หลายคนรู้จัก “กำมะถัน (Sulfur)” ในฐานะแร่ธาตุธรรมชาติที่มีผงผลึกสีเหลือง ๆ และเป็นส่วนประกอบของแก๊สไข่เน่าสุดเหม็นแสบจมูก แต่รู้หรือไม่ว่า จริง ๆ แล้ว กำมะถันมีประโยชน์มากมายในวงการการแพทย์ด้วย
กำมะถัน ถือเป็นอีกสิ่งสำคัญต่อร่างกาย ช่วยบำรุงทั้งผม เล็บ และผิว จนขึ้นชื่อว่าเป็น “แร่ธาตุแห่งความสวยงาม (Beauty mineral)” เลยทีเดียว จะพามารู้จักกับประโยชน์ของกำมะถัน และข้อควรระวังกัน
สารบัญ
คุณสมบัติของกำมะถัน
กำมะถัน คือแร่ธาตุชนิดหนึ่ง ไม่ใช่โลหะ มีคุณสมบัติทางเคมีเป็นกรด สามารถพบได้ทั่วไปในธรรมชาติ พบในเซลล์พืชและเซลล์สัตว์
ปกติแล้ว กำมะถันจะอยู่ในรูปของแข็ง เป็นผลึกสีเหลือง ไม่มีรส ไม่มีกลิ่น แต่ถ้าทำปฏิกิริยากับธาตุอื่น ๆ ก็จะเกิดกลิ่นขึ้นมาได้ เช่น เมื่อรวมตัวกับไฮโดรเจน ก็จะเกิดแก๊สที่มีกลิ่นเหมือนไข่เน่า
สำหรับกำมะถันที่อยู่ในอาหาร เมื่อกินเข้าไปก็จะถูกดูดซึมในลำไส้พร้อมกันกับกรดอะมิโน จากนั้นร่างกายจะนำไปใช้ในกระบวนการต่าง ๆ ส่วนที่เหลือจะถูกขับออกพร้อมกับเหงื่อและปัสสาวะ ทำให้เรามีกำมะถันแค่ 0.25% ของน้ำหนักตัวเท่านั้น
บทบาทของกำมะถัน กับประโยชน์ดี ๆ ต่อร่างกาย
- เป็นส่วนประกอบของเคราติน (Keratin) ที่พบในเส้นผม ขน และเล็บ การกินกำมะถันจะช่วยบำรุงให้ผมเงางาม เล็บแข็งแรง ดูสุขภาพดี
- ช่วยสังเคราะห์คอลลาเจน (Collagen) ซึ่งเป็นองค์ประกอบในชั้นผิว ที่ช่วยกักเก็บน้ำและความชุ่มชื้น จึงช่วยบำรุงให้ผิวพรรณเนียนนุ่ม ไม่แห้งกร้าน
- ช่วยสังเคราะห์เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของกระดูกและข้อต่อ ทำให้เคลื่อนไหวร่างกายได้ดีขึ้น ลดอาการปวดเกร็งกล้ามเนื้อและอาการปวดข้อ เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid arthritis)
- ช่วยผลิตอินซูลิน (Insulin) เพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติ
- ช่วยกำจัดสารพิษจากอาหารและสารระเหยต่าง ๆ เช่น แอลกอฮอล์ ควันบุหรี่
- ช่วยล้างสารพิษในตับ
- ช่วยบำรุงการทำงานของสมองและระบบประสาท
- เกี่ยวข้องกับกระบวนการเผาผลาญ และการใช้ออกซิเจนในเซลล์ ช่วยให้เซลล์มีพลังงานและทำงานได้เป็นปกติ
อาหารที่มีกำมะถันสูง
กำมะถันจะพบได้ในอาหารหลายชนิด ซึ่งอาหารที่มีปริมาณกำมะถันสูง ได้แก่
- อาหารจำพวกโปรตีน เช่น ไข่ เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน เครื่องใน นม อาหารทะเล กุ้ง หอย ปู
- ผัก เช่น กระเทียม หอมหัวใหญ่ หัวไชเท้า กะหล่ำปลี ผักใบเขียว ถั่วงอก
- ผลไม้ เช่น อะโวคาโด สับปะรด แอปเปิล ราสป์เบอร์รี
- ธัญพืช เช่น ถั่วนานาชนิด และข้าวซ้อมมือ
ร่างกายมีกำมะถันน้อยไป–มากไป ส่งผลอย่างไร
เมื่อร่างกายขาดกำมะถัน จะทำให้ผิวแห้งหรือหยาบกร้านผิดปกติ ผมหลุดร่วง ไม่แข็งแรง และเล็บแตกเปราะ
กรณีที่รับกำมะถันจากอาหารมามากเกินไป ยังไม่พบว่ามีอันตรายรุนแรง เพราะร่างกายขับธาตุส่วนเกินออกได้ แต่กำมะถันในรูปอนินทรีย์ (แบบที่กินไม่ได้) นั้น พบว่ามีพิษต่อร่างกาย
ร่างกายต้องการกำมะถันเท่าไร ถึงเพียงพอต่อวัน
การกินอาหารที่มีกำมะถันเป็นส่วนประกอบ โดยเฉพาะอาหารจำพวกโปรตีน เช่น ไข่ เนื้อสัตว์ จะช่วยให้เราได้รับทั้งโปรตีนและกำมะถันที่เพียงพอไปพร้อม ๆ กัน
ในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเอ็มเอสเอ็ม (Methysulferfonylmethane: MSM) ที่มีสารอาหารหลักจากกำมะถันแบบอินทรีย์ร่วมกับวิตามินบีรวม โดยวิตามินบีจะช่วยเสริมการทำงานของกำมะถันในร่างกายให้ดีขึ้น
การกินเอ็มเอสเอมในปริมาณ 1,000–4,000 มิลลิกรัมต่อวัน (แบ่งวันละ 2-3 ครั้ง) พร้อมกับอาหาร จะช่วยรักษาปัญหาผิว แก้อาการภูมิแพ้
นอกจากนี้ การกินเอ็มเอสเอ็มร่วมกับกลูโคซามีน (Glucosamine) ยังช่วยลดอาการข้ออักเสบและปวดตึงได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม การกินอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำเยอะ ๆ พักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็ยังเป็นหัวใจสำคัญที่สุดของการดูแลสุขภาพ ดังนั้น อย่าลืมดูแลตัวเองด้วยตัวเราเองกันนะ
ตรวจสอบความถูกต้องโดย พญ. ปิยาภรณ์ กิตติสุรัตน์พงศ์