ทำบอลลูนหัวใจที่ขา ใส่ Stent หัวใจ ต่างจากการบายพาสหัวใจอย่างไร ก่อนและหลังผ่าตัดต้องดูแลตัวเองอย่างไร มีเพศสัมพันธ์ได้ไหม ตั้งครรภ์ได้หรือเปล่า สารพัดคำถามเกี่ยวกับการทำบอลลูนหัวใจ บทความนี้มีตอบให้คุณ
สารบัญ
- 1. การทำบอลลูนหัวใจ กับ บายพาสหัวใจต่างกันอย่างไร
- 2. การทำบอลลูนหัวใจเหมาะกับใคร
- 3. ทำบอลลูนหัวใจราคาเท่าไหร่
- 4. ก่อนทำบอลลูนหัวใจ ต้องเตรียมตัวอย่างไร
- 5. การทำบอลลูนหัวใจมีขั้นตอนหรือวิธีการอย่างไร
- 6. หลังผ่าตัดทำบอลลูนหัวใจ มีวิธีดูแลตัวเองอย่างไร
- 7. ผลลัพธ์ระยะยาวจากการทำบอลลูนหัวใจเป็นอย่างไร
- 8. ผลข้างเคียงจากการทำบอลลูนหัวใจ มีอะไรบ้าง
- 9. หลังทำบอลลูนหัวใจออกกำลังกายได้เมื่อไหร่
- 10. หลังทำบอลลูนหัวใจ ขับรถเองได้เมื่อไหร่
- 11. หลังทำบอลลูนหัวใจกลับไปทำงานได้เมื่อไหร่
- 12. หลังทำบอลลูนหัวใจ มีเพศสัมพันธ์ได้ไหม
- 13. หลังทำบอลลูนหัวใจสามารถตั้งครรภ์ได้ไหม
- 14. หลังทำบอลลูนหัวใจควรกินอาหารแบบไหน
- 15. หลังทำบอลลูนหัวใจต้องหยุดสูบบุหรี่ไหม
1. การทำบอลลูนหัวใจ กับ บายพาสหัวใจต่างกันอย่างไร
ตอบ: การทำบอลลูนหัวใจ (PCI) และการผ่าตัดบายพาสหัวใจเป็นวิธีรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบที่มีความแตกต่างกันในแง่ของวิธีการและการฟื้นตัว
- การทำบอลลูนหัวใจ (PCI) เป็นวิธีการขยายหลอดเลือดหัวใจที่ตีบ โดยการใส่สายสวนผ่านหลอดเลือดที่ขาหนีบหรือข้อมือ แล้วใช้บอลลูนขยายหลอดเลือด จากนั้นใส่ขดลวด (Stent) เพื่อช่วยให้หลอดเลือดเปิดกว้างและไหลเวียนของเลือดดีขึ้น วิธีนี้มีความสะดวกและฟื้นตัวได้เร็ว ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถกลับไปทำกิจกรรมปกติภายใน 1-2 สัปดาห์
- การผ่าตัดบายพาสหัวใจ เป็นการผ่าตัดใหญ่ที่ใช้การต่อหลอดเลือดจากส่วนอื่นของร่างกายมาเชื่อมต่อหลอดเลือดหัวใจที่ตีบหรืออุดตัน เพื่อให้เลือดไหลเวียนไปยังหัวใจได้ดีขึ้น วิธีนี้มักใช้ในผู้ป่วยที่มีหลอดเลือดตีบมากหรือหลายตำแหน่ง โดยการฟื้นตัวอาจใช้เวลานานกว่าการทำบอลลูนหัวใจ โดยปกติแล้วใช้เวลาประมาณ 6-12 สัปดาห์ในการฟื้นฟู
2. การทำบอลลูนหัวใจเหมาะกับใคร
ตอบ: การทำบอลลูนหัวใจและใส่ขดลวด เหมาะกับผู้ป่วยที่มีอาการดังต่อไปนี้
- ผู้ที่มีอาการเจ็บหน้าอกบ่อยๆ มักเกิดจากการขาดออกซิเจนไปยังกล้ามเนื้อหัวใจ
- ผู้ที่มีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดภาวะหัวใจวาย
- ผู้ที่ตรวจพบการตีบของหลอดเลือดหัวใจ
- ผู้ที่รักษาด้วยยาแล้วไม่เห็นผล ผู้ป่วยบางราย แม้จะได้รับการรักษาด้วยยาแล้ว แต่ยังคงมีอาการเจ็บหน้าอก หรือมีความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจวาย ที่ไม่สามารถควบคุมได้ด้วยการใช้ยาเพียงอย่างเดียว แพทย์อาจแนะนำให้ทำบอลลูนหัวใจ
- ผู้ที่มีภาวะแทรกซ้อนจากหลอดเลือดหัวใจตีบ เช่น ภาวะหัวใจวายที่เกิดจากการตีบของหลอดเลือดหัวใจที่สำคัญ ซึ่งไม่สามารถรักษาได้ด้วยวิธีการอื่น
3. ทำบอลลูนหัวใจราคาเท่าไหร่
ตอบ: การขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูนและการใส่ขดลวด ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 100,000 บาท ขึ้นอยู่กับสถานพยาบาลและจำนวนขดลวดที่ใช้
ทำบอลลูนหัวใจต้องเตรียมตัวอย่างไร มีความเสี่ยงไหม? ขอความเห็นจากแพทย์ผู้เฉพาะทาง เพื่อเลือกวิธีที่เหมาะกับเรามากที่สุด ติดต่อทีม HDcare ช่วยทำนัดเข้าปรึกษาคุณหมอ หาแพ็กเกจราคาดีใกล้คุณได้ ที่นี่
4. ก่อนทำบอลลูนหัวใจ ต้องเตรียมตัวอย่างไร
ตอบ: การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการรักษาเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้
- ตรวจประเมินความเสี่ยงตามแพทย์แนะนำ
- แจ้งประวัติโรคประจำตัว ยาที่รับประทานเป็นประจำ การแพ้ยา แพ้อาหาร และผลการตรวจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องให้แพทย์ทราบโดยละเอียด
- งดการสูบบุหรี่อย่างน้อย 3-6 สัปดาห์ก่อนทำบอลลูนหัวใจ
- แพทย์อาจแนะนำให้รับประทานยาต้านการแข็งตัวของเกล็ดเลือด เช่น แอสไพริน หรือ โคลพิโดเกรล 5-7 วันก่อนเข้ารับการรักษา
- งดรับประทานอาหารและดื่มน้ำอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง ก่อนทำบอลลูนหัวใจ
5. การทำบอลลูนหัวใจมีขั้นตอนหรือวิธีการอย่างไร
ตอบ: ขั้นตอนการทำบอลลูนหัวใจและใส่ขดลวด PCI มีดังนี้
- แพทย์หรือพยาบาล ทำความสะอาดผิวหนังบริเวณขาหนีบหรือข้อมือ ที่จะทำการสอดสายสวนหัวใจ
- แพทย์จะให้ยาชาเฉพาะที่ เมื่อยาชาออกฤทธิ์ จึงเปิดแผลขนาดเล็กบริเวณขาหนีบหรือข้อมือ
- ใส่สายสวนหัวใจชนิดพิเศษเข้าไปในหลอดเลือด แล้วฉีดสารทึบรังสี เพื่อดูว่าหลอดเลือดส่วนไหนที่ตีบแคบ พร้อมประเมินความรุนแรง
- จากนั้นแพทย์จะสอดสายสวนหัวใจที่มีบอลลูนติดปลายเข้าไปตรงจุดที่ตีบแคบ ซึ่งบอลลูนจะถูกหุ้มด้วยขดลวดตาข่าย (Stent) ที่เคลือบตัวยาช่วยป้องกันการตีบซ้ำของหลอดเลือดหัวใจไว้
- เมื่อได้ตำแหน่งที่ต้องการ จึงใช้เครื่องมือขยายบอลลูนให้พองขึ้น เพื่อเปิดหลอดเลือดที่ตีบแคบให้กว้างขึ้น
- จากนั้นทำบอลลูนให้แฟ่บเหมือนเดิม แล้วดึงสายสวนออกมาพร้อมกับบอลลูน แต่ขดลวดตาข่ายจะยังคงทำหน้าที่ค้ำยันหลอดเลือดเอาไว้อยู่
- จากนั้นฉีดสารทึบรังสี เพื่อประเมินผลการขยายหลอดเลือดหัวใจอีกครั้ง
ตลอดกระบวนการทำบอลลูน ใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง และหลังทำเสร็จผู้ป่วยจะต้องพักฟื้นในโรงพยาบาลประมาณ 1-2 วัน เพื่อติดตามอาการ
6. หลังผ่าตัดทำบอลลูนหัวใจ มีวิธีดูแลตัวเองอย่างไร
ตอบ: หลังจากทำบอลลูนหัวใจแล้ว แพทย์มักจะแนะนำให้ดูแลตัวเอง ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการยกของหนัก การออกแรงมาก และการนั่งงอข้อสะโพก ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก
- รับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะยาต้านเกร็ดเลือด (Clopidogrel) ซึ่งต้องรับประทานอย่างน้อย 1 เดือน เพื่อป้องกันการเกิดลิ่มเลือดในขดลวด
- พกยาอมใต้ลิ้นติดตัวตลอดเวลา เมื่อเกิดอาการเจ็บแน่นหน้าอกให้หยิบมาอมทันที หากอมแล้วอาการไม่ดีขึ้น ให้ไปพบแพทย์ทันที
- ปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิต เช่น หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง อาหารรสเค็ม และแอลกอฮอล์ หมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอ และลดความเครียด
- ตรวจสุขภาพตามนัดและรายงานอาการผิดปกติให้แพทย์ทราบทันที
7. ผลลัพธ์ระยะยาวจากการทำบอลลูนหัวใจเป็นอย่างไร
ตอบ: หลังการทำบอลลูนหัวใจและใส่ขดลวด หากผู้ป่วยดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม ผลลัพธ์ระยะยาวจะดีขึ้น ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่จำเป็นต้องติดตามอาการ และเข้ารับการตรวจสุขภาพตามคำแนะนำของแพทย์อย่างสม่ำเสมอ
8. ผลข้างเคียงจากการทำบอลลูนหัวใจ มีอะไรบ้าง
ตอบ: การทำบอลลูนหัวใจมีผลข้างเคียงที่พบได้ ดังนี้
- ความเสี่ยงทั่วไปที่พบได้จากการผ่าตัด เช่น การติดเชื้อ อักเสบ แพ้ยาชา เลือดออก
- รู้สึกปวดบริเวณที่ใส่สายสวนหัวใจ
- อาการแทรกซ้อนอื่นๆ ซึ่งพบได้น้อยมาก ได้แก่ แพ้สารทึบแสง อาจส่งผลให้เกิดภาวะช็อกได้ ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ภาวะหลอดเลือดหัวใจ หรือกล้ามเนื้อหัวใจทะลุระหว่างสอดสายสวนหัวใจ หรือภาวะลิ่มเลือดอุดตันสมอง
9. หลังทำบอลลูนหัวใจออกกำลังกายได้เมื่อไหร่
ตอบ: หลังการทำบอลลูนหัวใจ ผู้ป่วยควรงดการออกกำลังกายหนักในช่วง 2 สัปดาห์แรก ซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกายยังคงฟื้นตัว แพทย์อาจแนะนำให้ออกกำลังกายเบาๆ เช่น การเดิน เพื่อกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด โดยควรเลี่ยงการยกของหนัก หรือการออกกำลังอย่างหักโหมในช่วงนี้
หลังจาก 2 สัปดาห์ ผู้ป่วยสามารถเริ่มออกกำลังกายในระดับเหนื่อยพอควรได้ โดยการออกกำลังกายที่เหมาะสม เช่น การเดินเร็ว ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน เป็นเวลา 30 นาทีต่อวัน และ อย่างน้อย 5 วันต่อสัปดาห์
อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มโปรแกรมการออกกำลังกาย แพทย์อาจแนะนำการทดสอบสมรรถภาพหัวใจ (Stress Test) ก่อน เพื่อความปลอดภัย
10. หลังทำบอลลูนหัวใจ ขับรถเองได้เมื่อไหร่
ตอบ: หลังจากการทำบอลลูนหัวใจ ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงการขับรถด้วยตัวเอง รวมทั้งการเดินทางไกลในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก เพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อน หากจำเป็นต้องนั่งรถเพื่อเดินทางไกล ควรปรึกษาแพทย์ และพักเป็นระยะ เพื่อหลีกเลี่ยงการนั่งนานเกินไป
11. หลังทำบอลลูนหัวใจกลับไปทำงานได้เมื่อไหร่
ตอบ: หลังการทำบอลลูนหัวใจ ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถกลับไปทำงานได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับลักษณะของงานและการฟื้นตัวของร่างกาย หากเป็นงานเบาหรือไม่ต้องใช้แรงมาก สามารถเริ่มทำงานได้เร็วขึ้น แต่หากเป็นงานที่ต้องใช้แรงหรือมีความเครียดสูง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความพร้อมของร่างกายก่อนกลับไปทำงาน
12. หลังทำบอลลูนหัวใจ มีเพศสัมพันธ์ได้ไหม
ตอบ: หลังจากการทำบอลลูนหัวใจ ผู้ป่วยสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ แต่ควรให้ร่างกายฟื้นตัวเต็มที่ก่อน โดยทั่วไปแล้วสามารถกลับมามีเพศสัมพันธ์ได้ภายใน 2-4 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของแต่ละคน และคำแนะนำจากแพทย์
อย่างไรก็ตาม หากมีอาการผิดปกติ เช่น เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะในขณะมีเพศสัมพันธ์ ผู้ป่วยควรนอนพักนิ่งๆ บนเตียง หากจำเป็นต้องเคลื่อนไหว ให้ทำอย่างช้าๆ หากอาการไม่ดีขึ้น ควรรีบพบแพทย์ทันที
13. หลังทำบอลลูนหัวใจสามารถตั้งครรภ์ได้ไหม
ตอบ: การตั้งครรภ์หลังทำบอลลูนหัวใจสามารถทำได้ แต่ต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากแพทย์ เนื่องจากผู้ป่วยที่ผ่านการรักษาหลอดเลือดหัวใจ อาจต้องใช้ยาต้านเกล็ดเลือด ซึ่งอาจมีผลต่อทารก ดังนั้น จึงจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการตั้งครรภ์ และตรวจสอบความพร้อมของร่างกาย รวมทั้งปรับยาที่ใช้ให้เหมาะสม
นอกจากนี้ ระหว่างการตั้งครรภ์ ควรเฝ้าระวังอาการและตรวจเช็กหัวใจอย่างสม่ำเสมอ
14. หลังทำบอลลูนหัวใจควรกินอาหารแบบไหน
ตอบ: หลังทำบอลลูนหัวใจ ควรเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวและป้องกันการตีบซ้ำของหลอดเลือด ควรเน้นการรับประทานผักและผลไม้หลากสี โปรตีนไขมันต่ำจากปลาและไก่ และธัญพืชเต็มเมล็ด เช่น ข้าวกล้องและขนมปังโฮลเกรน เพื่อเพิ่มเส้นใยอาหาร
นอกจากนี้ ควรลดการบริโภคไขมันอิ่มตัว น้ำตาล และเกลือ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ รวมทั้งดื่มน้ำให้เพียงพอ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยเสริมสร้างสุขภาพหัวใจให้ดีขึ้น
15. หลังทำบอลลูนหัวใจต้องหยุดสูบบุหรี่ไหม
ตอบ: ผู้ป่วยควรหยุดสูบบุหรี่โดยเด็ดขาด เนื่องจากการสูบบุหรี่ทำให้เส้นเลือดตีบซ้ำได้เร็วขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจซ้ำอีกครั้ง นอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพทั่วไปอย่างรุนแรง
เชื่อว่าข้อมูลเกี่ยวกับการทำบอลลูนหัวใจที่นำมาฝากในบทความนี้ น่าจะช่วยให้หลายคนหายคาใจและหมดกังวลเกี่ยวกับการรักษาโรคหัวใจแล้ว
ทำบอลลูนหัวใจที่ไหนดี? มีขั้นตอนอย่างไร? นัดคุยกับคุณหมอเฉพาะทาง ผ่านทีม HDcare สะดวกรวดเร็ว ทันใจ หรือค้นหาแพ็กเกจรักษาโรคหัวใจ จาก รพ. หรือคลินิกใกล้คุณได้ทันที คลิกที่นี่เลย