10 สัญญาณมะเร็งกระเพาะ ปวดท้องไม่หาย อิ่มง่าย ไม่มีแรง

กระเพาะอาหารเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของระบบย่อยอาหารในช่องท้องส่วนบน มีรูปตัวเหมือนตัว J ทำหน้าที่ช่วยย่อยอาหาร ภายในมีสภาพแวดล้อมเป็นกรด เพื่อให้ง่ายต่อการดูดซึมที่ลำไส้เล็ก เป็นอวัยวะสำคัญและมีโอกาสเกิดมะเร็งได้ง่าย

สัญญาณเตือนของมะเร็งกระเพาะอาหาร

มะเร็งกระเพาะอาหารมีอาการหลายอย่าง แต่อาจสังเกตได้ยากเพราะบางอาการเหมือนโรคกระเพาะ ท้องอืดท้องเฟ้อทั่วไป ทำให้ยากต่อการแยกแยะ โดยทั่วไปอาการหลักๆ มีดังนี้

  1. อาหารไม่ย่อย มีอาการเรอมาก แสบร้อนกลางอก เสียดท้องหรือกรดไหลย้อน
  2. รู้สึกอิ่มเร็วมากเมื่อรับประทานอาหาร
  3. เบื่ออาหารง่าย
  4. น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ อ่อนเพลียง่าย
  5. คลื่นไส้ อาเจียน อาจมีเลือดหรือไม่มีเลือด
  6. มีปัญหาในการกลืน กลืนอาหารลำบาก เจ็บเวลากลืน
  7. คลำพบก้อนเนื้อบริเวณที่ด้านบนของท้อง ท้องโต บวม
  8. ปวดท้องส่วนบนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังกินอาหาร
  9. อาจมีภาวะตัวเหลือง ตาเหลือง
  10. มีภาวะโลหิตจาง

มะเร็งกระเพาะอาหารคืออะไร?

มะเร็งกระเพาะ (Gastric Cancer) คือ โรคที่เซลล์มะเร็งก่อตัวขึ้นบริเวณเยื่อบุกระเพาะอาหาร ปกติผนังของกระเพาะอาหารประกอบด้วยเนื้อเยื่อ 5 ชั้น มะเร็งกระเพาะจะเริ่มต้นที่เยื่อบุชั้นในสุดและแพร่กระจายผ่านชั้นนอกออกมาเมื่อมันโตขึ้น

มะเร็งกระเพาะมีกี่ระยะ

สถาบันวิจัยมะเร็งแห่งสหราชอาณาจักรแบ่งมะเร็งกระเพาะออกเป็น 4 ระยะดังนี้

  • มะเร็งกระเพาะระยะที่ 1 เป็นระยะที่เซลล์มะเร็งยังไม่แพร่กระจายออกไปนอกเยื่อบุชั้นในกระเพาะอาหารและยังไม่แพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองในบริเวณใกล้เคียง
  • มะเร็งกระเพาะระยะที่ 2 เป็นระยะที่เซลล์มะเร็งแพร่กระจายเข้าสู่ชั้นกล้ามเนื้อกระเพาะ หรืออาจเริ่มแพร่กระจายไปถึงเยื่อบุชั้นนอกของกระเพาะ
  • มะเร็งกระเพาะระยะที่ 3 เป็นระยะที่เซลล์มะเร็งแพร่กระจายออกไปถึงเยื่อบุชั้นนอกของกระเพาะและแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองข้างเคียง แต่ยังไม่แพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น
  • มะเร็งกระเพาะระยะที่ 4 เป็นระยะที่เซลล์มะเร็งแพร่กระจายผ่านเยื่อบุชั้นนอกของกระเพาะอาหารไปยังอวัยวะหรือเนื้อเยื่อใกล้เคียง และลุกลามไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย

สาเหตุของมะเร็งกระเพาะอาหาร

ปัจจุบันมะเร็งกระเพาะยังไม่สามารถระบุสาเหตุชัดเจนได้ ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่ามะเร็งกระเพาะอาหารส่วนใหญ่เริ่มต้นเมื่อเกิดมีสิ่งผิดปกติบางอย่าง ไปกระทบกระเทือนเยื่อบุภายในกระเพาะอาหารจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตและปัจจัยอื่นๆ เช่น

  • มีอาการกรดไหลย้อนเป็นเวลานาน หรือโรคโลหิตจางที่เป็นอันตรายที่เกิดจากภาวะอ้วน
  • การรับประทานอาหารที่มีรสเค็มจัด ตากเค็ม หมักดอง รมควันเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งกระเพาะ
  • การสูบบุหรี่
  • การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • ไม่ค่อยรับประทานผักและผลไม้
  • เกิดการติดเชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร (Helicobacter Pylori:H. Pylori) ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง และสาเหตุทำให้เกิดการอักเสบและแผลในกระเพาะอาหาร
  • เคยได้รับการผ่าตัดกระเพาะอาหาร
  • มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคมะเร็งกระเพาะ
  • พบว่าคนเอเชียโดยเฉพาะแถบเอเชียเป็นมะเร็งกระเพาะมากกว่าชนชาติผิวขาวกลุ่มประเทศยุโรปและอเมริกา
  • มีอายุ 50 ปีขึ้นไป
  • เพศชายมีความเสี่ยงมากกว่าเพศหญิง 2 เท่า

การตรวจมะเร็งกระเพาะอาหาร

การตรวจหามะเร็งกระเพาะมีหลายวิธี  แพทย์จะพิจารณาเลือกตามความเหมาะสมโดยคำนึงถึงปัจจัยดังนี้

  • ชนิดของมะเร็ง
  • ความรุนแรงของโรค
  • อายุและสุขภาพทั่วไป
  • ผลการตรวจก่อนหน้า

หลังแพทย์พิจารณาปัจจัยดังกล่าวอย่างรอบคอบแล้ว จะเลือกวิธีการตรวจมะเร็งลำไส้โดยเลือกจากวิธีต่อไปนี้

  • การตรวจชิ้นเนื้อ คือ การตัดเนื้อเยื่อบุกระเพาะจำนวนเล็กน้อยออกเพื่อตรวจดูทางห้องปฏิบัติการ
  • การส่องกล้อง (Gastroscopy) เป็นการตรวจหาเซลล์มะเร็งกระเพาะโดยสอดท่อยางที่มีลักษณะบางเบาและยืดหยุ่นเข้าทางปาก ผ่านหลอดอาหารเข้าไปในกระเพาะอาหาร วิธีนี้แพทย์ยังสามารถตัดตัวอย่างเนื้อเยื่อออกเพื่อนำไปตรวจในห้องปฏิบัติการระหว่างการส่องกล้องได้ด้วย
  • อัลตราซาวนด์ส่องกล้อง (Endoscopic Ultrasound (EUS) คือ การตรวจหาเซลล์มะเร็งกระเพาะโดยการส่องกล้องที่ติดเครื่องอัลตร้าซาวด์ขนาดเล็กที่ปลายท่อยาง แล้วปล่อยคลื่นเสียงเพื่อสร้างภาพอวัยวะภายใน ทำให้แพทย์เห็นสภาพเยื่อบุผนังทางเดินอาหารและกระเพาะอาหาร วิธีนี้แพทย์สามารถเห็นภาพภายในกระเพาะได้มากกว่าการส่องกล้องที่สามารถแสดงภาพภายในได้จำกัดเฉพาะส่วนที่กล้องเข้าไปถึง
  • การเอกซเรย์กลืนแป้งแบเรียม (Double-Contrast Barium Swallowing) คือ การกลืนแป้งแบเรียมซัลเฟต (Barium Sulfate) ซึ่งเป็นสารทึบแสงเพื่อเคลือบเยื่อบุหลอดอาหาร และเยื่อบุกระเพาะอาหารแล้วถ่ายภาพเอ็กซเรย์ แบเรียมเพื่อให้มองเห็นเนื้องอกหรือความผิดปกติอื่นๆ ได้ง่ายกว่าในการเอ็กซ์เรย์
  • การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (Computerized Tomography: CT Scan) คือ การตรวจหาเซลล์มะเร็งกระเพาะโดยถ่ายภาพภายในกระเพาะด้วยรังสีเอกซ์จากเครื่อง CT Scan ออกมาเป็นภาพ 3 มิติ บางกรณีแพทย์อาจต้องฉีดสีย้อมเข้าเส้นเลือดหากต้องการรายละเอียดภาพชัดมากขึ้น
  • การตรวจวินิจฉัยโรคด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Magnetic Resonance Imaging: MRI) คือ การตรวจหาเซลล์มะเร็งกระเพาะโดยใช้เครื่อง MRI ปล่อยสนามแม่เหล็กเพื่อสร้างภาพภายในกระเพาะ แพทย์ต้องฉีดสีย้อมพิเศษเข้าเส้นเลือดให้สีย้อมพิเศษก่อนเข้าเครื่องตรวจเพื่อสร้างภาพที่ชัดเจนขึ้น
  • การตรวจเพท-ซีที (PET/CT) คือ การตรวจหามะเร็งกระเพาะด้วยเครื่องเพท (Positron Emission Tomography: PET) และเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ซีที (Computed Tomography: CT) เรียกรวมว่าเพท/ซีที (PET/CT) เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถแสดงตำแหน่งที่มีเซลล์มะเร็งได้อย่างแม่นยำ โดยก่อนตรวจ ผู้เข้ารับการตรวจจะได้รับการฉีดสารกัมมันตภาพรังสีเล็กน้อย เพื่อสร้างภาพอวัยวะและเนื้อเยื่อภายในกระเพาะ

การรักษามะเร็งกระเพาะอาหาร

การรักษามะเร็งกระเพาะมีวิธีรักษา 4 วิธีดังนี้

1. การรักษามะเร็งกระเพาะด้วยการผ่าตัด เป็นส่วนหนึ่งของการรักษามะเร็งกระเพาะกรณีที่เซลล์มะเร็งยังไม่แพร่กระจายไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย มักทำร่วมกับการรักษาวิธีอื่นๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยการผ่าตัดสามารถทำได้ด้วย 2 แบบตามเป้าหมายการักษา คือ

  • ผ่าตัดเพื่อเอามะเร็งออก คือ การผ่าเพื่อเอาเซลล์มะเร็งกระเพาะบางส่วนหรือทั้งหมดออก ตลอดจนต่อมน้ำเหลืองในบริเวณใกล้เคียงและอวัยวะอื่นๆ ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของเซลล์มะเร็ง โดยแพทย์จะพยายามให้คงสภาพกระเพาะอาหารให้ปกติมากที่สุด
  • ผ่าตัดเพื่อประคับประคอง ใช้ในกรณีเซลล์มะเร็งลุกลามจนไม่สามารถตัดออกได้อย่างสมบูรณ์ โดยเป็นการผ่าตัดเพื่อช่วยป้องกันเลือดออกจากเซลล์มะเร็ง และป้องกันไม่ให้กระเพาะอาหารอุดตันเพราะเซลล์มะเร็ง การผ่าตัดประเภทนี้สามารถป้องกันหรือบรรเทาอาการได้ แต่ไม่สามารถรักษาได้

2. การรักษาโดยการฉายรังสี (Radiation Therapy) คือ การกำจัดเซลล์มะเร็งด้วยรังสีหรือแสงพลังงานสูง โดยการฉายรังสีแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่

  • การรักษาตามหลังการผ่าตัด (Adjuvant Radiation) คือ การฉายรังสีเพื่อกำจัดเซลล์มะเร็งที่อยู่ในบริเวณกระเพาะอาหารหรือหลอดอาหารหลังการผ่าตัดก้อนมะเร็งออกไปแล้ว
  • การรักษาด้วยรังสีก่อนผ่าตัด (Neoadjuvant Radiation) คือ การฉายรังสีก่อนทำการผ่าตัดเซลล์มะเร็งออก เพื่อทำให้เซลล์มะเร็งเล็กลง ทำให้ง่ายต่อการผ่าตัด

3. การรักษาด้วยยามะเร็งแบบมุ่งเป้า (Targeted-Drug Treatment Therapy) คือ การรักษาด้วยยาแบบมุ่งเป้าไปที่โปรตีนที่ผิวเซลล์มะเร็งโดยตรง เรียกว่า Human Epidermal Growth Factor Receptor 2 (HER2) และ Vascular endothelial Growth Factor Receptor 2 (VEGFR) ที่จะพบอยู่ได้ในเซลล์มะเร็งกระเพาะบางชนิด การรักษารูปแบบนี้จะทำลายเฉพาะเซลล์ที่มีโปรตีนเหล่านี้ซึ่งส่วนใหญ่คือเซลล์มะเร็ง มีผลช่วยยับยั้งการเติบโตและการแบ่งตัวเซลล์มะเร็ง โดยไม่มีผลกับเซลล์ปกติ

4. การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) เป็นการรักษามะเร็งกระเพาะโดยการใช้ระบบภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยต่อสู้กับเซลล์มะเร็งในร่างกาย โดยปกติระบบภูมิคุ้มกันที่ทำหน้าที่ทำลายเซลล์มะเร็งอาจจะไม่สามารถต่อสู้กับเซลล์มะเร็งได้ เพราะเกิดการขัดขวางจากโปรตีนที่สร้างโดยเซลล์มะเร็ง วิธีการรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัดคือการขัดขวางการทำงานของโปรตีนดังกล่าวที่เซลล์มะเร็งสร้างขึ้น และกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันของเรากลับมาต่อต้านเซลล์มะเร็ง

มะเร็งกระเพาะอาหารเป็นโรคที่รักษาได้แต่รักษายาก ซึ่งผลการรักษาขึ้นอยู่กับปัจจัยต่อไปนี้

  • ชนิดและขนาดของมะเร็งกระเพาะ
  • ตำแหน่งที่เกิด
  • ระยะของมะเร็งกระเพาะ
  • สุขภาพทั่วไปของผู้ป่วย
  • ความชำนาญแพทย์ในการวินิจฉัยตรวจรักษาที่ถูกต้องเหมาะสม

การป้องกันมะเร็งกระเพาะอาหาร

ทุกคนสามารถเป็นมะเร็งกระเพาะได้ แต่ทุกคนสามารถป้องกันหรือลดความเสี่ยงได้โดยปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้

  • ไม่สูบหรี่
  • ไม่เสพสารเสพติด
  • ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • ควบคุมน้ำหนักตัวเองให้พอดี
  • หลีกการสัมผัสสารพิษหรือสารเคมีอันตราย หากต้องทำงานที่ต้องสัมผัสกับสารเคมีอันตราย เช่น ในอุตสาหกรรมยางหรือเหมืองถ่านหิน ต้องสวมชุดป้องกันให้มิดชิด
  • ไม่รับประทานอาหารรสเค็มจัดและอาหารประเภทรมควัน
  • พยายามกินผักและผลไม้ให้หลากหลาย
  • ลดปริมาณการกินเนื้อแดงและเนื้อแปรรูป เช่น แฮม เบคอน ไส้กรอก เป็นต้น
  • เข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งกระเพาะทุกครั้งตามคำแนะนำของแพทย์

มะเร็งกระเพาะอาหารระยะสุดท้ายรักษาหายไหม ?

มะเร็งกระเพาะระยะสุดท้ายไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถบรรเทาอาการและปรับปรุงคุณภาพชีวิตได้โดยใช้เคมีบำบัด

มะเร็งกระเพาะระยะเริ่มต้นสามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่บางกรณีไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้หากไม่สามารถผ่าตัดได้หรือไม่สามารถกำจัดเซลล์มะเร็งออกได้ทั้งหมด

มะเร็งกระเพาะ จัดเป็นโรคร้ายที่โอกาสรักษาหายขาดน้อยกว่ามะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งลำไส้ จากบทความมีปัจจัยหลายอย่างช่วยให้การรักษาและการป้องกันมีประสิทธิภาพมากขึ้น และที่สำคัญคือการได้รับการตรวจวินิจฉัยที่ถูกต้องจากทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์และความชำนาญ รวมถึงการเลือกโรงพยาบาลที่มีเครื่องมือทันสมัยพร้อมจะช่วยให้การป้องกันและการรักษามีประสิทธิภาพสูงสุด

Scroll to Top