ตรวจสุขภาพแมว ตรวจยังไง ตรวจบ่อยแค่ไหน อ่านที่นี่เลย

จะเป็นทาสแมวทั้งทีก็ต้องแน่ใจว่า เจ้านายของเราจะได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมและมีสุขภาพดี เพราะแม้แมวจะใกล้ชิดกับเรามากจน (เหมือนจะ) สนิทชิดเชื้อ แต่แมวก็ยังไม่สามารถบอกเราเป็นภาษาได้ว่ากำลังไม่สบาย หรือมีอาการผิดปกติใดๆ หรือไม่

มีคำถามเกี่ยวกับ ตรวจสุขภาพแมว? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

ด้วยเหตุนี้ทุกคนที่เลี้ยงแมวจึงควรหมั่นสังเกตอาการผิดปกติทั้งทางกายภาพ และพฤติกรรม ว่ามีอะไรที่ผิดปกติไปหรือไม่ ซึ่งหนึ่งในสิ่งที่จะช่วยให้เราดูแลแมวได้ดีขึ้น ก็คือการพาเจ้าเหมียวไปตรวจสุขภาพกันอย่างสม่ำเสมอ

แล้วการตรวจสุขภาพแมวนั้นควรมีรายการอะไรบ้าง ควรตรวจบ่อยแค่ไหน ก่อนพาเจ้านายของเราไปพบสัตวแพทย์ควรเตรียมตัวอย่างไร ติดตามได้ผ่านบทความนี้จากทาง HDmall.co.th

ตรวจสุขภาพแมวคืออะไร?

การตรวจสุขภาพแมว คือ การตรวจดูประสิทธิภาพและความแข็งแรงของสุขภาพในสัตว์เลี้ยงประเภทแมว เป็นอีกหนึ่งกระบวนการที่สำคัญในการเลี้ยงแมว เพื่อให้สัตว์เลี้ยงมีอายุยืนและลดความเสี่ยงการเกิดโรคภัยต่างๆ

ตรวจสุขภาพแมวตรวจอะไรบ้าง?

การตรวจสุขภาพแมวจะคล้ายคลึงกับการตรวจสุขภาพของมนุษย์ โดยจะแบ่งรายการตรวจออกเป็น 4 รายการหลัก ได้แก่

1. ตรวจร่างกายแมว

การตรวจร่างกายแมว เป็นกระบวนการตรวจเพื่อดูความสมบูรณ์แข็งแรงของอวัยวะภายนอก และดูอาการของโรคต่างๆ ที่มีอาการแสดงซึ่งสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เช่น ตรวจตา ตรวจสุขภาพช่องปาก ตรวจหู ตรวจจมูก ตรวจอุ้งเท้า ตรวจบริเวณหน้าท้อง ตรวจดูเส้นขน

2. ตรวจเลือดแมว

สัตวแพทย์จะเจาะเก็บตัวอย่างเลือดของแมวส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ คล้ายกับการเจาะเก็บตัวอย่างเลือดเวลาที่เราเดินทางไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล โดยการเจาะเก็บตัวอย่างเลือดแมวจะทำให้สัตวแพทย์ได้เห็นข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพภายในร่างกายของสัตว์เลี้ยงได้หลายอย่าง เช่น

  • ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (Complete Blood Count: CBC) ซึ่งสามารถบอกถึงข้อมูลปริมาณความเข้มข้นของเม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาว เพื่อดูประสิทธิภาพในการต่อสู้กับเชื้อโรคและภาวะอักเสบของร่างกาย
  • ค่าการทำงานของอวัยวะสำคัญ (Organs function) เช่น ตับ ไต ต่อมไทรอยด์
  • ดูระดับฮอร์โมน เช่น ฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ฮอร์โมนไทรอยด์อย่างไทรอกซีน (Thyroxine: T4)
  • ดูระดับน้ำตาลในเลือด (Blood Sugar) หรือน้ำตาลกลูโคส (Glucose)
  • ดูระดับคอเคสเตอรอล (Cholesterol)
  • ดูค่าสมดุลของเกลือแร่ในร่างกาย (Electrolyte Status) เช่น คลอไรด์ (Choloride) โพแทสเซียม (Potassium)
  • ดูสารโปรตีนในเลือด (Total Protein)

เมื่อทราบค่าต่างๆ จากเลือดแล้ว สัตวแพทย์ก็จะสามารถให้คำแนะนำในการดูแลแมวได้เหมาะสมขึ้น หรือหากเจอค่าใดๆ ที่ผิดปกติ ก็อาจแนะนำให้ตรวจเชิงลึกเพิ่มเติมได้เร็วขึ้น

3. ตรวจปัสสาวะแมว

การเก็บตัวอย่างปัสสาวะแมวเพื่อส่งตรวจสามารถบอกระดับการทำงานขอไต รวมถึงบอกความเสี่ยงการเกิดภาวะอักเสบหรือติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะได้ นอกจากนี้ยังช่วยในการวินิจฉัยโอกาสเกิดโรคเบาหวานหรือโรคมะเร็งในระดับทางเดินปัสสาวะได้อีกด้วย

มีคำถามเกี่ยวกับ ตรวจสุขภาพแมว? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

4. ตรวจอุจจาระแมว

การตรวจอุจจาระในแมวจะช่วยให้สามารถคัดกรองพยาธิหรือปรสิตที่มักแอบแฝงอยู่ในระบบขับถ่ายได้ และเป็นต้นเหตุที่ทำให้เจ้าเหมียวเกิดอาการเจ็บป่วยต่างๆ ขึ้นในภายหลังได้ เช่น ท้องเสีย ถ่ายมีมูกเลือด อาเจียน มีขี้ตาเยอะ เซื่องซึม

นอกจาก 4 ข้อหลักๆ ที่กล่าวมานี้ บางโรงพยาบาลสัตว์อาจมีการตรวจอื่นๆ ด้วย เช่น เอกซเรย์ช่องอกและช่องท้อง ขึ้นอยู่โปรแกรมการตรวจของแต่ละสถานพยาบาล

ตรวจสุขภาพแมวตอนอายุเท่าไร?

แม้จะไม่มีระยะเวลาที่ตายตัวบอกว่าต้องนำแมวมาตรวจสุขภาพตอนอายุเท่าไร แต่หากเป็นไปได้ก็ควรพาลูกแมวไปพบสัตวแพทย์ให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ เพื่อตรวจดูให้แน่ใจว่าลูกแมวไม่มีอาการป่วยใดๆ ก่อนจะนำมาเลี้ยงในบ้าน

ตรวจสุขภาพแมวบ่อยแค่ไหน?

ความถี่ในการตรวจสุขภาพแมวจะแตกต่างกันไปตามช่วงอายุของแมว ได้แก่

  • อายุน้อยกว่า 6 เดือน ควรตรวจสุขภาพทุกๆ 1-2 เดือน
  • อายุ 7 เดือนถึง 2 ปี ควรตรวจสุขภาพทุกๆ 6 เดือน
  • อายุ 3-10 ปี ควรตรวจสุขภาพทุกๆ 1 ปี
  • อายุ 11 ปีขึ้นไป ควรตรวจสุขภาพทุกๆ 6 เดือน หรือปีละ 2 ครั้ง

อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาดังกล่าวเป็นเพียงระยะเวลาคร่าวๆ เท่านั้น สัตวแพทย์อาจแนะนำความถี่ในการตรวจให้เหมาะสมกับสัตว์เลี้ยงของคุณอีกครั้ง

การเตรียมตัวก่อนตรวจสุขภาพแมว

แมวบางตัวอาจตื่นกลัวหรือไม่คุ้นเคยการไปยังสถานที่แปลกๆ ผู้เลี้ยงจึงควรมีการเตรียมตัวเพื่อลดความกังวลของแมวลง ดังนี้

  • หาตะกร้าใส่แมวที่พกพาสะดวกหรืออาจเป็นตะกร้าที่สัตว์เลี้ยงของคุณคุ้นเคย
  • สอบถามทางสถานพยาบาลเกี่ยวกับการงดอาหารแมวล่วงหน้า เพราะในบางรายการตรวจจำเป็นจะต้องมีการงดอาหารสัตว์ก่อนเป็นเวลาประมาณ 8 ชั่วโมง
  • สอบถามเกี่ยวกับการเก็บตัวอย่างปัสสาวะและอุจจาระล่วงหน้า เพราะในบางสถานพยาบาล เจ้าของจำเป็นต้องเก็บตัวอย่างปัสสาวะและอุจจาระของแมวมาให้ทางสัตวแพทย์เอง
  • หากมีประวัติสุขภาพ ประวัติการฉีดวัคซีนแมว ให้พกติดมาให้สัตวแพทย์ตรวจดูด้วย
  • หากกลัวแมวจะมีอาการกลัวหรือวิตกกังวลเมื่อไปที่สถานพยาบาล ให้หาผ้าผืนใหญ่ติดไปด้วย เพื่อคลุมตะกร้าแมวไว้ในระหว่างรอเข้ารับบริการ
  • เตรียมที่นอนหรือสถานที่ให้เจ้าเหมียวกลับมาพักผ่อนหลังตรวจสุขภาพ
  • หากแมวที่พาไปตรวจสุขภาพมีนิสัยดุหรือขี้ตกใจเมื่ออยู่ต่างที่ ให้แจ้งทางสถานพยาบาลล่วงหน้า

ขั้นตอนการตรวจสุขภาพแมว

กระบวนการตรวจสุขภาพแมวจะแตกต่างกันไปตามรายละเอียดแพ็กเกจการตรวจของแต่ละสถานพยาบาล แต่ขั้นตอนหลักๆ ที่อาจพบได้ มีดังนี้

  1. โดยส่วนมากสัตวแพทย์จะมีการชั่งน้ำหนักเพื่อบันทึกน้ำหนักตัวของสัตว์เลี้ยงไว้ก่อน
  2. จากนั้นจะเริ่มตรวจร่างกายทั่วไป เช่น ปาก หู ตา ของแมว
  3. เจาะเก็บตัวอย่างเลือด ตัวอย่างปัสสาวะ และอุจจาระไปส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ

ระยะเวลารอผลตรวจเลือดของสัตว์จะใช้เวลาไม่นาน ส่วนมากไม่เกิน 1-2 วันก็สามารถทราบผลตรวจได้ โดยสัตวแพทย์เป็นผู้อ่านผลตรวจให้เจ้าของฟังเอง

การดูแลแมวหลังจากตรวจสุขภาพแล้ว

  • หากสัตว์เลี้ยงมีอาการตกใจหรือกังวลมากหลังจากตรวจสุขภาพ ให้พยายามปลอบโยน ลูบขนเขาเบาๆ หรือพาเขาไปนอนยังที่นอนที่คุ้นเคย
  • ควรพาสัตว์เลี้ยงกลับมาตรวจสุขภาพตามนัดหมายทุกครั้ง
  • ให้สัตว์เลี้ยงฉีดวัคซีนที่จำเป็นให้ครบ
  • สอบถามทางสัตวแพทย์เกี่ยวกับแนวทางการดูแลแมวของคุณเพิ่มเติม โดยเฉพาะในกรณีที่เขามีภาวะหรือความผิดปกติที่ตรวจพบจากการตรวจสุขภาพ
  • หมั่นเปลี่ยนน้ำดื่มสำหรับแมวภายในบ้านอยู่เสมอ เพื่อให้เขาได้ดื่มน้ำสะอาดและเพียงพอต่อร่างกายอยู่เสมอ
  • หมั่นทำให้ที่อยู่อาศัยและบริเวณที่แมวอยู่สะอาดอยู่เสมอ
  • อาบน้ำแมวบ้างเป็นครั้งคราว อาจประมาณ 2-4 สัปดาห์ต่อครั้ง หรือสอบถามทางสัตว์แพทย์เกี่ยวกับจำนวนครั้งที่เหมาะสม

เพื่อให้เจ้านายของคุณอยู่คู่เป็นตัวป่วนที่สร้างสีสันในบ้านคุณไปอย่างยาวนาน อย่าละเลยที่จะพาแมวของคุณไปตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ เพื่อที่หากเขามีความเสี่ยงจะเกิดอาการเจ็บป่วยใดๆ ขึ้น ก็จะได้ร่วมมือกับสัตวแพทย์ในการวางแผนการรักษาได้ทันเวลา

มีคำถามเกี่ยวกับ ตรวจสุขภาพแมว? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

หากคุณติดตั้ง LINE บนคอมพิวเตอร์ของคุณแล้ว ระบบจะเปิดบัญชีทางการ LINE ของ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ โดยอัตโนมัติ

หากคุณยังไม่ได้ติดตั้ง LINE บนเดสก์ท็อป โปรดสแกน QR โค้ดด้วย LINE บนโทรศัพท์มือถือของคุณเพื่อเริ่มแชทกับ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ