ชุดตรวจหาสารเสพติด มีกี่แบบ และต่างกันอย่างไร scaled

ชุดตรวจหาสารเสพติด มีกี่แบบ ต่างกันอย่างไร

เพราะสารเสพติดคือสิ่งอันตรายที่มาพร้อมกับฤทธิ์หลอนประสาท และยังก่อให้เกิดผลเสียต่อสังคมเป็นวงกว้าง ทั่วโลกจึงหันมาเข้มงวดกับการตรวจสารเสพติดมากขึ้น 

การรู้จักวิธีและอุปกรณ์ในการตรวจสารเสพติดจึงเป็นอีกหนึ่งความรู้ดี ๆ ที่เราควรรู้จักไว้ มาอ่านกันได้ในบทความนี้เลย   

ชุดตรวจหาสารเสพติด คืออะไร 

ชุดตรวจหาสารเสพติด หรือชุดตรวจหายาเสพติด คือเครื่องมือตรวจสารเมแทบอไลต์ (Metabolite) ของยาเสพติด ส่วนมากจะตรวจจากปัสสาวะ เพราะเก็บตัวอย่างได้ง่าย ไว ไม่ยุ่งยาก มีความคงตัวสูง ทำให้ระยะเวลาที่ตรวจพบสารเสพติดในปัสสาวะค่อนข้างนานหลายวัน 

ชุดตรวจหาสารเสพติด ตรวจอะไรได้บ้าง

ชุดตรวจหาสารเสพติด ใช้ตรวจสารเสพติดชนิดต่าง ๆ ได้ ดังนี้

  • แอมเฟตามีน หรือยาบ้า หากเสพเป็นประจำ จะตรวจเจอภายใน 2–6 วันหลังเสพ
  • เมทแอมเฟตามีน หรือยาไอซ์ หากเสพเป็นประจำ จะตรวจเจอภายใน 2–6 วันหลังเสพ
  • ยาอี หากเสพเป็นประจำ จะตรวจเจอภายใน 2–6 วันหลังเสพ 
  • กัญชา หหากเสพเป็นประจำ จะตรวจเจอภายใน 4–14 วันหลังเสพ
  • มอร์ฟีน หากเสพเป็นประจำ จะตรวจเจอภายใน 2–6 วันหลังเสพ 
  • โคเคน หากเสพเป็นประจำ จะตรวจเจอภายใน 1–4 วันหลังเสพ

ทั้งนี้ ระยะเวลาที่สารเสพติดจะอยู่ในปัสสาวะอาจแตกต่างกันออกไป เช่น ผู้ที่เสพติดเรื้อรัง อาจตรวจพบได้นานถึง 2–3 สัปดาห์

ชุดตรวจหาสารเสพติด มีกี่รูปแบบ 

ชุดตรวจหาสารเสพติดที่ใช้กันทั่วไปมีอยู่ 2 แบบ ได้แก่ แบบแถบ และ แบบตลับ

1. แบบแถบ (Strip)

ชุดตรวจหาสารเสพติดแบบแถบ ประกอบไปด้วยแถบทดสอบแผ่นยาวและแผ่นแคบ 

วิธีทดสอบ คือ ใส่ปัสสาวะลงในภาชนะแห้งสะอาด และจุ่มแถบทดสอบลงไปในปัสสาวะ โดยให้ปลายลูกศรชี้ลง ระวังไม่ให้ปัสสาวะสูงเลยขีดที่กำหนดไว้บนแถบ จากนั้นวางแถบทดสอบในแนวราบ รอ 5 นาทีแล้วจึงอ่านผล

ข้อดีของชุดตรวจแบบแถบ

  • ราคาถูก (ประมาณ 30–70 บาทต่อชิ้น)
  • สามารถตรวจหาแอมเฟตามีนและเมทแอมเฟตามีนในปริมาณตั้งแต่ 1,000 นาโนกรัม/มิลลิลิตรได้ 

ข้อเสียของชุดตรวจแบบแถบ

ชุดตรวจหาสารเสพติดแบบแถบอาจเสียหายได้ง่ายจากการเก็บรักษาไม่ดี เช่น โดนความชื้น สัมผัสกับสารเคมี หรือหักงอ ส่งผลให้เสื่อมประสิทธิภาพได้ หรือทำให้แถบสีไม่ชัดเจน

2. แบบตลับ (Cassette)

ชุดตรวจหาสารเสพติดแบบตลับ หรือที่เรียกว่า แบบหยอด ประกอบด้วยตลับทดสอบ และหลอดหยดที่แถมมาในซอง

วิธีทดสอบ คือ ใส่ปัสสาวะลงในภาชนะแห้งสะอาด วางตลับทดสอบไว้บนพื้นในแนวราบ และใช้หลอดหยดดูดปัสสาวะขึ้นมา แล้วหยดปัสสาวะลงในหลุมที่อยู่บนตลับทดสอบ 3 หยด วางตลับทดสอบไว้ในแนวราบ รอ 5 นาที จึงอ่านผล

ข้อดีของชุดตรวจแบบตลับ

  • เสียหายหรือเสื่อมสภาพได้ยากกว่าแบบจุ่ม
  • ไม่ต้องคอยระวังไม่ให้ระดับปัสสาวะสูงกว่าขีดที่กำหนด 
  • สามารถตรวจหาแอมเฟตามีนและเมทแอมเฟตามีนในปริมาณตั้งแต่ 1,000 นาโนกรัม/มิลลิลิตรได้ 

ข้อเสียของชุดตรวจแบบตลับ

  • ราคาสูงกว่าแบบจุ่ม (ประมาณ 100–120 บาทต่อชิ้น)
  • ต้องระวังไม่ให้หยดปัสสาวะน้อยเกินไป เพราะอาจทำให้ผลการตรวจผิดพลาดได้

ชุดตรวจหาสารเสพติด อ่านผลอย่างไร 

การอ่านผลจากชุดตรวจหาสารเสพติดจะใช้หลักการ Competitive binding ซึ่งแตกต่างจากชุดตรวจครรภ์ มีวิธีการอ่านผล ดังนี้ 

  • หากขึ้น 2 ขีด ที่ T และ C แปลว่าผลเป็น ลบ หรือ ตรวจไม่พบสารเสพติด
  • หากขึ้น 1 ขีด ที่ C แปลว่าผลเป็น บวก หรือ ตรวจพบสารเสพติด
  • หากไม่มีขีดขึ้น หรือขึ้น 1 ขีด ที่ T แปลว่าชุดตรวจเสีย ไม่สามารถอ่านผลได้

ในปัจจุบัน การตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะโดยใช้ชุดตรวจ เป็นเพียงการตรวจเบื้องต้นเท่านั้น เพราะปริมาณสารเสพติดที่พบในปัสสาวะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น น้ำหนักตัวของผู้เสพ ปริมาณการเสพ และความถี่ในการเสพ 

ในบางกรณี จึงอาจมีปริมาณสารเสพติดน้อยเกิน จนตรวจเจอด้วยวิธีนี้ไม่ได้ และจำเป็นต้องตรวจซ้ำ เรียกว่า “การตรวจยืนยัน (Confirmation test)” โดยใช้วิธีที่ไวและแม่นยำกว่า เช่น ใช้เทคนิคโครมาโทกราฟีแบบเยื่อบาง (Thin Layer Chromatography) 

เมื่อขึ้นชื่อว่าสารเสพติด อย่างไรก็มีโทษมากกว่าประโยชน์ โดยเฉพาะโทษต่อร่างกายและโทษทางกฎหมาย ที่เกือบทุกประเทศทั่วโลกจัดอยู่ในระดับรุนแรง ดังนั้น ขอให้อยู่ไกลห่างจากสารเสพติดจึงจะดีที่สุด

ถ้ามีความเครียดหรือปัญหาใด ๆ ก็ตาม ให้ลองหันไปหาคนรอบตัว เช่น ครอบครัว เพื่อนสนิท คนรัก หรือโทรปรึกษาสายด่วนสุขภาพจิตจากกรมสุขภาพจิต โทร.1323 และทำกิจกรรมที่ช่วยพักผ่อนหย่อนใจได้ อย่างการฟังเพลง ดูหนัง ออกกำลังกาย 

ถ้าคนใกล้ชิดของคุณกำลังติดยาเสพติด ควรรีบเข้าไปพูดคุย และทำความเข้าใจกับตัวผู้เสพเพื่อช่วยหาทางออกให้เลิกยาเสพติดให้ได้ เพราะสารเหล่านี้ไม่ได้มีประโยชน์ใด ๆ เลย นอกจากก่อโทษร้ายแรงต่อร่างกายจนทำให้เสียชีวิต 


ตรวจสอบความถูกต้องโดย นพ. พิสุทธิ์ พงษ์ชัยกุล

Scroll to Top