HDmall สรุปให้
ปิด
ปิด
- CoolSculpting จะมีความโดดเด่นด้านการสลายเซลล์ไขมันมากกว่า เมื่อเทียบกับการทำ HIFU ที่จะเน้นไปที่กระบวนการกระชับผิวหนังให้มีความตึงแน่นและไม่หย่อนยาน
- การทำ Thermage มีความโดดเด่นด้านการสลายไขมันเช่นกัน แต่จะเป็นการสลายไขมันเพื่อลดโอกาสเกิดรอยเหี่ยวย่น รอยยับ หรือความหย่อนคล้อยมากกว่า ในขณะที่การทำ CoolSculpting จะให้ความสำคัญของการลดขนาดสัดส่วนอย่างชัดเจน
- การทำ Caboxy Therapy เป็นการทำหัตถการผ่านการใช้ท่อส่งก๊าซขนาดเล็กต่อกับเข็มฉีดยาแล้วฉีดลงไปใต้ผิวของผู้เข้ารับบริการเพื่อสลายเซลล์ไขมันใต้ผิวและกำจัดเซลล์ลูไลท์
- กลไกการทำงานของสารโบท็อกซ์นั้นไม่ได้อยู่ที่การสลายไขมันแต่อย่างใด และไม่ได้ช่วยลดไขมันใต้ผิวให้ลดลง แต่จะเป็นการกระตุ้นให้กล้ามเนื้อของใบหน้าที่มักขยับบ่อยจนผิวเกิดริ้วรอยให้ทำงานลดลง
- สารยาในเมโสแฟตหลายตัวมีคุณสมบัติกำจัดกรดไขมัน รวมถึงดึงไขมันเก่าใต้ชั้นผิวออกมาเป็นพลังงานให้กับร่างกาย ทำให้ไขมันได้ถูกนำไปใช้งานอย่างมีประโยชน์ก่อนที่จะสลายไป
- บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ #HDinsight ได้รับการสปอนเซอร์จาก The Sign Clinic (ทองหล่อ)
- ดูรายละเอียด โปรแกรมสลายไขมันเฉพาะจุดถาวร ด้วยเครื่อง CoolSculpting ที่ The Sign Clinic (ทองหล่อ)
- ดูแพ็กเกจทั้งหมดจาก The Sign Clinic (ทองหล่อ) บน HDmall.co.th
- สอบถามแอดมินเพิ่มเติมเกี่ยวกับแพ็กเกจได้ที่ไลน์ @HDcoth
สารบัญ
- CoolSculpting คืออะไร?
- CoolSculpting ทำบริเวณใดของร่างกายได้บ้าง?
- เปรียบเทียบ CoolSculpting กับวิธีสลายไขมันและกระชับสัดส่วนแบบอื่น
- เปรียบเทียบ HIFU กับ CoolSculpting
- เปรียบเทียบ Thermage กับ CoolSculpting
- เปรียบเทียบ Carboxy Therapy กับ CoolSculpting
- เปรียบเทียบ การฉีดโบท็อกซ์ กับ CoolSculpting
- เปรียบเทียบ การฉีดเมโสแฟต กับ CoolSculpting
- สรุปแล้ว CoolSculpting เหมาะกับใคร?
- รับบริการทำ CoolSculpting ที่ The Sign Clinic (ทองหล่อ)
- บทความที่ HDmall.co.th แนะนำ
ความหลากหลายของวิธีกระชับสัดส่วนและกำจัดไขมันอาจทำให้คุณรู้สึกสับสนว่า แล้ววิธีไหนกันแน่ที่ตอบโจทย์ปัญหาเกี่ยวกับรูปร่างและไขมันส่วนเกินของคุณ รวมถึงเป็นวิธีที่ปลอดภัย และไม่ส่งผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายภายหลัง
โดยหนึ่งในนวัตกรรมที่ทันสมัยและกำลังเป็นที่นิยมในฐานะเทคโนโลยีกำจัดเซลล์ไขมันที่ล้ำหน้าและปลอดภัย ก็คือ เทคโนโลยี CoolSculpting อย่างไรก็ตาม ผู้เข้ารับบริการหลายท่านก็ยังไม่แน่ใจเกี่ยวกับประสิทธิภาพของเทคโนโลยีนี้และมักหยิบยกไปเปรียบเทียบกับวิธีกระชับสัดส่วนวิธีอื่นๆ เพิ่มเติม
ในบทความนี้ HDmall.co.th ร่วมกับ The Sign Clinic (ทองหล่อ) จะมาให้ข้อมูลเพื่อผู้รับบริการทุกท่านเข้าใจนวัตกรรม CoolSculpting กับเทคโนโลยีและวิธีสลายไขมันอื่นๆ ที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้ เพื่อให้ศึกษาข้อได้เปรียบ จุดเด่น และจุดด้อยต่างๆ ประกอบการตัดสินใจก่อนรับบริการ
CoolSculpting คืออะไร?
CoolSculpting คือ เทคโนโลยีกำจัดไขมันผ่านการใช้ความเย็นเข้าไปทำกระบวนการไครโอไลโปไลซิส (Cryolipolysis) ซึ่งเป็นกระบวนการดึงความร้อนออกจากชั้นเนื้อเยื่อ แล้วแทนที่ด้วยความเย็นซึ่งจะเข้าไปเปลี่ยนสภาพเซลล์ไขมันให้กลายเป็นผลึกน้ำแข็ง พร้อมเกิดกระบวนการอักเสบและบาดเจ็บภายในถึงระดับเซลล์จนส่งผลให้เซลล์ไขมันตาย และสลายไปอย่างถาวร
และมีงานวิจัยกว่า 50 ฉบับ ที่ยืนยันผลการรักษาว่า Coolsculpting สามารถลดจำนวนเซลล์ไขมันในชั้นผิวหนังบริเวณที่ทำได้ โดยสามารถลดลงได้ 20%-27%* ต่อการทำ 1 ครั้งจนถูกนำมาใช้ในศาสตร์ความสวยงาม ปรับสรีระร่างกาย ลดสัดส่วนอย่างเป็นธรรมชาติ มีประสิทธิภาพและปลอดภัย
*ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันในแต่ละบุคคล
CoolSculpting ทำบริเวณใดของร่างกายได้บ้าง?
คุณสามารถฆ่าเซลล์ไขมันด้วยเทคโนโลยี CoolSculpting ได้แทบทุกส่วนของร่างกายเลยทีเดียว โดยบริเวณที่สามารถทำได้ ได้แก่
- ใต้คาง
- เนินอก
- ราวนม
- ต้นแขน
- หน้าท้องส่วนบน
- หน้าท้องส่วนล่าง
- ปีกหลังบน
- ปีกหลังล่าง
- รอบเอว
- บั้นเอว
- หัวเข่า
- ต้นขาด้านใน
- ต้นขาด้านนอก
- แก้มก้น
เปรียบเทียบ CoolSculpting กับวิธีสลายไขมันและกระชับสัดส่วนแบบอื่น
CoolSculpting เป็นนวัตกรรมที่มีงานวิจัยทางการแพทย์รับรองมากมาย และเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ก็มีวิธีสลายไขมันหรือกระชับผิววิธีอื่นๆ ที่น่าสนใจและมีชื่อเสียงในวงกว้างด้วยเช่นกัน จนหลายครั้งผู้เข้ารับบริการก็อาจเกิดความสับสนในการเลือกรับบริการแต่ละวิธี
เปรียบเทียบ HIFU Body กับ CoolSculpting
การทำไฮฟู่ (High Intensity Focus Ultrasound: HIFU) คือ นวัตกรรมการยิงคลื่นพลังงานโฟกัสอัลตราซาวด์ลงไปใต้ชั้นผิวเพื่อลดชั้นไขมัน กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนกับชั้นเนื้อเยื่อใหม่ที่มีการหดตัวและแน่นขึ้นกว่าเก่า สามารถแก้ปัญหาผิวได้ดังต่อไปนี้
- ปัญหาเหนียงใต้คอ หรือรูปร่างไม่กระชับ เมื่อจับดูแล้วผิวมีสัมผัสนิ่มจากไขมันส่วนเกิน
- ปัญหาริ้วรอยแห่งวัยที่ใบหน้า ลำคอ
- ปัญหาผิวหย่อนยาน ไม่กระชับ เป็นเนื้อเหลวตามอายุ
- ปัญหาแก้มเยอะ กรอบหน้าไม่ชัด
สำหรับยี่ห้อเครื่องทำไฮฟู่ที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมในท้องตลาดจะได้แก่
- เครื่อง Ulthera
- เครื่อง Ultraformer III
- เครื่อง Ultrashape
วิธีรับบริการ: ทั้ง CoolSculpting และ HIFU ต่างเป็นนวัตกรรมที่ใช้วิธียิงพลังงานจากเครื่องลงไปใต้ผิว ไม่มีการใช้เข็มฉีดยา หรือการทำหัตถการที่ต้องใช้เข็มหรือมีดผ่าตัดใดๆ จึงเหมาะกับผู้เข้ารับบริการที่ไม่ต้องการผ่าตัดหรือกลัวเข็มทั้งหมด
การสลายเซลล์ไขมัน: CoolSculpting จะมีความโดดเด่นด้านการสลายเซลล์ไขมันมากกว่า เมื่อเทียบกับการทำ HIFU ที่จะเน้นไปที่กระบวนการกระชับผิวหนังให้มีความตึงแน่นและไม่หย่อนยาน
หากคุณเป็นผู้ที่ต้องการสลายไขมันโดยมีผลลัพธ์สุดท้ายอยู่ที่การยกกระชับของผิวมากกว่าปริมาณไขมันที่หายไป ก็อาจเหมาะต่อการรับบริการทำ HIFU มากกว่า แต่หากต้องการเน้นลดสัดส่วน อยากให้รูปร่างดูผอมเพรียวเร็วขึ้น การทำ CoolSculpting ก็จัดเป็นกระบวนการที่ตอบโจทย์มากกว่า
ระยะเวลาของผลลัพธ์หลังรับบริการ: การทำ HIFU จะเห็นผลได้ชัดที่สุดเมื่อรับบริการไปแล้วประมาณ 1-3 เดือน ผู้เข้ารับบริการบางท่านอาจเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังรับบริการ และจะอยู่ได้นานประมาณ 6-8 เดือน
ส่วนการทำ CoolSculpting จะเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ชัดที่สุดเมื่อรับบริการไปแล้วภายใน 3 เดือน โดยเซลล์ไขมันจะไม่กลับมาเกิดซ้ำอีก แต่ควรต้องออกกำลังกายและรับประทานอาหารไขมันต่ำร่วมด้วย เพื่อผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดมากขึ้นไปอีก
- ดูรายละเอียด กระชับผิวหน้า ด้วย HIFU Ultraformer III ที่ The Sign Clinic (ทองหล่อ)
- ดูรายละเอียด ทำ HIFU ด้วยเครื่อง Ultraformer III บริเวณใบหน้าและร่างกาย ที่ The Sign Clinic (ทองหล่อ)
- ดูรายละเอียด กระชับผิวหน้า ด้วย Ulthera ที่ The Sign Clinic (ทองหล่อ)
เปรียบเทียบ Thermage Body กับ CoolSculpting
การทำเทอร์มาจ (Thermage) คือ การใช้คลื่นพลังงานวิทยุความถี่สูง (Monopolar RF) ยิงลงใต้ชั้นผิวหนังจนถึงชั้นไขมันเพื่อกระตุ้นการหดตัวของคอลลาเจนใต้ผิวทำให้เกิดความกระชับเข้าหากัน และช่วยกำจัดเซลล์ไขมันกับเซลล์ลูไลท์ใต้ผิวให้น้อยลง
การทำเทอร์มาจเป็นนวัตกรรมที่คล้ายกับการทำ HIFU แต่จะมีความโดดเด่นในส่วนของการลดริ้วรอยและความหย่อนคล้อยของผิวที่เห็นประสิทธิภาพได้ชัดกว่า แต่ขณะเดียวกันก็สามารถทำได้กับผู้เข้ารับบริการแทบทุกวัย ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้สูงอายุที่มีริ้วรอยและความหย่อนคล้อยชัดเสมอไป
และนอกจากแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย มีริ้วรอย การทำเทอร์มาจยังช่วยกำจัดเซลล์ลูไลท์ที่เกิดขึ้นกับผิวของคนแทบทุกวัยได้ และกำจัดไขมันส่วนเกินที่ทำให้ผิวหน้าหรือผิวกายดูใหญ่ ไม่เรียว หรือมีขนาดไม่กระชับได้อีกด้วย โดยสามารถทำได้ทั้งใบหน้า ตั้งแต่หน้าผากจนถึงใต้คาง รวมถึงอื่นๆ เช่น
- ต้นแขน
- ต้นขา
- หน้าท้อง
- เอว
- สะโพก
วิธีรับบริการ: วิธีการรับบริการทำ Thermage จะมีความคล้ายคลึงกับการทำ HIFU แทบทุกกระบวนการ ซึ่งโดยหลักๆ คือ ทำความสะอาดผิว ทายาชาแล้วรอยาออกฤทธิ์ประมาณ 30-45 นาที หลังจากนั้นแพทย์จะเริ่มยิงพลังงานจากเครื่องลงกับผิว
สำหรับความรู้สึกระหว่างรับบริการ การทำ Thermage จะให้ความรู้สึกที่อุ่น ตึงผิวได้มากกว่าการทำ HIFU ในขณะที่การทำ CoolSculpting ก็อาจก่อให้เกิดความรู้สึกเย็นหรือเสียวแปลบที่ผิวได้เช่นกัน แต่มักอยู่ในระดับที่ทนได้และปลอดภัย
การสลายเซลล์ไขมัน: การทำ Thermage มีความโดดเด่นด้านการสลายไขมันเช่นกัน แต่จะเป็นการสลายไขมันเพื่อให้ผิวตึงแน่นกระชับ ลดโอกาสเกิดรอยเหี่ยวย่น รอยยับ หรือความหย่อนคล้อยมากกว่า ในขณะที่การทำ CoolSculpting จะให้ความสำคัญของการลดขนาดสัดส่วนอย่างชัดเจน มีการวัดขนาดร่างกายทั้งก่อนและหลังรับบริการเพื่อให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ไขมันที่หายไป
หากคุณมีจุดมุ่งหมายในการรักษาเพื่อเป็นการยกกระชับความหย่อนคล้อยของผิว อยากให้ผิวดูอ่อนวัย ไม่มีริ้วรอยชัดเหมือนแต่ก่อน การทำ Thermage จะเป็นการทำสลายไขมันที่ช่วยแก้ปัญหานี้ได้ตรงจุดกว่า แต่หากต้องการเน้นไปที่การเปลี่ยนแปลงของขนาดร่างกาย การทำ CoolSculpting จะเป็นวิธีที่เหมาะกว่า
ระยะเวลาของผลลัพธ์หลังรับบริการ: ผลลัพธ์จากการทำ Thermage จะเห็นได้ชัดเมื่อระยะเวลาหลังรับบริการผ่านไปประมาณ 3-6 เดือน และจะอยู่ได้ประมาณ 1 ปี
เช่นเดียวกับการทำ CoolSculpting ที่จะเห็นสัดส่วนลดลงโดยผลการรักษาจะเริ่มปรากฎตั้งแต่ 2 – 4 สัปดาห์หลังรับการรักษา* และจะยิ่งชัดเจนขึ้นใน 2 -3 เดือน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิตประจำวันด้านการกินและออกกำลังกายของผู้เข้ารับบริการด้วย
*ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันในแต่ละบุคคล
- ดูรายละเอียด ทำ Thermage CPT บริเวณใบหน้า ที่ The Sign Clinic
เปรียบเทียบ Carboxy Therapy กับ CoolSculpting
การทำ Carboxy Therapy คือ การฉีดสารคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ CO2 เพื่อให้เกิดกระบวนการออกซิเดทีฟ ไลโพไลซิส (Oxidative Lipolysis) เพื่อสลายเซลล์ไขมันใต้ผิวและกำจัดเซลล์ลูไลท์ที่ทำให้เกิดผิวเปลือกส้ม รวมถึงช่วยลดรอยแตกลายให้ผิวกลับมาเรียบเนียนสม่ำเสมอกัน
นอกจากนี้ การทำ Caboxy Therapy ยังเสริมให้ระบบไหลเวียนเลือดใต้ผิวหนังทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้เซลล์เนื้อเยื่อมีการเรียงตัวที่แน่นกระชับเข้าหากันมากขึ้นด้วย
การทำ Caboxy Therapy เป็นกระบวนการสลายไขมันที่หลายคนอาจไม่เคยได้ยิน แต่ก็จัดเป็นการทำหัตถการเพื่อลดสัดส่วนที่นิยมในหลายสถานพยาบาลเช่นกัน
วิธีรับบริการ: การทำ Caboxy Therapy เป็นการทำหัตถการผ่านการใช้ท่อส่งก๊าซขนาดเล็กต่อกับเข็มฉีดยาแล้วฉีดลงไปใต้ผิวของผู้เข้ารับบริการ ต่างจากการทำ CoolSculpting ที่เป็นยิงพลังงานจากเครื่องผ่านหัวยิงหรือแอปพลิเคเตอร์ (Applicator) ไม่ต้องมีการเจาะหรือผ่าตัดใดๆ กับชั้นผิวของผู้เข้ารับบริการเลย
การสลายไขมันใต้ชั้นผิว: การทำ Caboxy Therapy มีวัตถุประสงค์หลักคล้ายกับการทำ CoolSculpting นั่นคือ การกำจัดไขมันส่วนเกินเพื่อเสริมให้สัดส่วนของผู้เข้ารับบริการมีการเปลี่ยนแปลงที่กระชับเล็กลง แต่จะแตกต่างกันด้วยตัวแปรที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง โดยการทำ Caboxy Therapy จะเป็นการใช้ก๊าซ แต่การทำ CoolSculpting จะเป็นการใช้พลังงานเข้าไปเปลี่ยนแปลงผิว
ระยะเวลาของผลลัพธ์หลังรับบริการ: การทำ Caboxy Therapy จำเป็นต้องทำอย่างต่อเนื่องกันทุกๆ 1-2 สัปดาห์ ประมาณ 5-10 ครั้ง จึงจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ไขมันที่ลดลงประมาณ 30%
แต่การทำ CoolSculpting นั้น เพียงรับบริการแค่ครั้งเดียวก็สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนได้แล้ว โดยกระบวนการฆ่าเซลล์ไขมันจะเสร็จสมบูรณ์ และเห็นผลได้ชัดที่สุดภายในระยะเวลา 3 เดือน
อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 วิธีก็จำเป็นต้องอาศัยวินัยในการออกกำลังกายและการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ร่วมด้วยอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงของสัดส่วนเป็นไปตามเป้าหมายได้มากที่สุด
เปรียบเทียบ การฉีดโบท็อกซ์ กับ CoolSculpting
การฉีดโบท็อกซ์ คือ การฉีดสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum Toxin Type A) เพื่อปรับการทำงานของมัดกล้ามเนื้อใต้ผิวให้ทำงานลดลง ส่งผลให้ผิวหนังตึงกระชับ ลดการเกิดริ้วรอย หรือรอยพับบนผิว นิยมฉีดบริเวณใบหน้าเป็นหลัก และยังสามารถใช้ฉีดเพื่อลดปัญหาเหงื่อออกมากตามส่วนต่างๆ ร่างกายได้ด้วย
ส่วนมากผู้เข้ารับบริการมักฉีดโบท็อกซ์บริเวณใบหน้าเพื่อยกกระชับให้กรอบหน้าดูเรียว และลดรอยเหี่ยวย่นบางบริเวณที่เกิดขึ้นขณะทำสีหน้าหรือกำลังพูด เช่น หน้าผาก หางคิ้ว หว่างคิ้ว ข้างจมูก มุมปาก
วิธีรับบริการ: การฉีดโบท็อกซ์เป็นการทำหัตถการโดยการใช้เข็มฉีดยา อาจมีการทายาชา หรือฉีดยาชาร่วมด้วยเพื่อระงับความรู้สึกเจ็บที่อาจเกิดขึ้น หรือบางคลินิกก็อาจเป็นการใช้น้ำแข็งเย็นประคบเพื่อให้เกิดความรู้สึกชาชั่วขณะก่อนจะเริ่มฉีดโบท็อกซ์ให้ ต่างจากการทำ CoolSculpting ที่จะไม่มีการใช้เข็มฉีดยาใดๆ ทั้งสิ้น
การสลายไขมันใต้ชั้นผิว: กลไกการทำงานของสารโบท็อกซ์นั้นไม่ได้อยู่ที่การสลายไขมันแต่อย่างใด และไม่ได้ช่วยลดไขมันใต้ผิวให้ลดลง แต่จะเป็นการกระตุ้นให้กล้ามเนื้อของใบหน้าที่มักขยับบ่อยจนผิวเกิดริ้วรอยให้ทำงานลดลง
ดังนั้นจุดมุ่งหมายของการกระชับผิวด้วยการฉีดโบท็อกซ์จึงแตกต่างจากการยกกระชับผิวผ่านการสลายไขมันของเทคโนโลยี CoolSculpting โดยสิ้นเชิง
หากคุณเป็นผู้ที่มีเป้าหมายอยู่ที่การลดริ้วรอยบนผิวหน้า ต้องการยกกระชับกรอบหน้าให้เรียวสวย และไม่ได้ต้องการลดสัดส่วนไขมันภายในร่างกาย การฉีดโบท็อกซ์ก็จัดเป็นการทำหัตถการที่ช่วยแก้ปัญหาผิวให้กับคุณได้อย่างตรงจุด
แต่หากคุณต้องการลดสัดส่วนเซลล์ไขมันตั้งแต่ภายในจนถึงระดับเซลล์แบบเฉพาะส่วน และยังไม่ได้ต้องการแก้ปัญหาริ้วรอยบริเวณผิวหน้า แต่เน้นไปที่ส่วนของร่างกายมากกว่า เช่น แขน ขา หน้าท้อง เอว การทำ CoolSculpting จะเหมาะต่อการปัญหาไขมันในส่วนนี้มากกว่า
ระยะเวลาของผลลัพธ์หลังรับบริการ: ผลลัพธ์จากการฉีดโบท็อกซ์จะเริ่มเห็นผลได้ชัดหลังจากรับบริการไปแล้วประมาณ 2 สัปดาห์ และจะอยู่ได้นานประมาณ 3-6 เดือน ซึ่งค่อนข้างเร็วเมื่อเทียบกับผลลัพธ์ของนวัตกรรม CoolSculpting ที่จะเห็นผลภายใน 3 เดือน
- ดูรายละเอียด ฉีด Botulinum Toxin อเมริกา Allergan 100 ยูนิต เพื่อปรับรูปหน้า ที่ The Sign Clinic (ทองหล่อ)
เปรียบเทียบ การฉีดเมโสแฟต กับ CoolSculpting
การฉีดเมโสแฟต (Meso Fat) คือ การฉีดตัวยาลงใต้ชั้นผิวเพื่อสลายไขมันและเซลล์ลูไลท์ที่สะสมอยู่มากเฉพาะจุด ทำให้สัดส่วนเล็กกระชับขึ้น โดยสารยาที่อยู่ในผลิตภัณฑ์เมโสแฟตจะมีอยู่หลายตัวด้วยกัน เช่น Artichoke Extract, L-carnitine, Mesostabyl (Polyunsaturated phosphatidylcholine)
การฉีดเมโสแฟตสามารถฉีดได้แทบทุกส่วนของร่างกาย เช่น เหนียงใต้คาง ต้นแขน ต้นขา หน้าท้อง เอว สะโพก แต่บริเวณที่นิยมฉีดมากที่สุดมักจะเป็นบริเวณใบหน้าในส่วนของแก้มและใต้คาง
วิธีรับบริการ: การฉีดเมโสแฟตเป็นการทำหัตถการผ่านเข็มฉีดยา และอาจมีการทายาชาหรือฉีดยาชาให้เช่นเดียวกับการฉีดโบท็อกซ์
การสลายไขมันใต้ชั้นผิว: สารยาในเมโสแฟตหลายตัวมีคุณสมบัติกำจัดกรดไขมัน รวมถึงดึงไขมันเก่าใต้ชั้นผิวออกมาเป็นพลังงานให้กับร่างกาย ทำให้ไขมันได้ถูกนำไปใช้งานอย่างมีประโยชน์ก่อนที่จะสลายไป ในขณะที่การทำ CoolSculpting จะเป็นการสร้างกระบวนการสลายไขมันด้วยความเย็น
โดยสรุปคือ ทั้งการฉีดเมโสแฟตและการสลายไขมันด้วย CoolSculpting ล้วนมีจุดมุ่งหมายแบบเดียวกัน แต่ต่างกันด้วยกลไกการกำจัดไขมันออกเท่านั้น
ระยะเวลาของผลลัพธ์หลังรับบริการ: ผลลัพธ์หลังจากฉีดเมโสแฟตจะสังเกตเห็นได้ชัดเมื่อผ่านไปประมาณ 1 สัปดาห์ และจะเห็นผลเต็มที่เมื่อผ่านไปประมาณ 1 เดือน อยู่ได้นานประมาณ 5-6 เดือน ซึ่งค่อนข้างเร็วกว่าการสลายไขมันด้วย CoolSculpting แต่ผลลัพธ์จะไม่ยืนยาว และต้องกลับมาฉีดซ้ำหากต้องการลดไขมันอีก
- ดูรายละเอียด ฉีดเมโสแฟตเพื่อสลายไขมัน ที่ The Sign Clinic
สรุปแล้ว CoolSculpting เหมาะกับใคร?
หลังจากเปรียบเทียบจุดเด่นและจุดด้อยของ CoolSculpting กับวิธีการสลายไขมันและกระชับสัดส่วนแบบต่างๆ ไปแล้ว ผู้ที่เหมาะกับบริการทำ CoolSculpting จะมีดังต่อไปนี้
- ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงขนาดรูปร่างและลดปริมาณเซลล์ไขมันออกจากร่างกาย
- ผู้ที่กลัวเข็มฉีดยา การผ่าตัด แต่ต้องการกำจัดเซลล์ไขมันออกจากร่างกาย
- ผู้ที่ผ่านการออกกำลังกาย คุมอาหาร หรือลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่นๆ แล้ว แต่ก็ไม่สามารถลดขนาดรูปร่างตามเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ได้
- ผู้ที่ไม่มีเวลาหรือไม่ได้ต้องการกลับมารับบริการสลายไขมันบ่อยๆ หลายครั้ง
อย่างไรก็ตาม คุณไม่จำเป็นต้องสลายไขมันด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งเสมอไป แต่สามารถใช้หลายวิธีควบคู่กันได้ ไม่ว่าจะเป็นการทำ HIFU การทำ Thermage การฉีดโบท็อกซ์ เมโสแฟต หรือการทำ Caboxy Therapy เพื่อให้ผลลัพธ์ของรูปร่างที่มีขนาดเล็กลงเห็นผลได้รวดเร็วและชัดเจนขึ้น
อย่างไรก็ตาม การกำจัดไขมันออกด้วยหลายวิธีในระยะเวลาใกล้กันจำเป็นต้องอยู่ภายในการดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพราะในทุกหัตถการจะต้องมีการเว้นช่วงเวลาให้สุขภาพของผู้เข้ารับบริการพร้อมสำหรับการกำจัดเซลล์ไขมันหรือรับสารยาต่างๆ เสียก่อน
รับบริการทำ CoolSculpting ที่ The Sign Clinic (ทองหล่อ)
ที่ The Sign Clinic (ทองหล่อ) มีบริการสลายไขมันด้วยนวัตกรรม CoolSculpting ที่ดำเนินการโดย CoolSculpting Specialist ผู้เชี่ยวชาญ ที่ผ่านการฝึกอบรมสำหรับบริการสลายไขมันด้วยนวัตกรรม CoolSculpting โดยเฉพาะ สามารถวิเคราะห์กระบวนการสลายไขมันให้กับผู้เข้ารับบริการทุกท่านได้อย่างถูกจุดและเห็นผล
หากคุณกำลังมองหาคลินิกสำหรับกระชับสัดส่วนที่มีคุณภาพ สะอาด ปลอดภัย ขับเคลื่อนทุกบริการด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และได้มาตรฐาน The Sign Clinic (ทองหล่อ) จัดเป็นคลินิกความงามคุณภาพในระดับแนวหน้าที่คุณไม่ควรพลาด
โดยคลินิกตั้งอยู่ที่ย่านทองหล่อ สามารถโดยสารผ่านรถไฟฟ้าได้ และยังมีบริการ Valet Parking เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการสามารถเข้าไปใช้บริการที่คลินิกได้ทันที โดยไม่ต้องจอดรถเอง
หรือหากคุณยังไม่มั่นใจ ต้องการขอรับคำปรึกษากับแพทย์ก่อน เพื่อให้แพทย์ ผู้เชี่ยวชาญ ตรวจและวิเคราะห์เกี่ยวกับสัดส่วนร่างกายที่ต้องการลดขนาด ทาง The Sign Clinic (ทองหล่อ) ยินดีต้อนรับ และพร้อมจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความงามในการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการแก้ปัญหาปริมาณไขมันให้กับผู้เข้ารับบริการทุกท่าน
เพื่อให้คุณมั่นใจว่า ทุกบริการที่จะได้รับมีความคุ้มค่า และช่วยเปลี่ยนแปลงรูปร่างของคุณได้อย่างถูกเป้าหมาย
นอกจากนี้ทางคลินิกยังมีบริการ DualSculpting ซึ่งเป็นบริการสลายไขมันด้วยเครื่อง CoolSculpting 2 เครื่องในเวลาเดียวกัน เพื่อช่วยย่นระยะเวลารับบริการให้กับผู้ที่ต้องการสลายไขมันหลายส่วนหรือทั้ง 2 ข้างในเวลาเดียวกัน
รับบริการสลายไขมันด้วยเครื่อง CoolSculpting กับทาง The Sign Clinic (ทองหล่อ) ได้แล้ววันนี้ เพื่อให้คุณได้เป็นตัวเองที่โดดเด่นและมั่นใจขึ้นกว่าเดิม จะพบปะใครหรือใส่เสื้อผ้าแบบไหนก็ไม่ต้องกังวล เพราะ The Sign Clinic (ทองหล่อ) สามารถเป็นผู้เปลี่ยนแปลงสัดส่วนให้กับคุณได้ด้วยความเชี่ยวชาญและความล้ำหน้าของนวัตกรรมของแท้ที่ได้มาตรฐาน
คุณสามารถซื้อแพ็กเกจบริการ CoolSculpting ของ The Sign Clinic ผ่านทาง HDmall.co.th หรือหากมีข้อสงสัยใดๆ ก็สามารถแอดไลน์ @HDcoth เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ผ่านตั้งแต่เก้าโมงเช้าถึงตีหนึ่งครึ่ง
บทความที่ HDmall.co.th แนะนำ
ที่มาของข้อมูล
- โรงพยาบาลยันฮี, สลายไขมันส่วนเกิน-Carboxy Therapy (https://th.yanhee.net/หัตถการ/carboxy-therapy/), 7 มกราคม 2564.