pistachio scaled

ถั่วพิสตาชิโอ (Pistachio)

ถั่วพิสตาชิโอ (Pistachio) หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ Pistacia vera L. ถึงจะถูกเรียกว่าเป็นถั่ว แต่ความจริงพิสตาชิโอเป็นเมล็ดจากต้นพิสตาชิโอที่มีแหล่งกำเนิดมาจากประเทศอิหร่าน ก่อนจะกระจายไปในประเทศอื่นๆ ไม่ได้เป็นไม้ล้มลุกเหมือนพืชตระกูลถั่วทั่วไป

แม้เรามักจะคุ้นเคยกับถั่วพิสตาชิโอสีเขียว แต่จริงๆ แล้วเมล็ดพิสตาชิโอมีได้หลายสี ตั้งแต่เฉดสีเหลืองไปจนถึงสีเขียว มักยาวประมาณ 1 นิ้ว มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณครึ่งนิ้ว เปลือกหุ้มสีขาวค่อนข้างแข็งมาก จึงควรอบก่อนแกะเปลือกออก หรือหากอบแล้วเปลือกไม่เปิดจะต้องใช้อุปกรณ์ทุบ

สารอาหารจากถั่วพิสตาชิโอ

ถั่วพิสตาชิโอ ดิบ ขนาด 100 กรัม มีสารอาหารดังนี้

  • พลังงาน 560 กิโลแคลอรี
  • คาร์โบไฮเดรต 27.2 กรัม
  • น้ำตาล 7.66 กรัม
  • ไฟเบอร์ 10.6 กรัม
  • โปรตีน 20.2 กรัม
  • ไขมัน 45.3 กรัม
  • ไทอามีน (วิตามิน B1) 0.87 มิลลิกรัม (73 %DV)
  • ไรโบเฟลวิน (วิตามิน B2) 0.160 มิลลิกรัม (12 %DV)
  • วิตามินบี6 1.7 มิลลิกรัม (100 %DV)
  • แคลเซียม 105 มิลลิกรัม (8 %DV)
  • โพแทสเซียม 1020 มิลลิกรัม (6 %DV)
  • ฟอสฟอรัส 490 มิลลิกรัม (39 %DV)
  • ซิงก์ 2.2 มิลลิกรัม (20 %DV)
  • แมกนีเซียม 121 มิลลิกรัม (29 %DV)
  • แมงกานีส 1.2 มิลลิกรัม (52 %DV)
  • เหล็ก 3.92 มิลลิกรัม (22 %DV)

หมายเหตุ: %DV = ปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน

ที่มา: ข้อมูลของกระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา (USDA)

ประโยชน์ของถั่วพิสตาชิโอ

นักโบราณคดีเชื่อว่า พิสตาชิโอกลายมาเป็นอาหารตั้งแต่ช่วง 7,000 ปีก่อนคริสตกาลจนถึงปัจจุบัน และเป็นพืชที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย

มีงานวิจัยบางส่วนที่สนับสนุนสรรพคุณของพิสตาชิโอ ดังนี้

  • สารอาหารสูง ทั้งโปรตีน ไฟเบอร์ สารต้านอนุมูลอิสระ รวมถึงวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ นอกจากนี้ ถั่วพิสตาชิโอยังเป็นหนึ่งในอาหารที่มีวิตามินบี6 มากที่สุด และถั่วพิสตาชิโอเพียง 1 ออนซ์ มีโพแทสเซียมมากกว่ามีส่วนกล้วยผลใหญ่ครึ่งผล
  • แคลอรีต่ำ พิสตาชิโอถือเป็นหนึ่งในถั่วที่แคลอรีต่ำที่สุด โดยปริมาณ 1 ออนซ์หรือ 28 กรัมมีแคลอรีเพียง 159 กิโลแคลอรี ขณะที่แมคคาเดเมียมี 204 กิโลแคลอรี พีแคนส์มี 196 กิโลแคลอรี หรือวอลนัทที่มี 185 กิโลแคลอรี
  • ลดความเสี่ยงมะเร็ง พิสตาชิโอมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าถั่วชนิดอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นแกมมา-โทโคฟีรอล ไฟโตสเตอรอล และแซนโทฟิลล์ มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็งและป้องกันไม่ให้เซลล์ในร่างกายเสียหาย
  • บำรุงสุขภาพตา สารลูทีนและซีแซนทีนในพิสตาชิโอช่วยลดโอกาสการเปิดปัญหาทางสายตา เช่น โรคจอประสาทตาเสื่อมและโรคต้อกระจก
  • กระตุ้นการทำงานระบบทางเดินอาหาร เพราะมีไฟเบอร์สูง เช่นเดียวกับถั่วชนิดอื่นๆ
  • โปรตีนสูง พิสตาชิโอมีโปรตีนปรมาณ 21% ของน้ำหนักถั่ว ทำให้เป็นแหล่งโปรตีนที่ดีสำหรับผู้ที่รับประทานมังสวิรัติ และยังมีกรดอะมิโนสูงกว่าถั่วชนิดอื่น ซึ่งกรดอะมิโนทำหน้าที่เป็นหน่วยโครงสร้างของโปรตีน
  • ช่วยลดน้ำหนัก แม้จะเป็นอาหารพลังงานสูง แต่ถั่วก็เป็นหนึ่งในอาหารที่ดีสำหรับการลดน้ำหนัก โดยเฉพาะพิสตาชิโอที่มีไฟเบอร์และโปรตีนสูง ช่วยให้รู้สึกอิ่มท้องได้นานขึ้นและช่วยให้รับประทานอาหารน้อยลง

ปริมาณการทานถั่วพิสตาชิโอต่อวัน

แนะนำให้ทานถั่วพิสตาชิโอ ไม่เกินหนึ่งกำมือหรือประมาณ 49 เม็ดต่อวัน คิดเป็นปริมาณ 42 กรัม (1.5 ออนซ์)

ไม่ควรทานถั่วพิสตาชิโอเกิน 56 กรัมต่อวัน (ประมาณ 2 ออนซ์)

ข้อควรระวังในการบริโภคถั่วพิสตาชิโอ

แม้ถั่วพิสตาชิโอดิบจะมีสารอาหารสูงมาก แต่ควรระวังการรับประทานถั่วพิสตาชิโอแบบคั่วที่มักเป็นการคั่วเกลือ ทำให้ร่างกายอาจได้โซเดียมมากเกินไป จึงควรผสมเกลือแต่น้อยหรือทานแบบไม่ใส่เกลือจะดีต่อสุขภาพมากกว่า


ที่มาของข้อมูล

Scroll to Top