หากคุณเป็นคนรักสวยรักงาม การทำผมอาจเป็นหนึ่งในวิธีที่น่าสนใจสำหรับคุณ เพราะใช้เวลาทำไม่นาน มีหลายวิธี และราคาไม่แพงหากเทียบกับการเสริมสวยประเภทอื่นๆ เช่น การศัลยกรรมเพื่อความเสริมสวย
สารบัญ
การย้อมผมคืออะไร ใครควรย้อม?
การย้อมผม คือการใช้สารเคมีทาที่เส้นผมหรือหนังศีรษะเพื่อให้สีผมเปลี่ยนไปตามต้องการ เหมาะกับผู้ที่ต้องการย้อมสีแฟชั่นเพื่อความสวยความงาม และผู้ที่ต้องการปกปิดผมหงอก การย้อมผมมีด้วยกันหลักๆ 3 ประเภท ดังนี้
1. การย้อมผมแบบชั่วคราว
การย้อมผมแบบชั่วคราว เป็นการใช้ผลิตภัณฑ์ย้อมสีผมที่ติดอยู่บนพื้นผิวของเส้นผม แต่จะไม่ซึมเข้าไปด้านในและหลุดออกไปเมื่อทำความสะอาดด้วยน้ำยาสระผมประมาณ 1-2 ครั้ง
การย้อมผมชั่วคราวเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการย้อมผมเพียงช่วงเวลาสั้นๆ เพียงวันเดียว เช่น ออกงานสังสรรค์ ทำงานการแสดง
ผลิตภัณฑ์ย้อมผมชั่วคราวมีทั้งแบบน้ำยา เจล มูส (Mousses) และสเปรย์ สามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไป
2. การย้อมผมแบบกึ่งถาวร
เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้แล้วสีจะซึมเข้าไปในเส้นผมเล็กน้อย เวลาทำความสะอาดด้วยน้ำยาสระผม สีจะไม่หลุดออกง่ายเหมือนการย้อมผมแบบชั่วคราว
ผลของการย้อมแบบกึ่งถาวรอาจคงอยู่ได้ประมาณ 1 เดือน หรือหลังจากสระผมด้วยน้ำยาสระผมประมาณ 5-10 ครั้ง ขึ้นอยู่กับแต่ละคน
การย้อมผมกึ่งถาวรเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนสีผมเป็นระยะเวลาหนึ่ง แต่ก็สามารถเปลี่ยนสีได้เป็นระยะเช่นกัน ผลิตภัณฑ์ย้อมผมกึ่งถาวรมีทั้งแบบน้ำยา เจล และโฟม หาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไปเช่นกัน
3. การย้อมผมถาวร
การย้อมผมถาวร เป็นการย้อมที่สีผมจะคงอยู่ตลอดจนกว่ารากผมจะผลิตผมใหม่ขึ้นมา จึงจะสังเกตเห็นสีเดิมของผมที่โคนผม
ผลิตภัณฑ์ย้อมผมประเภทนี้มักมีส่วนผสมของสารไฮโดรเจน เปอร์ออกไซด์ (Hydrogen peroxide) ที่สามารถย้อมสีผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
น้ำยาย้อมผมถาวรมักต้องผสมน้ำยากับน้ำเปล่าตามสูตรที่กำหนด ต่างจากผลิตภัณฑ์ประเภทอื่นที่สามารถใช้ได้ทันที และต้องทาทิ้งไว้บนผมครึ่งชั่วโมงถึง 1 ชั่วโมงก่อนจะล้างออก
ผู้ที่ต้องการย้อมผมหลายคนจึงเลือกไปใช้บริการที่ร้านทำผมเพื่อความสะดวกสบาย
สีของน้ำยาย้อมผมจะซึมเข้าไปเกาะติดอยู่ในเส้นผม และไม่สามารถล้างออกได้ด้วยน้ำยาสระผม แต่สีอาจจางลงเมื่อเวลาผ่านไปนานๆ
ข้อควรระวังของการย้อมผม
การย้อมผมมีความปลอดภัยและนิยมใช้กันมาก แต่ก็มีข้อควรระวังบางอย่างที่อาจพบได้ ดังนี้
- อาจเพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็ง ผู้ที่ใช้งานผลิตภัณฑ์ย้อมผมเป็นประจำ เช่น ผู้ที่ทำงานในร้านทำผม อาจมีโอกาสเพิ่มความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งได้ แต่ในคนที่ใช้ทั่วไปยังคงต้องศึกษาเพิ่มเติม
- อาจเกิดอาการแพ้ได้ ในผลิตภัณฑ์ย้อมสีผมมีส่วนผสมที่ชื่อ Paraphenylenediamine (PPD) เป็นหนึ่งในส่วนประกอบที่ก่อให้เกิดอาการแพ้บ่อยที่สุด
การยืดผมคืออะไร ใครควรยืด?
การยืดผมเป็นการเปลี่ยนเส้นผมที่หยักศก ผมหยิกงอ ให้กลายเป็นเส้นตรงและสามารถจัดทรงได้ง่ายขึ้น ปัจจุบันมีด้วยกัน 2 รูปแบบหลักๆ ดังนี้
1. การยืดผมธรรมดา
การยืดผมธรรมดาสามารถทำได้ทั้งที่ร้านทำผม หรือทำที่บ้านก็ได้ โดยใช้น้ำยายืดผมร่วมกับที่หนีบผม
น้ำยายืดผมบางชื่อการค้าใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ และสามารถใช้ยืดผมได้โดยไม่ต้องอาศัยความร้อน หรือที่หลายคนเรียกว่า “ยืดผมออร์แกนิค”
แต่ผลการยืดผมธรรมดาอาจคงอยู่ไม่นานนัก ปัจจุบันจึงมีเทคนิคการยืดผมถาวรที่มักจะให้บริการในร้านทำผม นั่นก็คือการยืดผมถาวรด้วยเคราตินทรีตเมนต์ (Keratin treatment)
2. การยืดผมด้วยเคราตินทรีตเมนต์
เคราตินทรีตเมนต์ (Keratin treatment) หรือบางคนอาจเรียกว่า บราซิลเลี่ยน โบล์วเอ้าท์ (Brazilian blowout)
เป็นการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเคราติน (Keratin) ซึ่งเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่มีอยู่ในผิวหนัง เส้นผม และเล็บตามธรรมชาติ ร่วมกับสารเคมีฟอร์มัลดีไฮด์ (Formaldehyde)
เส้นผมที่ทำการยืดแล้วอาจเป็นเส้นตรงแบบนั้นไปจนกว่าจะมีผมใหม่เติบโตขึ้นมาแทน หลายคนเรียกการยืดผมแบบนี้ว่าการยืดผมถาวร
ผู้ให้บริการจะสระผมให้ก่อนทำทรีตเมนต์ จากนั้นจะลงทรีตเมนต์บนเส้นผมขณะที่ผมเปียก ตามด้วยการหวีจัดทรงผมก่อนจะทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที ผู้ให้บริการบางคนอาจเป่าผมให้แห้งก่อนลงทรีตเมนต์ ขึ้นอยู่กับเทคนิคของแต่ละคน
ในการยืดผมอาจต้องใช้เวลามากกว่า 1 ชั่วโมงเพื่อเปลี่ยนแปลงเส้นผม ขึ้นอยู่กับลักษณะผมของแต่ละคน
ข้อดีของการทำเคราตินทรีตเมนต์
ผลิตภัณฑ์เคราตินทรีตเมนต์มีด้วยกันหลายชื่อการค้า ผลลัพธ์และส่วนผสมที่ไม่เหมือนกันอาจให้ผลแตกต่างกันได้ ผลลัพธ์ที่อาจพบจากการทำเคราตินทรีตเมนต์ มีดังนี้
- อาจช่วยให้ผมเรียบเนียนดูสลวย เคราตินอาจมีส่วนทำให้ผมหยิกน้อยลง ช่วยลดผมแตกปลายได้ แลดูเรียบเนียน
- อาจให้ผลคงอยู่ยาวนาน หากไม่สระผมบ่อยเกินไป จะทำให้เคราตินยังคงอยู่บนเส้นผมได้นานถึง 6 เดือน
- อาจช่วยให้จัดแต่งทรงง่ายขึ้น สำหรับผู้ที่มีผมหยิกหรือผมหนา หลังจากทำเคราตินทรีตเมนต์อาจรู้สึกว่าสามารถจัดแต่งทรงได้ง่ายขึ้น
- อาจช่วยให้เส้นผมแข็งแรงขึ้น เคราตินมีส่วนช่วยเสริมความแข็งแรงให้เส้นผม ช่วยลดการหลุดร่วง และอาจช่วยผมเส้นผมโตไวขึ้นอีกด้วย
ข้อเสียของการทำเคราตินทรีตเมนต์
ต่อไปนี้คือข้อเสียหรือข้อควรระวังหากต้องการทำเคราตินทรีตเมนต์
- อาจมีส่วนผสมของสารเคมีที่กระทบสุขภาพ เช่น ฟอร์มัลดีไฮด์ (Formaldehyde) ซึ่งเป็นหนึ่งในสารเคมีที่ช่วยให้ผมยืดตรง แต่อาจมีผลกระทบในการเกิดโรคมะเร็งด้วยเช่นกัน ดังนั้นควรหาเคราตินทรีตเมนต์ที่ปราศจากสารดังกล่าว
- หากสระผมบ่อยผลของเคราตินจะอยู่ได้สั้นลง ผู้ที่มีพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันที่ทำให้ผมมีกลิ่นง่ายจนต้องสระผมบ่อย อาจทำให้ผลลัพธ์คงอยู่ได้น้อยลงเพราะเคราตินถูกชะล้างออก
- สภาพผมบนศีรษะอาจไม่เหมือนกัน เส้นผมที่งอกออกมาใหม่ อาจมีสภาพไม่เหมือนเดิมกับช่วงก่อนทำทรีตเมนต์
ดัดผมคืออะไร?
การดัดผมโดยทั่วไป หมายถึงการทำให้ผมดูมีวอลลุ่มไม่ลีบแบน มีด้วยกัน 2 วิธีหลักๆ ดังนี้
1. ดัดผมธรรมดา
การดัดผมธรรมดา จะใช้แกนดัดผมที่มีความร้อนไม่เกิน 45 องศาเซลเซียสร่วมกับน้ำยาดัดเย็น หรืออาจใช้แกนดัดธรรมดาที่ไม่ต้องใช้ความร้อนเลยก็ได้
สามารถเลือกแกนดัดได้ตามใจชอบ ส่วนมากแกนดัดจะมีน้ำหนักเบาช่วยยกโคนผมได้ดี
2. ดัดผมดิจิตอล
บางคนเรียกการดัดผมดิจิตอลว่า “การดัดผมร้อน” ซึ่งหมายถึงการดัดผมแบบเดียวกัน
การดัดผมดิจิตอลจะใช้น้ำยาดัดร้อนร่วมกับแกนดัดผมไฟฟ้าที่มีความร้อนกว่า 100 องศาเซลเซียส เพื่อให้โครงสร้างภายในเส้นผมเปลี่ยนแปลงไป โดยผู้ให้บริการจะลงผลิตภัณฑ์บำรุงและป้องผมเสียก่อน
การดัดผมดิจิตอลสามารถอยู่ได้นานกว่าการดัดผมธรรมดา ลอนดูสม่ำเสมอ สามารถเลือกรูปทรงของลอนผมได้ 3 รูปแบบหลักๆ ดังนี้
- J Curl เป็นการดัดลอนปลายให้มีลักษณะคล้ายตัว J ถือเป็นลอนที่เบาบางที่สุด เหมาะกับผู้ที่ต้องการให้ผมมีลอนเพียงเล็กน้อย เมื่อทำออกมาแล้วอาจช่วยให้บางคนดูมีใบหน้าเรียวขึ้น
- C Curl เป็นการดัดลอนปลายให้มีลักษณะคล้ายตัว C ผู้ให้บริการบางรายอาจเรียกว่า “ดัดงุ้มปลาย” เหมาะสำหรับผู้ที่มีผมยาวประบ่าจนถึงผมยาว และต้องการผมหยักศกแบบดูเป็นธรรมชาติ
- S Curl เป็นการดัดลอนผมให้มีลักษณะคล้ายตัว S เหมาะกับผู้ที่ต้องการให้ผมดูหนานุ่ม รวมถึงปกปิดความบางของเส้นผมได้อีกด้วย
การดัดผมดิจิตอลอาจใช้เวลา 1 ชั่วโมงขึ้นไป ขึ้นอยู่กับความยาวของเส้นผม หลายคนจึงเลือกไปใช้บริการที่ร้านทำผมเพื่อความสะดวกสบาย
โดยสรุปแล้วจะเห็นได้ว่าการเสริมสวยด้วยการทำผม มีทั้งวิธีการที่สามารถทำเองที่บ้านได้และวิธีที่ทำที่ร้านเพื่ออำนวยความสะดวก