review filler injection at kalm clinic by teerut wongsala13

รีวิวโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มใบหน้า ที่ Kalm Clinic

เรามีปัญหาใต้ตาหมองคล้ำ หน้าดูไม่สดใส และมีร่องแก้มมานานแล้วค่ะ ซึ่งปัญหานี้ส่งผลให้ใบหน้าของเราดูโทรมมาก แถมยังดูมีอายุสุดๆ เราเลยตัดสินใจลองเข้าสู่วงการฉีดฟิลเลอร์ เพื่อแก้ไขปัญหานี้ให้ไวที่สุด

เพราะการฉีดฟิลเลอร์เข้าไปในชั้นผิว จะช่วยเติมเต็มโครงสร้างที่เสื่อมลงไปให้บริเวณที่ฉีดดูอิ่มฟู และเรียบเนียนขึ้น

จริงๆ แล้วฟิลเลอร์ใช้ฉีดบนหน้าได้หลายจุดเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นใต้ตา ขมับ หน้าแก้ม ร่องแก้ม และร่องน้ำหมาก รวมถึงบริเวณริมฝีปาก และคาง

พอเข้าสู่วงการฟิลเลอร์ ตอนนั้นเติมฟิลเลอร์ไปเยอะมากๆ เคยเติมจนรู้สึกว่ามันจะล้นแล้วก็มี แต่ก็ยังรู้สึกว่าผลลัพธ์ที่ได้ไม่เป็นที่น่าพอใจสักเท่าไหร่ อีกอย่าง คือยิ่งฉีดหลายๆ ครั้งรวมกันราคาก็ค่อนข้างสูงเลยค่ะ

จนเราได้มาเจอว่า ที่ Kalm Clinic เค้ามีเทคนิคโดยเฉพาะ ก็คือ เทคนิค Crescent Curve จะเป็นการฉีดฟิลเลอร์ในปริมาณที่น้อยแต่อยู่ได้นาน และสามารถแก้ไขปัญหาใบหน้าของเราได้ทั้งหมด แถมยังปรับรูปหน้าได้อย่างตรงจุด

Kalm Clinic

พอดูรีวิวฉีดฟิลเลอร์ของ Kalm Clinic ก็ยิ่งทำให้เรารู้สึกมั่นใจขึ้นไปอีก เพราะที่นี่ให้บริการโดยคุณหมอเคน นพ. ทรงพล พิจารณ์วณิช คุณหมอมีประสบการณ์การฉีดฟิลเลอร์และปรับรูปหน้ามาแล้วมากมาย แถมยังได้รับการรองรับ American Board of Anti-Aging อีกด้วย

ฉีดฟิลเลอร์ ที่ Kalm Clinic

ที่สำคัญแต่ละเคสที่ฉีดออกมาก็การันตีด้วยว่าที่ Kalm Clinic คุณหมอเคนมือเบามาก แถมยังเป็นกันเองสุดๆ ไม่ได้เน้นขายของเกินไป โดยคุณหมอจะเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ตอบโจทย์ปัญหาของเรามากที่สุด เลยทำให้เรารู้สึกไม่อึดอัด รู้สึกสบายๆ กว่าที่อื่น 

ฉีดฟิลเลอร์ ที่ไหนดี?

เดี๋ยวมาลองดูกันเลยค่ะว่าครั้งนี้คุณหมอจะใช้ฟิลเลอร์ในการแก้ไขปัญหาใต้ตาคล้ำ หน้าดูไม่สดใส และร่องแก้มที่ลึกมากๆ กี่ซีซีกันนะคะ

รีวิวโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มใบหน้า ที่ Kalm Clinic

มาถึงที่ Kalm Clinic ก็ติดต่อกับเจ้าหน้าที่หน้าเคาน์เตอร์ว่ามาฉีดฟิลเลอร์ จากนั้นเจ้าหน้าที่จะให้เรากรอกประวัติส่วนตัวเพื่อลงทะเบียนคนไข้ใหม่ก่อน เสร็จแล้วก็นั่งรอคิวสักพักก็ได้เข้าไปพบคุณหมอแล้วค่ะ

ฟิลเลอร์อยู่ได้นานแค่ไหน

พอเข้ามาพูดคุยกับคุณหมอ เค้าก็จะอธิบายเกี่ยวกับเทคนิค Crescent Curve ให้ฟังก่อนว่า เป็นเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์เฉพาะของทางคลินิก โดยจะฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มใบหน้าเพียงแค่หนึ่งจุด แต่ได้รับผลลัพธ์มากกว่าหนึ่ง

เทคนิคของคุณหมอหลังจากฉีดฟิลเลอร์เสร็จแล้ว บริเวณใต้ตาของเราจะดูอิ่มขึ้น ใบหน้าดูสดใส เหมือนคนพักผ่อนเพียงพอ อีกทั้งยังปรับรูปหน้าให้ยกกระชับมากขึ้นอีกด้วย เรียกได้ว่าแก้ไขปัญหาได้ครบจบในฟิลเลอร์หลอดเดียวเลยค่ะ

หลังจากคุณหมออธิบายข้อมูลต่างๆ ให้ฟังแล้ว คุณหมอประเมินว่า เรามีปัญหาในเรื่องของร่องใต้ตาลึก ซึ่งเกิดจากการที่เราเริ่มมีอายุมากขึ้น เลยส่งผลให้กระดูกบริเวณใต้ตาทรุดลงไป ทำให้ผิวหนังหย่อนคล้อย หน้าดูโทรม และอ่อนล้า

คุณหมอเลยแนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์ไปที่บริเวณเนื้อเยื่ออ่อนๆ ใต้ตาข้างละ 1 CC เข้าไปเติมเต็มร่องลึกๆ เพื่อทำให้ใต้ตาดูเต็ม อิ่มฟู ใบหน้ายกกระชับ และดูสดใสขึ้นได้อีกครั้งค่ะ

หลังจากได้พูดคุยกับคุณหมอเคน เราก็รู้สึกได้เลยค่ะว่าคุณหมอมีความชำนาญและเก่งด้านนี้มากจริงๆ เพราะคุณหมอประเมินปัญหาได้อย่างตรงจุด เข้าใจปัญหาใต้ตาของเราเป็นอย่างดี แถมยังให้คำปรึกษาแบบละเอียด และเป็นกันเองสุดๆ 

พอพูดคุยกับคุณหมอจบแล้ว เราก็พร้อมที่จะฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วค่ะ ขั้นตอนต่อไปเราก็ไปเตรียมตัวเพื่อฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากันเลย

ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์

ขั้นตอนแรก พี่เจ้าหน้าที่จะนำผ้าคาดผมมาให้ใส่ แล้วก็เริ่มเช็ดทำความสะอาดผิวหน้าให้ก่อนค่ะ จากนั้นคุณหมอก็จะให้หลับตาและนำดินสอมาวาดมาร์กจุดบริเวณที่จะฉีดฟิลเลอร์เลย

ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์

หลังจากมาร์คจุดเสร็จแล้ว พี่เจ้าหน้าที่จะนำน้ำแข็งมาประคบเย็น จากนั้นคุณหมอก็จะฉีดยาชาเพื่อบล็อกเส้นประสาท ช่วยให้ลดความเจ็บระหว่างฉีดฟิลเลอร์ได้ค่ะ

ขั้นตอนต่อมาหลังจากยาชาที่ฉีดไปออกฤทธิ์ คุณหมอก็จะเริ่มฉีดฟิลเลอร์ข้างขวาประมาณ 1 CC ก่อน พอฉีดข้างนึงเสร็จคุณหมอดูกระจกก่อนค่ะว่าผลลัพธ์ที่ได้เป็นยังไงบ้าง

ฉีดฟิลเลอร์ เจ็บไหม

จะบอกว่าพอเราส่องกระจกดูก็รู้สึกว้าวกับผลลัพธ์ที่ได้มากๆ เลยค่ะ เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงได้ชัดเลยว่าข้างที่ฉีดฟิลเลอร์ดูเต็ม อิ่มฟู และใบหน้าดูยกกระชับขึ้นกว่าข้างที่ไม่ได้ฉีดมากๆ

พอฉีดเสร็จทั้ง 2 ข้างคุณหมอก็จะนวดฟิลเลอร์ทันทีเพื่อช่วยไม่ให้ฟิลเลอร์จับกันเป็นก้อน ทำให้ได้ลุคที่ดูเป็นธรรมชาติ และได้รูปทรงตามที่ต้องการค่ะ

สำหรับความรู้สึกระหว่างที่ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรเลย ใครที่กลัวว่าจะเจ็บไม่ต้องกลัวเลยค่ะ คุณหมอมือเบาสมคำร่ำลือจริงๆ

ผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์

ผลลัพธ์หลังจากที่ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาไปแล้วก็เห็นผลทันทีแบบฉีดเสร็จแล้วสวยฉ่ำเลย เราก็รู้สึกว่าใต้ตาดูอิ่มฟู แก้มดูยกกระชับขึ้น ไม่มีร่องแก้มลึกๆ แล้วด้วย 

พอคุณหมอแก้ไขจุดหลักๆ ที่มีปัญหาจุดเดียว ก็เลยช่วยปรับรูปหน้าของเราใหม่ ทำให้ใบหน้าเราดูดีขึ้นมาหมดเพียงแค่ฉีดฟิลเลอร์เข้าไปข้างละ 1 CC เท่านั้นเอง สำหรับเราคิดว่ามันเลิศมากๆ ค่ะ

ผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์

โดยปกติหลังฉีดฟิลเลอร์จะไม่พบปัญหาใดๆ และสามารถฟื้นตัวได้ในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง หรืออย่างมากเพียง 2-3 วันเท่านั้น

ฉีดฟิลเลอร์ กี่วันเห็นผล

เพื่อเพิ่มความปังมากยิ่งขึ้น คุณหมอก็แนะนำให้ดื่มน้ำมากๆ วันละ 1.5- 2 ลิตร หรือประมาณ 12 แก้ว จะช่วยให้ไฮยาลูรอนในฟิลเลอร์อุ้มน้ำ คงรูปสวย และทำให้ตัวฟิลเลอร์ฟูดูเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้นหลังการฉีดฟิลเลอร์ไปแล้วค่ะ

บรรยากาศและความประทับใจในการใช้บริการที่ Kalm Clinic

อีกสิ่งหนึ่งที่ประทับใจจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ที่ Kalm Clinic คือ เหมือนมาเที่ยวคาเฟ่มากกว่ามาคลินิกอีกค่ะ แถมบรรยากาศในคลินิกก็เป็นกันเอง ทั้งคุณหมอเคนและพี่ๆ พนักงาน ชวนคุยตลอด ทำให้ไม่รู้สึกกังวลหรือกลัวเลย รู้สึกสบายใจมากค่ะ

บรรยากาศของ Kalm Clinic

และที่ปลื้มใจสุดๆ ก็คือคุณหมอให้คำแนะนำและรายละเอียดต่างๆ ได้ดีมาก ชัดเจน ละเอียด ทำให้เราทราบว่าปัญหาของเราเกิดจากอะไร ควรแก้ด้วยวิธีไหน ประทับในตัวคุณหมอมาก ไม่ผิดหวังเลยค่ะที่เลือกเข้ามาใช้บริการที่นี่

Kalm Clinic ดีไหม

สุดท้ายแล้วสำหรับใครที่มีปัญหาใต้ตาหมองคล้ำ ร่องตาลึก รู้สึกหน้าไม่ค่อยเต็ม อยากปรับรูปหน้า แล้วสนใจอยากเติมความสวยด้วยฟิลเลอร์อยู่ เราแนะนำที่ Kalm Clinic เลยค่ะ รับรองว่าให้มากกว่าความใส่ใจและดูแลเสมือนเพื่อนจริงๆ 

แอบบอกนิดนึงว่าตอนนี้ Kalm Clinic เค้ามีโปรโมชั่นร่วมกับ HDpay อยู่ด้วยน้า เรียกได้ว่าสบายใจแล้วก็ยังสบายกระเป๋าอีกด้วย เพราะทุกคนสามารถผ่อนชำระค่าบริการได้ 0% นานสูงสุด 10 เดือนเลย

ผู้ใช้บริการโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มใบหน้า ที่ Kalm Clinic
เพียงแค่แจ้งกับเจ้าหน้าที่หน้าเคาน์เตอร์ว่าต้องการผ่อนชำระผ่าน HDpay ได้เลยค่ะ สวยได้ในราคาสบายกระเป๋า แถมไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายด้วย โปรดีๆ แบบนี้พลาดไม่ได้เด็ดขาดเลย

Scroll to Top