หลายคนต้องเผชิญหน้ากับอาหารขึ้นราครั้งแล้วครั้งเล่าทั้งๆที่เพิ่งซื้อมาได้ไม่นาน หากจะทิ้งก็ทำให้เสียดายของ แต่ถ้าจะนำส่วนที่เหลือมาใช้ก็ไม่แน่ใจว่าจะปลอดภัยหรือไม่ กระทรวงการเกษตรของประเทศสหรัฐอเมริกา (USDA) ตระหนักถึงความความปลอดภัยของผู้บริโภคในส่วนนี้และได้ทำการเผยแพร่คำแนะนำเกี่ยวกับการเลือกรับประทานอาหารกลุ่มต่างๆที่ขึ้นราไว้ดังนี้
สารบัญ
อาหารประเภทเนื้อสัตว์ขึ้นรา
1. เนื้อสดและเนื้อสัตว์แปรรูปจำพวกเบคอน แฮม ไส้กรอก และอื่นๆ
ประเภทนี้ควรทิ้งทันที เนื่องจากความชื้นในเนื้อสัตว์จำพวกนี้ทำให้เชื้อราเจริญเติบโตได้ดี นอกจากเชื้อราที่มองเห็นได้แล้ว ยังมีเชื้อแบคทีเรียที่มองไม่เห็นแฝงอยู่ด้วย จึงไม่ปลอดภัยที่จะนำส่วนใดส่วนหนึ่งมารับประทานต่อ
2. เนื้อสัตว์ตากแห้งหรืออบแห้งชนิดที่ยังไม่ได้หั่นให้เป็นชื้นเล็กๆ
ประเภทนี้ยังสามารถนำมาใช้ได้ เนื่องจากอาหารกลุ่มนี้ไม่มีความชื้นเป็นตัวนำพาให้เชื้อรากระจายตัวเข้าสู่ด้านใน จึงมีเชื้อราอยู่แค่เพียงด้านนอก การขึ้นราจึงถือเป็นเรื่องปกติ เพียงแค่ขูดเอาเชื้อราออกให้หมดก็สามารถนำมาประกอบอาหารต่อไปได้ อีกทั้งอาหารแห้งทั้งหลายยังถูกออกแบบมาเพื่อให้เก็บรักษาได้นานอยู่แล้ว
3. เนื้อสัตว์ปรุงสุกแล้ว
เนื้อสัตว์ปรุงสุกที่ขึ้นรา ต้องทิ้งทันที เพราะเนื้อสัตว์ที่ผ่านการปรุงสุกแล้วมักมีการสัมผัสกับเกลือหรือน้ำตาลที่เป็นตัวดึงดูดเชื้อรา อีกทั้งความชื้นยังส่งเสริมให้เชื้อราเหล่านี้กระจายตัวตัวไปได้โดยรอบอาหาร
อาหารประเภทชีสขึ้นรา
1. ชีสก้อนชนิดแข็ง
ชีสก้อนชนิดแข็งขึ้นรายังสามารถใช้ต่อได้ เพราะเชื้อราไม่ได้แทรกตัวเข้าไปด้านในของอาหารกลุ่มนี้ หรือแทรกเข้าไปได้ไม่มาก เมื่อตัดชีสก้อนออกไปประมาณ 1 นิ้วจากจุดที่ขึ้นราก็จะสามารถนำมาประกอบอาหารต่อไปได้ และอย่าลืมห่อชีสด้วยกระดาษฟิล์มใสแผ่นใหม่
2. ชีสชนิดนุ่มและชีสที่ขูดแล้ว
ชีสชนิดนุ่ม หรือชีสที่ทำการขูดแล้วหากขึ้นรา ให้ทิ้งทันที เนื่องจากชีสชนิดนุ่มมีวามชื้นที่ช่วยให้เชื้อรากระจายตัวได้เป็นอย่างดี รวมถึงชีสที่ขูดแล้วก็มีช่องว่างให้เชื้อราและแบคทีเรียแทรกตัวผ่านไปยังชิ้นอื่นได้เป็นอย่างดี การนำส่วนใดส่วนนึงมาใช้ต่อจึงไม่ปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม ชีสชนิดนุ่มในกลุ่มของ Blue cheese มีการใช้เชื้อราเป็นส่วนประกอบในการผลิต จึงเป็นเรื่องธรรมดาหากพบว่าชีสในกลุ่มนี้มีราขึ้นที่ผิวภายนอกหรือแม้แต่ภายใน เพราะเชื้อราประเภทนี้ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภคแต่อย่างใด และสามารถกินได้
อาหารประเภทผักและผลไม้ขึ้นรา
1. ผักและผลไม้ชนิดแข็ง เช่น แครอท กระหล่ำปลี และพริกหยวก
ผลไม้ประเภทที่กล่าวมานี้ หากขึ้นราก็ยังคงนำมาใช้ได้ เพราะผัก ผลไม้ที่มีเนื้อแข็งหรือมีเปลือกแข็งทำให้เชื้อรากระจายตัวได้ไม่ดี จึงอาจมีเชื้อราขึ้นเป็นจุดๆ ที่ผิวชั้นนอกเท่านั้น เพียงแค่หั่นจุดที่ขึ้นราออกไป 1 นิ้วก็จะสามารถนำมารับประทานต่อได้
2. ผักและผลไม้ชนิดนุ่ม เช่น สตรอว์เบอรี่ พีช แตงกวา และมะเขือเทศ
ผักและผลไม้ดังที่กล่าวมานี้ หากขึ้นราแล้วไม่สามารถนำมาใช้ได้ อาหารกลุ่มนี้นอกจากจะมีเนื้อผิวที่อ่อนแล้วยังมีความชื้นสูง ทำให้เชื้อราและแบคทีเรียกระจายตัวไปโดยรอบและเข้าสู่ด้านในได้อย่างรวดเร็ว
อาหารประเภทแยมและเจลลี่ขึ้นรา
ควรทิ้งทันที เพราะมีความชื้นในอาหารสูง นอกจากนี้เชื้อราโดยทั่วไปสามารถผลิตสารพิษที่มีชื่อว่าไมโคท็อกซิน (Mycotoxin) และใช้ความชื้นในการแพร่กระจายตัวไปรอบๆ จึงไม่แนะนำเป็นอย่างยิ่งหากผู้บริโภคจะตักแค่ส่วนที่ขึ้นราทิ้งไปและนำส่วนที่ยังเหลือมารับประทาน
อาหารประเภทโยเกิร์ตและครีมขึ้นรา
ควรทิ้งทันที ส่วนเหตุผลนั้นก็คล้ายกับอาหารประเภทอื่นที่มีความชื้นสูงที่เป็นตัวนำเชื้อรา อีกทั้งการแยกส่วนที่ขึ้นราออกจากส่วนที่เหลือของโยเกิร์ต นม หรือวิปครีม ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยด้วย
อาหารประเภทขนมปังและเบเกอรี่ขึ้นรา
ควรทิ้งทันที ไม่ว่าจะเป็นขนมปังแถวก็ไม่ควรเก็บส่วนใดส่วนหนึ่งมารับประทานต่ออีก เพราะราจะดูดความชื้นได้เป็นอย่างดีทำให้บริเวณรอบๆ ขนมปังมีเชื้อราเกิดขึ้นได้ไวมาก หากทานไปแล้วอาจจะท้องเสีย ถ้ารามีจำนวนมากอาจทำให้ปวดท้อง หรือรุนแรงจนอาหารเป็นพิษ
อาหารประเภทธัญพืชและเส้นพาสต้าที่ปรุงสุกแล้ว
ควรทิ้งทันที ธัญพืชและเส้นพาสต้าที่ผ่านการปรุงสุกแล้วจะอมความชื้น เมื่อขึ้นราทำให้แบคทีเรียกระจายตัวไปทั่ว
อาหารประเภทเนยถั่วและถั่วชนิดต่างๆ
ควรทิ้งทันที เพราะส่วนใหญ่แล้วอาหารกลุ่มนี้จะไม่มีสารกันบูด ทำให้ขึ้นราง่าย และไม่ปลอดภัยที่จะนำบางส่วนกลับมารับประทานต่อ
ข้อควรระวังสำหรับอาหารขึ้นรา
นอกจากนี้กระทรวงการเกษตรของประเทศสหรัฐอเมริกายังแนะนำการกำจัดเชื้อราเหล่านี้ออกจากอาหารไว้ด้วย คือ
- เมื่อเห็นว่าอาหารขึ้นรา ห้ามดมกลิ่น เพราะอาจก่อให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับระบบทางหายใจ
- การกำจัดอาหารขึ้นรานั้นควรนำใส่ถุงพลาสติกให้มิดชิดก่อนที่จะนำใส่ถังขยะ เพื่อป้องกันการกระจายตัวของเชื้อรา
- ทำความสะอาดให้รอบบริเวณที่อาหารขึ้นรา และตรวจสอบอาหารและสิ่งของใกล้เคียงให้แน่ใจว่าไม่มีเชื้อราตกค้าง
การทานอาหารให้หมดเป็นเรื่องที่ดี แต่การทานอาหารขึ้นราควรหลีกเลี่ยง เพราะไม่คุ้มต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกาย หากรู้สึกไม่ดีหลังทานอาหารที่อาจหมดอายุและมีเชื้อราขึ้น ก็ควรไปปรึกษาแพทย์เฉพาะทางหรือเภสัชกร