประจำเดือน หรือสมรรถภาพทางเพศแต่อย่างใด
ปัจจัยที่ทำให้เริ่มช่วยตัวเอง
1. ฮอร์โมน
ร่างกายของคนเราจะมีฮอร์โมนที่คอยกระตุ้นอารมณ์ทางเพศอยู่ รวมถึงทำให้ร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลง นี่คือสาเหตุว่า ทำไมการช่วยตัวเองถึงไม่ใช่เรื่องผิด เพราะทุกคนล้วนมีสารฮอร์โมนที่หลั่งอยู่ในร่างกายทั้งนั้น
2. อิทธิพลจากเพื่อน
เมื่อเริ่มเข้าสังคม วันรุ่นส่วนมากมักจะเริ่มเลียนแบบพฤติกรรมคนวัยเดียวกัน หรือแสดงให้คนอื่นเห็นว่า ตนเองเป็นผู้ใหญ่ และควรได้รับการยอมรับ เช่น การช่วยตัวเอง การดื่มสุรา สูบบุหรี่ แต่เมื่อช่วยตัวเองแล้วรู้สึกดี วัยรุ่นหลายคนมักจะติดนิสัย และช่วยตัวเองถี่ๆ ยิ่งขึ้น
3. ค้นพบตนเองตั้งแต่วัยเด็ก
เด็กบางคนติดนิสัยชอบเล่นอวัยวะเพศมาตั้งแต่เล็กๆ โดยไม่รู้ว่า นั่นคือพฤติกรรมการช่วยตัวเอง แต่เด็กแค่รู้สึกสบาย และสนุกไปกับมันเท่านั้น
ซึ่งสิ่งที่พ่อแม่ทำได้ คือ ต้องหาวิธีเปลี่ยนพฤติกรรมเหล่านั้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำความเข้าใจว่า นั่นคือธรรมชาติของวัยเขา หรืออาจเกิดมาจากความอยากรู้อยากเห็น อย่าดุด่า ตี หรือใช้ความรุนแรงเพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมเด็ก
เพราะนั่นอาจทำให้เด็กรู้สึกผิด และละอายใจกับตนเอง ทำให้มีทัศนคติต่อตนเองในแง่ลบ และส่งผลเสียต่อนิสัยของเขาเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ได้
ข้อดีของการช่วยตัวเอง
- ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ไม่ส่งผลกระทบต่อคนอื่น ได้ปลดปล่อยอารมณ์ทางเพศโดยเฉพาะคนที่ยังโสด หรือไม่ได้อยู่กับคนรัก
- ลดความเครียดได้ หลายคนใช้การช่วยตัวเองเพื่อลดความเครียดจากงาน ความรัก หรือปัญหาในชีวิต เพราะการช่วยตัวเองจะทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนแห่งความสุขออกมา ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย สบายใจมากขึ้น
- ลดความเสี่ยงการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และลดปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยเรียนได้
- ทำให้น้ำอสุจิแข็งแรงขึ้นในผู้ชาย อีกทั้งช่วยลดโอกาสเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากด้ว
ข้อเสียของการช่วยตัวเอง
- ติดการช่วยตัวเองจนเป็นนิสัย หรือที่เรียกว่า “ชินมือ” ซึ่งพฤติกรรมนี้จะนำไปสู่การหมกมุ่นเรื่องช่วยตัวเองอยู่บ่อยๆ จนเกินความจำเป็น
- ชอบช่วยตัวเองมากกว่ามีเพศสัมพันธ์ถึงแม้จะมีคนรักแล้วก็ตาม
- ทำให้กลายเป็นคนที่มีอารมณ์ทางเพศสูงกว่าปกติ
- เกิดความกังวลว่า ตนเองมีปัญหาด้านสุขภาพ หรือจิตหรือไม่ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากสังคมมักจะให้คำนิยามคนที่ช่วยตัวเองว่า เป็นผู้ที่มีความต้องการทางเพศมากกว่าปกติ
- เกิดการเปรียบเทียบการช่วยตัวเองกับคนรัก ซึ่งอาจทำให้เกิดความบาดหมาง หรือทะเลาะเบาะแว้งกันในครอบครัวได้
- ทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย
สัญญาณที่บอกว่า คุณกำลังเสพติดการช่วยตัวเอง
- หมกมุ่นกับการช่วยตัวเอง จนเริ่มไม่ทำกิจกรรมอื่นๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น ขาดงาน ขาดเรียน
- มีพฤติกรรมเริ่มแยกตัว ไม่อยากมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น หรือเข้าสังคมแบบแต่ก่อน อยากอยู่คนเดียวเพราะทำให้ช่วยตัวเองได้ตามที่ต้องการ
- เริ่มใช้สารเสพติดร่วมกับการช่วยตัวเองด้วย
- ช่วยตัวเองแม้จะมีแผลที่อวัยวะเพศ แต่ก็ยังไม่หยุดทำ
- การช่วยตัวเองอาจไม่ใช่สิ่งผิด แต่คุณต้องรู้จักควบคุมอารมณ์ตนเองให้กิจกรรมดังกล่าวอยู่ในความพอดี ไม่มากเกินไป
สำหรับผู้ที่มีคนรักอยู่แล้ว ควรให้ความสำคัญกับการมีความสุขร่วมกัน หรือพยายามหาเทคนิคใหม่ๆ กับคนรักเพื่อเพิ่มความสนุกตื่นเต้นไปพร้อมกันจะดีกว่า เพียงเท่านี้คุณก็จะมีความสุขกับการมีเพศสัมพันธ์ได้อย่างยั่งยืนแล้ว
วิธีรับมือกับอารมณ์ทางเพศ
หากคุณเกิดอารมณ์ทางเพศ แต่ไม่ต้องการมีเพศสัมพันธ์ และไม่อยากช่วยตัวเองเช่นกัน คุณอาจหันเหความสนใจของตนด้วยวิธีเหล่านี้
- หางานอดิเรกทำ เล่นกีฬา หรือออกกำลังกายเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจไปยอ่างอื่น
- หลีกเลี่ยงการอยู่คนเดียว เพราะเป็นการสร้างโอกาสให้คุณช่วยตัวเองให้ได้มากขึ้น
- หลีกเลี่ยงไม่รับชมสื่อกระตุ้น เช่น ภาพ หรือวีดีโอที่สื่อเรื่องเพศ
- ให้รางวัลตนเองเมื่อลดความถี่เรื่องเพศได้สำเร็จ
การช่วยตัวเองเป็นเรื่องธรรมชาติของร่างกายมนุษย์ แต่หากคุณหมกมุ่นเรื่องเพศทั้งวัน ช่วยตัวเองบ่อยเกินไป หรือมีเพศสัมพันธ์มากกว่าปกติ แล้วเมื่อลองเบี่ยงเบนความสนใจไปอย่างอื่นก็ไม่ได้ผลอย่างที่คาดไว้
บางทีอารมณ์ทางเพศที่มากเกินไปของคุณก็อาจเกิดจากความผิดปกติของร่างกาย เช่น
- ความผิดปกติของสมองส่วนหน้า
- การรับประทานยารักษาโรคพาร์กินสัน
- ยารักษาโรคซึมเศร้า
- การสร้างฮอร์โมนจากต่อมหมวกไตมากผิดปกติ จากมะเร็งต่อมหมวกไต
- ภาวะฮอร์โมนที่สูงผิดปกติ
- โรคไบโพลาร์ หรือโรคอารมณ์แปรปรวนสองชั้น
หากรู้สึกว่า ตนเองหมกมุ่นเรื่องเพศมากเกินไปจริงๆ และไม่สามารถลดความต้องการลงได้ด้วยตัวเอง ควรลองปรึกษากับจิตแพทย์หรือแพทย์เฉพาะทาง เพื่อหาสาเหตุ และแนวทางรักษาต่อไป