เชื้อไวรัส HPV เป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญไม่เฉพาะแค่ในผู้หญิงเท่านั้น แต่เชื้อนี้ยังส่งผลกระทบอย่างชัดเจนต่อผู้ชายอีกด้วย โดยเฉพาะเด็กผู้ชายที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ HPV และอาจนำไปสู่โรคร้ายแรงในอนาคตได้ การฉีดวัคซีน HPV จึงเป็นวิธีการป้องกันที่มีประสิทธิภาพและเป็นเรื่องสำคัญที่พ่อแม่ควรใส่ใจ
ในบทความนี้ เราจะมาดูกันว่าเชื้อไวรัส HPV คืออะไร ติดต่ออย่างไรได้บ้าง และวัคซีน HPV มีความสำคัญอย่างไรสำหรับเด็กผู้ชาย เพื่อปกป้องสุขภาพของลูกชายให้แข็งแรงและปลอดภัยจากเชื้อ HPV
สารบัญ
เชื้อไวรัส HPV คืออะไร ติดต่ออย่างไรได้บ้าง?
เชื้อไวรัส HPV หรือ Human Papillomavirus เป็นเชื้อไวรัสที่ติดต่อได้ง่ายผ่านการสัมผัสทางผิวหนังและเยื่อบุ เช่น การมีเพศสัมพันธ์หรือการสัมผัสบริเวณอวัยวะเพศโดยตรง
นอกจากนี้ เชื้อ HPV ยังสามารถติดต่อผ่านการใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกันด้วย เช่น ผ้าเช็ดตัวหรือการสัมผัสพื้นผิวที่มีเชื้อในพื้นที่สาธารณะ เช่น สระว่ายน้ำ, ห้องน้ำสาธารณะ หรือห้องอาบน้ำ ซึ่งถึงแม้จะพบได้น้อยกว่าการมีเพศสัมพันธ์ แต่ก็เป็นวิธีการติดต่อที่ควรระวัง โดยเฉพาะเด็กผู้ชายที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
โดยเชื้อไวรัส HPV นั้นมีมากกว่า 100 สายพันธุ์ ทั้งสายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงต่ำและสายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูงซึ่งก่อให้เกิดโรคมะเร็งทวารหนัก มะเร็งช่องปากและลำคอ และโรคหูดหงอนไก่ได้
เชื้อไวรัส HPV ส่งผลกระทบต่อเด็กผู้ชายในอนาคตอย่างไร?
เชื้อไวรัส HPV เป็นเชื้อไวรัสที่สามารถติดต่อได้ทั้งชายและหญิง และอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวของเด็กผู้ชายได้ โดยผลกระทบสำคัญสามารถแบ่งออกได้ดังนี้
- ผลกระทบต่อเด็กวัยรุ่นอายุ 13-18 ปี: เด็กผู้ชายในวัยนี้มักเริ่มมีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการติดเชื้อ HPV หากไม่ได้รับการป้องกันได้ โดยการติดเชื้อในวัยนี้อาจนำไปสู่โรคร้ายแรงต่างๆ ในอนาคต เช่น มะเร็งทวารหนัก มะเร็งช่องปากและลำคอ และหูดหงอนไก่
- ผลกระทบต่อเด็กที่อายุต่ำกว่า 13 ปี: ถึงแม้ว่าเด็กที่อายุต่ำกว่า 13 ปีจะยังไม่มีความเสี่ยงจากการติดเชื้อไวรัส HPV โดยตรง แต่ถ้าหากไม่ได้รับการป้องกันตั้งแต่อายุยังน้อย ในอนาคตก็อาจจะต้องเผชิญกับผลกระทบเมื่อเข้าสู่วัยรุ่นหรือวัยผู้ใหญ่ได้ ซึ่งการฉีดวัคซีนในช่วงวัยนี้จะช่วยลดโอกาสการติดเชื้อและสร้างภูมิคุ้มกันที่มีประสิทธิภาพ
นอกจากผลกระทบต่อสุขภาพแล้ว การติดเชื้อไวรัส HPV ยังมีผลกระทบต่อจิตใจอีกด้วย หากเด็กผู้ชายติดเชื้อ HPV ก็อาจทำให้รู้สึกอับอายหรือวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานะสุขภาพของตัวเอง การมีปัญหาสุขภาพเรื้อรังจากเชื้อ HPV เลยส่งผลต่อความมั่นใจในตัวเองและความสัมพันธ์ในอนาคต
เชื้อไวรัส HPV พบในเด็กผู้ชายได้บ่อยแค่ไหน?
เด็กผู้ชายมีโอกาสติดเชื้อ HPV ได้สูงกว่าที่หลายคนคิด จากการวิจัยของ WHO พบว่า 50% ของผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์จะติดเชื้อ HPV อย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิต และสายพันธุ์ที่พบได้บ่อยในผู้ชายคือสายพันธุ์ที่ทำให้เกิดหูดหงอนไก่ และสายพันธุ์ที่มีความสัมพันธ์กับมะเร็งทวารหนัก
สำหรับกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง เช่น เด็กผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักหรือมีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ก็มีโอกาสติดเชื้อ HPV ได้สูงถึง 80-90% จะเห็นได้ว่าการติดเชื้อ HPV ไม่ได้จำกัดเฉพาะกลุ่มเพศใดเพศหนึ่งเท่านั้น การป้องกันที่มีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญ
วัคซีน HPV จำเป็นสำหรับเด็กผู้ชายอย่างไร?
วัคซีน HPV ไม่ได้มีความสำคัญแค่ในผู้หญิงเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญสำหรับผู้ชายและเด็กผู้ชายด้วย โดยสาเหตุที่เด็กผู้ชายควรฉีดวัคซีน HPV มีดังนี้
- ลดความเสี่ยงของมะเร็ง
- วัคซีน HPV ช่วยป้องกันสายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดมะเร็ง เช่น มะเร็งทวารหนัก และมะเร็งช่องปากและลำคอ
- ลดการแพร่กระจายของเชื้อ
- ผู้ชายที่ได้รับวัคซีนจะมีโอกาสแพร่เชื้อต่อให้คู่นอนในอนาคตน้อยลง ซึ่งจะช่วยลดการแพร่ระบาดในวงกว้างได้
- ลดปัญหาสุขภาพในอนาคต
- การป้องกันหูดที่อวัยวะเพศและโรคที่เกี่ยวข้องกับ HPV จะช่วยลดความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพเรื้อรังในระยะยาว
เด็กผู้ชายควรฉีดวัคซีน HPV กี่สายพันธุ์?
วัคซีน HPV ที่มีในปัจจุบันแบ่งออกเป็น 3 ชนิด ได้แก่
- วัคซีน HPV แบบป้องกัน 2 สายพันธุ์
- ป้องกันเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูกเป็นหลัก
- วัคซีน HPV แบบป้องกัน 4 สายพันธุ์
- ป้องกันเชื้อ HPV ทั้งสายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดมะเร็งและหูดที่อวัยวะเพศ มีประสิทธิภาพสูงในเด็กผู้ชายที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ HPV และโรคที่เกี่ยวข้อง
- วัคซีน HPV แบบป้องกัน 9 สายพันธุ์
- ป้องกันเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดมะเร็งและหูดที่อวัยวะเพศได้ครอบคลุมมากที่สุด โดยเฉพาะในเด็กผู้ชายที่ต้องการป้องกันในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม เด็กผู้ชายควรได้รับวัคซีน HPV ในช่วงอายุ 11-12 ปี และควรฉีดทั้งหมด 2 เข็ม โดยห่างจากเข็มแรก 6 เดือน ส่วนเด็กผู้ชายที่อายุ 15 ปีขึ้นไป ต้องฉีดทั้งหมด 3 เข็ม โดยเข็มที่ 2 ห่างจากเข็มแรก 1 เดือน และเข็มที่ 3 ห่างออกไปอีก 6 เดือน
หลังจากฉีดวัคซีน HPV แล้ว ควรมีการติดตามผลเพื่อยืนยันว่าร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อ HPV ได้อย่างเพียงพอ โดยอาจมีการตรวจสอบสถานะภูมิคุ้มกันในระยะยาว รวมถึงการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนในเด็กผู้ชายเพื่อแสดงให้เห็นความสำคัญของการฉีดวัคซีนให้ครบตามคำแนะนำจากแพทย์
การฉีดวัคซีน HPV สำหรับเด็กผู้ชายไม่ได้เป็นเพียงการป้องกันโรคร้ายแรงในอนาคตเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างเกราะป้องกันสุขภาพที่ยั่งยืน พ่อแม่จึงควรตระหนักถึงความสำคัญของวัคซีน HPV และรีบพาลูกชายไปฉีดวัคซีน HPV เพื่อการป้องกันตั้งแต่วันนี้
ถ้ายังไม่รู้ว่าจะฉีดวัคซีน HPV ที่ไหนดี หรือมีแพลนจะฉีดวัคซีน HPV แต่ยังไม่รู้ราคา สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ HDmall.co.th หรือสอบถามข้อมูลผ่านทางไลน์ @HDcoth