การจาม (Sneezing) เป็นกลไกของร่างกายที่ขับอากาศออกจากทางเดินหายใจ ผ่านออกมาทางปากหรือจมูกอย่างรวดเร็ว มักเกิดจากสิ่งแปลกปลอมเข้าไปภายในโพรงจมูก ทำให้เกิดการระคายเคืองบริเวณเยื่อบุโพรงจมูก กลไกการจามถือเป็นกลไกหนึ่งที่สำคัญในการป้องกันสิ่งแปลกปลอมและเชื้อโรคต่างๆ ที่เข้ามาในระบบทางเดินหายใจ ทุกคนคงเคยสังเกตว่า การจามนั้นเกิดขึ้นได้อยู่บ่อยๆ ซึ่งมักเกิดร่วมกับอาการคันจมูก คัดจมูก และน้ำมูกไหล
การจามนั้นมีกระบวนการที่ทำให้เกิดขึ้นได้อย่างไร ทำไมเวลาจามแล้วถึงมีน้ำมูกและน้ำตาไหลได้ การจามเกิดจากสาเหตุใดได้บ้าง จามบ่อย จามไม่หยุด ควรทำอย่างไร
สารบัญ
ทำไมคนเราถึงจาม?
- การจาม เป็นกลไกหนึ่งในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมนุษย์ที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด เมื่อสิ่งแปลกปลอมต่างๆ เช่น เกสรดอกไม้ ฝุ่นละออง อนุภาคต่างๆ เชื้อไวรัสและแบคทีเรีย เข้ามาในโพรงจมูก
- สิ่งแปลกปลอมต่างๆ เหล่านี้จะไปกระตุ้นเซลล์ประสาทรับสัมผัสที่อยู่ภายในเยื่อบุโพรงจมูก จากนั้นเซลล์ประสาทนี้จะส่งกระแสประสาทผ่านเส้นประสาทสมองคู่ที่ 5 (Trigeminal nerve) ไปยังสมองส่วนเมดัลลา (Medulla) ที่มีหน้าที่ควบคุมการหายใจ
- เมื่อสมองส่วนเมดัลลาถูกกระตุ้นจนรับรู้ว่าว่ามีสิ่งแปลกปลอมภายในโพรงจมูก สมองส่วนนี้จะสั่งงานให้กล้ามเนื้อต่างๆ ในทางเดินหายใจทำงาน จึงเกิดการจามขึ้นมาได้
- นอกจากนี้สมองส่วนเมดัลลายังไปกระตุ้นให้เกิดการหลั่งน้ำตาและของเหลวภายในโพรงจมูกอีกด้วย ผ่านระบบประสาทพาราซิมพาเทติก (Parasympathetic nervous system)
- ดังนั้น เมื่อมีการจาม จึงอาจมีน้ำตาและน้ำมูกไหลไปพร้อมๆ กันได้
จากกระบวนการจามที่ได้กล่าวมาทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่า การจามเป็นการทำงานนอกอำนาจจิตใจ ไม่สามารถควบคุมได้ เมื่อเกิดการจามไม่ควรพยายามทำการกลั้นการจาม หรืออุดกลั้นทางเดินหายใจทั้งหมด เนื่องจากอาจก่อให้เกิดอันตรายต่ออวัยวะต่างๆ
การจามเกิดจากสาเหตุอะไร?
การจามเกิดได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่
- การแพ้ (Allergy) เป็นสาเหตุของการจามที่พบได้บ่อยที่สุด มักเกิดร่วมกับอาการคันจมูก คัดจมูก และน้ำมูกไหล
- การติดเชื้อในทางเดินหายใจส่วนบน (Upper respiratory infection) เช่น การติดเชื้อไวรัส หรือที่รู้จักกันว่าเป็นไข้หวัดทั่วๆ ไป
- สิ่งกระตุ้นต่างๆ ที่ทำให้เกิดการระคายเคือง (Inhaling irritant) เช่น พริกไทย เครื่องแกงต่างๆ เป็นต้น
- อากาศเย็นและความชื้นในอาการต่ำ
- การหยุดใช้ยาบางชนิด โดยเฉพาะยากลุ่มโอปิออยด์ (Opioid narcotic)
บรรเทาอาการจามด้วยตนเองได้อย่างไร?
สิ่งสำคัญที่ทำให้เกิดการจามคือสิ่งกระตุ้นต่างๆ ดังนั้นอันดับแรกในการป้องกันการจามคือ การกำจัดสิ่งกระตุ้น เช่น
- รักษาความสะอาดของที่อยู่อาศัย
- กำจัดตุ๊กตาและสิ่งที่ดักฝุ่นออกจากห้องนอน
- เปลี่ยนผ้าปูที่นอนบ่อยๆ
- หลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับสัตว์เลี้ยง
- ใช้เครื่องฟอกอากาศ
นอกจากนี้ การเพิ่มความชื้นในอากาศและการล้างจมูกก็สามารถบรรเทาอาการจามได้ โดยการล้างจมูกที่ถูกวิธีนั้นทำได้โดยใช้ไซริงค์ (Syringe) ดูดน้ำเกลือ แล้วสอดปลายไซริงค์เข้าไปในรูจมูกข้างใดข้างหนึ่ง ก้มศีรษะลงเล็กน้อย กลั้นหายใจ แล้วฉีดน้ำเกลือเข้าไปในจมูกจนน้ำเกลือออกมาทางรูจมูกอีกข้างหนึ่งหรือออกทางปาก จากนั้นสั่งน้ำมูกและน้ำเกลือออกทางจมูกทั้งสองข้าง บ้วนน้ำเกลือที่ไหลลงคอทิ้ง ทำตามขั้นตอนดังกล่าวซ้ำสลับกันทั้งสองข้าง 2-3 ครั้ง
การทำเช่นนี้จะช่วยล้างสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ที่อยู่ในโพรงจมูกจึงช่วยลดอาการจาม รวมถึงอาการต่างๆ ที่เกิดจากการแพ้ได้
วิธีแก้อาการจามไม่หยุดทำอย่างไร?
อาการจามไม่หยุดมักเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ภูมิแพ้ ฝุ่นละออง หรือสารกระตุ้นอื่นๆ
- หลีกเลี่ยงสารกระตุ้น: หากรู้ว่าอาการจามเกิดจากฝุ่น ละอองเกสร หรือสารก่อภูมิแพ้อื่น ๆ ควรพยายามหลีกเลี่ยงการสัมผัส หรืออยู่ในบริเวณที่มีสารกระตุ้นเหล่านั้น เช่น ปิดหน้าต่างในช่วงฤดูเกสรดอกไม้ หรือใช้เครื่องกรองอากาศในห้อง
- ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ: การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ สามารถช่วยล้างฝุ่น ละออง หรือสารกระตุ้นอื่น ๆ ออกจากโพรงจมูกได้ ทำให้อาการจามลดลง โดยสามารถหาซื้อขวดล้างจมูกหรือเครื่องมือที่ใช้สำหรับล้างจมูกได้จากร้านขายยาทั่วไป
- รับประทานยาต้านฮีสตามีน: หากอาการจามเกิดจากภูมิแพ้ สามารถรับประทานยาต้านฮีสตามีน เช่น ลอราทาดีน (Loratadine) หรือ เซทิริซีน (Cetirizine) ซึ่งจะช่วยลดอาการแพ้และทำให้อาการจามลดลง แนะนำให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนรับประทานยา
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่มีสารเคมีหรือกลิ่นแรง: น้ำหอม ควันบุหรี่ หรือสารเคมีที่มีกลิ่นแรง สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการจามได้ ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในบริเวณที่มีสารเหล่านี้
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ: การดื่มน้ำให้เพียงพอจะช่วยให้เมือกในโพรงจมูกไม่แห้ง และช่วยลดอาการระคายเคืองที่ทำให้เกิดการจามได้
- ใช้เครื่องเพิ่มความชื้นในห้อง: การใช้เครื่องเพิ่มความชื้น ในห้องจะช่วยให้ความชื้นในอากาศคงที่ และลดการระคายเคืองในโพรงจมูก ทำให้ไม่เกิดอาการจามง่าย
- เปลี่ยนเสื้อผ้าและอาบน้ำหลังจากกลับบ้าน: เมื่อกลับจากนอกบ้าน ควรเปลี่ยนเสื้อผ้าและอาบน้ำทันทีเพื่อขจัดฝุ่นละอองหรือสารก่อภูมิแพ้ที่อาจติดอยู่กับร่างกายและเสื้อผ้า ทำให้อาการจามลดลง
จามบ่อย จามไม่หยุด ต้องไปพบแพทย์ไหม?
ไม่มีตัวเลขหรือความถี่ที่บ่งบอกชัดเจนว่าการมีจำนวนการจามเท่าไรถึงจะผิดปกติ แต่หากมีการจามมากจนรบกวนชีวิตประจำวันและการทำงานต่างๆ
หากบรรเทาอาการจามด้วยวิธีต่างๆ แล้วไม่ได้ผล แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและให้การรักษาที่เหมาะสม
การกลั้นจามอันตรายหรือไม่ อย่างไร?
บางคนอาจมีพฤติกรรมที่ชอบทำการกลั้นไม่ให้จามด้วยวิธีต่างๆ เนื่องจากอายหรือไม่ต้องการส่งเสียงดังรบกวนบุคคลรอบข้าง โดยที่ไม่รู้ว่าการกลั้นจามนั้นเป็นอันตราย
เนื่องจากโดยปกติแล้วการจามจะมีแรงดันอากาศจำนวนมากขับสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ออกจากทางเดินหายใจ ความดันอากาศที่สูงนี้ เมื่อทำการอุดกลั้นไม่ให้อากาศออกมาโดยการปิดปากปิดจมูกอย่างสนิท อากาศที่ไม่สามารถออกมาได้นี้จะดันภายในผนังของทางเดินหายใจส่วนต่างๆ ซึ่งทางเดินหายใจจะมีการเชื่อมต่อไปยังหู ตา และสมองได้อีกด้วย
ดังนั้นการกลั้นการจามจึงทำให้เป็นอันตรายต่ออวัยวะต่างๆ ได้ เช่น แก้วหูทะลุ ความดันในกระบอกตาสูงขึ้น ปอดรั่ว ทางเดินหายใจฉีกขาด เป็นต้น
เมื่อมีอาการจาม แนะนำให้นำมือหรือผ้าเช็ดหน้ามาปิดปาก แต่ไม่ควรอุดกลั้นไม่ให้ลมออกมาเลย หรืออาจทำการสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันไม่ให้ละอองน้ำลายที่เกิดจากการจามแพร่กระจายไปในอากาศ เนื่องจากอาจเป็นการกระจายเชื้อโรคไปสู่บุคคลใกล้ชิดหรือบุคคลที่อยู่รอบข้างได้
เขียนบทความโดย นพ. สุวพัชญ์ พิศาลมงคล