จัดฟันใส 7 คำถามพบบ่อย ตอบโดยทันตแพทย์


จัดฟันใส
ฟันปลอมถอดได้: ไม่สามารถจัดได้ทั้งสองแบบ เพราะไม่สามารถใส่ฟันปลอมแล้วจัดฟันไปพร้อมกันได้ ฟันปลอมติดแน่น: สามารถจัดฟันได้ทั้งสองแบบ ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ต้องการทำ ซึ่งควรปรึกษาทันตแพทย์ก่อนจัดฟัน รากฟันเทียม: สามารถจัดฟันได้ทั้งสองแบบ แต่ถ้าจัดฟันแบบลวดจะห้ามติดแบร็คเก็ต ลวด หรือตัวที่ดึงฟันในบริเวณที่ทำรากฟันเทียม และจะไม่เคลื่อนฟันซี่นั้นสำหรับการจัดฟันแบบใส เพราะอาจทำให้รากฟันเทียมโยกได้ รักษารากฟัน: สามารถจัดฟันได้ทั้งสองแบบ เพราะทันตแพทย์จะครอบฟันชั่วคราวให้ฟันที่กำลังรักษารากฟัน ซึ่งควรปรึกษาทันตแพทย์ก่อนจัดฟัน ทำวีเนียร์: สามารถทำได้เฉพาะจัดฟันแบบใส เพราะไม่สามารถเอาเครื่องมือแปะบนผิวฟันได้ แต่เครื่องมือที่เป็นพลาสติกใสครอบฟันจะไม่ส่งผลใดๆ ต่อวีเนียร์
ในทางเทคนิคแล้วมีหลายอย่างที่การจัดฟันใสยังทำได้ไม่ดีเท่าการจัดฟันลวด โดยข้อจำกัดสำคัญของการจัดฟันแบบใส คือ แรงที่ใช้บนฟันในการจัดฟันแบบใสไม่เพียงพอสำหรับกรณีที่ฟันล้มลงมาชิดกัน หรือฟันล้มในลักษณะมากกว่า 45 องศา รวมถึงการควบคุมฟันให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมกรณีที่ต้องถอนฟัน ซึ่งแบบลวดจะทำได้ดีกว่า อย่างไรก็ตาม การจัดฟันส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องถอนฟัน การจัดฟันใสที่ใช้เทคนิคกรอฟันเพื่อเปิดช่องว่างแทนการถอนฟันก็ทำได้ดีกว่าแบบลวดมาก
ปัจจัยสำหรับการถอนฟันมี 2 กรณีหลัก คือ ฟันซ้อนเกค่อนข้างมาก และรูปปากมีปัญหา เช่น คางยื่น รูปปากอูม รู้สึกยิ้มแล้วฟันเต็มปาก เนื่องจากการจัดฟันจะต้องมีช่องว่างในปากเพียงพอให้ฟันเคลื่อนที่ได้ ทั้งสองกรณีจึงต้องถอนฟัน เพราะเทคนิคการกรอฟันไม่เพียงพอจะเปิดช่องว่างให้ได้เพียงพอ
ข้อจำกัดส่วนใหญ่จะมาจากปัญหาเกี่ยวกับโรคเหงือก มีหลายระดับตั้งแต่เริ่มมีหินปูนสะสมเล็กน้อย มีหินปูนมากจนเป็นโรคเหงือกอักเสบ ไปจนถึงกระดูกละลาย กรณีกระดูกละลาย เกิดจากการมีเหงือกอักเสบเป็นเวลานาน ทำให้ฟันไม่มีที่ยึดเหนี่ยว ฟันโยก ซึ่งทำให้จัดฟันไม่ได้หรือจัดค่อนข้างลำบาก เพราะการจัดฟันเป็นการใช้แรงกระทำบนฟันมากกว่าปกติ และอาจทำให้ฟันโยกมากขึ้นไปอีก อย่างไรก็ตาม บางกรณีอาจต้องใช้การรักษาอื่นร่วมด้วย เช่น สบฟันไม่ได้เพราะคางยื่น ก็ต้องผ่าตัดขากรรไกร ขึ้นอยู่กับแต่ละกรณี ซึ่งควรเข้าพบทันตแพทย์เพื่อปรึกษาและให้ทันตแพทย์ประเมินช่องปากก่อนการจัดฟัน
กรณีที่จำเป็นต้องจัดฟันคือเรื่องอะไรก็ตามที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตอย่างเห็นได้ชัดเจน เช่น การเคี้ยวมีปัญหา ฟันห่างหลายตำแหน่งจนเศษอาหารเข้าไปติด อีกกรณีหนึ่งคือมีการสูญเสียฟันหลายซี่หรือบางตำแหน่งจนฟันเริ่มล้ม หากยังไม่สามารถทำฟันปลอมหรือรากฟันเทียมได้ ทันตแพทย์จะแนะนำให้จัดฟันก่อนเพื่อตั้งฟันให้อยู่ในสภาพตรง พร้อมที่จะทำฟันปลอมหรือรากฟันเทียมต่อไป ไม่อย่างนั้น ฟันที่ล้มจะปิดช่องว่างจนหมดจนทำได้ลำบากขึ้น
กรณีที่จำเป็นต้องจัดฟันคือเรื่องอะไรก็ตามที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตอย่างเห็นได้ชัดเจน เช่น การเคี้ยวมีปัญหา ฟันห่างหลายตำแหน่งจนเศษอาหารเข้าไปติด อีกกรณีหนึ่งคือมีการสูญเสียฟันหลายซี่หรือบางตำแหน่งจนฟันเริ่มล้ม หากยังไม่สามารถทำฟันปลอมหรือรากฟันเทียมได้ ทันตแพทย์จะแนะนำให้จัดฟันก่อนเพื่อตั้งฟันให้อยู่ในสภาพตรง พร้อมที่จะทำฟันปลอมหรือรากฟันเทียมต่อไป ไม่อย่างนั้น ฟันที่ล้มจะปิดช่องว่างจนหมดจนทำได้ลำบากขึ้น
โดยส่วนใหญ่จะแนะนำให้จัดฟันเมื่อฟันแท้ขึ้นครบก่อน อยู่ในช่วงอายุประมาณ 14-15 ปี เพราะการเจริญเติบโตของขากรรไกรและการเปลี่ยนรูปหน้าลดลง ทำให้ตำแหน่งขากรรไกรคงที่ นอกจากนี้ เด็กวัยนี้ยังสามารถดูแลเครื่องมือจัดฟันได้ด้วยตัวเอง

ตอบคำถามโดย ทพ. มนภาส ทวีปรังษีพร CEO และทันตแพทย์ผู้ชำนาญการของ BFC Dental

@‌hdcoth line chat