การผ่าตัดเย็บปิดช่องคลอด ยืดท่อปัสสาวะ แปลงเพศหญิงเป็นชายทำอย่างไร?

ผู้ที่ตัดสินใจ “ข้ามเพศ” จากหญิงเป็นชาย หลังผ่านขั้นตอนการผ่าตัดแปลงเพศตั้งแต่เอาหน้าอกออก ตัดมดลูกและรังไข่ออกแล้ว แต่ยังคงต้องการเดินหน้าต่อไป ทั้งไม่อยากมีอะไรที่บ่งบอกความเป็ยผู้หญิงหลงเหลือในร่างกาย หรืออยากมีอวัยวะเพศชาย อยากยืนปัสสาวะได้

การผ่าตัดแปลงเพศขั้นต่อไป หรือขั้นที่ 3 ที่ต้องเจอ ก็คือ การผ่าตัดเย็บปิดช่องคลอด เตรียมยืดท่อปัสสาวะ ซึ่งถือเป็นขั้นตอนสำคัญก่อนการผ่าตัดสร้างอวัยวะเพศชาย และหากอยากยืนปัสสาวะได้ในขั้นตอนนี้ศัลยแพทย์จะผ่าตัดยืดท่อปัสสาวะไว้พร้อมกัน

การผ่าตัดเย็บปิดช่องคลอด แปลงเพศหญิงเป็นชายคืออะไร?

การผ่าตัดเย็บปิดช่องคลอด แปลงเพศหญิงเป็นชายคือ กระบวนการยุติหน้าที่ของช่องคลอดแบบถาวรด้วยการเย็บปิด ขั้นตอนนี้ซึ่งสอดคล้องกับกระบวนการก่อนหน้า ที่ผู้เข้ารับบริการแปลงเพศได้ตัดมดลูกและรังไข่ออกไปหมดแล้ว

นั่นจึงทำให้ร่างกายไม่มีแหล่งผลิตฮอร์โมนเพศหญิง ไม่มีการตกไข่ ไม่มีประจำเดือน และไม่มีโอกาสตั้งครรภ์อีกต่อไป

ที่สำคัญการผ่าตัดเย็บปิดช่องคลอดนั้น ยังสอดคล้องกับความต้องการอันดับต้นๆ ที่ผู้เข้ารับบริการต้องการข้ามเพศจากหญิงไปเป็นชายนั่นเองคือ ไม่ต้องการให้ร่างกายหลงเหลืออวัยวะแสดงความเป็นเพศหญิงอีกแล้ว พร้อมเดินหน้าก้าวสู่ความเป็นชายข้ามเพศเต็มตัว

การผ่าตัดนี้นอกจากจะมีการเย็บปิดช่องคลอดแล้ว สำหรับผู้ที่ต้องการผ่าตัดสร้างอวัยวะเพศชายแบบต่อท่อปัสสาวะให้ยาวขึ้นแบบผู้ชาย เพื่อให้ปัสสาวะพุ่งเป็นลำและยืนปัสสาวะได้ เมื่อกระบวนการผ่าตัดแปลงเพศสิ้นสุด

ศัลยแพทย์จะผนวกขั้นตอนการผ่าตัดยืดท่อปัสสาวะเข้าไปด้วย เพื่อเตรียมความพร้อมไว้ก่อน

ใครสามารถผ่าตัดเย็บปิดช่องคลอด ยืดท่อปัสสาวะ แปลงเพศหญิงเป็นชายได้บ้าง?

การผ่าตัดเย็บปิดช่องคลอดและเตรียมยืดท่อปัสสาวะเพื่อแปลงเพศหญิงเป็นชาย เป็นขั้นตอนสำคัญก่อนเริ่มการผ่าตัดสร้างอวัยวะเพศชายแบบต่อท่อปัสสาวะ

ดังนั้นผู้ที่สามารถเข้ารับการผ่าตัดเย็บปิดช่องคลอดและเตรียมยืดท่อปัสสาวะ เพื่อแปลงเพศหญิงเป็นชาย จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีคุณสมบัติครบทุกข้อต่อไปนี้

  • ผ่านการประเมินสภาพจิตใจจากจิตแพทย์ก่อนเพื่อยืนยันว่า มีภาวะ “Gender dysphoria (GD)” หรือ เป็นผู้ที่ไม่มีความสุขกับสรีระทางเพศแต่กำเนิดอย่างรุนแรงจริง
  • เมื่อตัดสินใจจะผ่าตัดแปลงเพศจะต้องได้รับการประเมินจิตใจจากจิตแพทย์อีกครั้งรวมเป็น 2 ครั้ง แต่จะต้องไม่ใช่จิตแพทย์คนแรกที่ตรวจประเมินมาก่อน เพื่อให้ได้ผลยืนยันว่า ผู้เข้ารับบริการพร้อมที่จะได้รับการผ่าตัดแปลงเพศจริง
  • อายุ 20 ปีบริบูรณ์ หรือหากมีอายุ 18 ปีขึ้นไป แต่ยังไม่ถึง 20 ปี ต้องมีหนังสือรับรองจากผู้ปกครองเป็นลายลักษณ์อักษร
  • เคยทดลองใช้ชีวิตในแบบเพศตรงข้ามในรูปแบบที่ต้องการมาแล้วอย่างน้อย 1 ปี
  • มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง
  • ไม่มีภาวะทางจิตเวช

อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปผู้เข้ารับบริการที่เดินทางมาถึงขั้นตอนนี้ แทบทั้งหมดมักจะผ่านการผ่าตัดเอาหน้าอกออกให้แบนราบเหมือนผู้ชาย การผ่าตัดมดลูกและรังไข่ออกมาแล้ว ดังนั้นคุณสมบัติเพิ่มเติมที่ควรต้องมีก่อนเข้ารับการผ่าตัดเย็บปิดช่องคลอดคือ

  • แผลผ่าตัดเดิมหายดี ผิวหนังสมานตัวกันเรียบร้อยแล้ว ไม่มีภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัด ผ่านการผ่าตัดขั้นตอนก่อนหน้ามาแล้วประมาณ 3-6 เดือน แต่หากต้องการทิ้งระยะเวลาเพิ่มไปนานกว่านั้นก็ไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด
  • สุขภาพร่างกายแข็งแรง
  • ไม่มีข้อบ่งชี้ทางสุขภาพในการผ่าตัดขั้นตอนนี้

หลังจากนั้น ผู้เข้ารับควรบริการควรปรึกษาศัลยแพทย์ถึงรายละเอียดในกระบวนการผ่าตัดต่อไปเพื่อประกอบการพิจารณาอีกครั้ง หรือเพื่อวางแผนทางการเงินต่อไป

การผ่าตัดเย็บปิดช่องคลอด ยืดท่อปัสสาวะ แปลงเพศหญิงเป็นชาย ทำอย่างไร?

หากต้องการเย็บปิดช่องคลอดเพียงอย่างเดียวเพื่อจบกระบวนการแปลงเพศเพียงเท่านี้ โดยทั่วไปศัลยแพทย์จะเย็บผนังด้านหน้าและด้านหลังของช่องคลอดเข้าหากัน เพื่อป้องกันไม่ให้เนื้อผนังช่องคลอดยื่นย้อยลงมาภายหลัง หากว่ากล้ามเนื้อหย่อนยาน

ผู้เข้ารับบริการบางรายที่มีเนื้อผนังช่องคลอดมาก ศัลยแพทย์อาจพิจารณาตัดเนื้อผนังช่องคลอดออกและตัดแต่ง เย็บเก็บให้เรียบร้อย

กรณีผู้เข้ารับบริการที่ต้องการ “ผ่าตัดสร้างอวัยวะเพศชายแบบต่อท่อปัสสาวะให้ยาวขึ้นแบบผู้ชาย” ศัลยแพทย์จะมีวิธีผ่าตัดยืดท่อปัสสาวะและเย็บปิดช่องคลอดดังนี้

  • ศัลยแพทย์เริ่มเลาะผนังช่องคลอดด้านหน้าออก ค่อยๆ ม้วนแล้วเย็บเข้าด้วยกันเป็นทรงกระบอกเพื่อนำมาเป็นท่อปัสสาวะเชื่อมต่อกับท่อปัสสาวะเดิม วิธีนี้จะสามารถเพิ่มความยาวของท่อปัสสาวะได้จากเดิมราว 3-4 เซนติเมตร สำหรับท่อปัสสาวะที่สร้างขึ้นใหม่นี้ ศัลยแพทย์จะต่อออกมาบริเวณใต้คลิตอริส เพื่อเตรียมไว้ “ต่อ” เข้ากับท่อปัสสาวะใหม่ ที่ในการผ่าตัดขั้นต่อไป ศัลยแพทย์จะสร้างท่อปัสสาวะใหม่ไว้ที่เนื้อเยื่อของร่างกายส่วนที่ต้องการ เช่น เนื้อท่อนแขน เนื้อน่อง
  • ศัลยแพทย์จะลอกเยื่อบุช่องคลอดตลอดแนวความยาวออก เพื่อให้เนื้อช่องคลอดสมานติดกันเป็นเนื้อเดียวได้ง่ายมากขึ้น แต่จะยังคงกล้ามเนื้อภายในช่องคลอดไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหากลั้นปัสสาวะ อุจจาระไม่อยู่ ปัสสาวะเล็ด ได้
  • จากนั้นจึงเย็บกล้ามเนื้อปากช่องคลอดปิด ใส่สายยางสำหรับระบายเลือดไว้ภายในแล้วจึงเย็บแคมเล็กเข้าหากัน

หลังจากการผ่าตัดเสร็จสิ้นและถอดสายสวนปัสสาวะแล้ว ศัลยแพทย์จะให้ผู้เข้ารับบริการสามารถปัสสาวะผ่านทางท่อปัสสาวะที่ต่อใหม่ได้เพื่อตรวจดูความตีบตันของท่อปัสสาวะใหม่

โดยทั่วไปเมื่อปัสสาวะ น้ำปัสสาวะจะเริ่มพุ่งไปด้านหน้าคล้ายผู้ชายมากขึ้น ไม่พุ่งต่ำแบบเดิม แต่ยังไม่เหมือนสมบูรณ์แบบเหมือนการปัสสาวะของผู้ชาย

ข้อควรรู้

  • การผ่าตัดเย็บปิดช่องคลอดยังเสี่ยงต่อการเสียเลือดมาก เนื่องจากเป้นบริเวณที่มีเลือดมาหล่อเลี้ยงสูง ตลอดการผ่าตัดจึงต้องมีการห้ามเลือดอย่างดี
  • ใช้เวลาในการผ่าตัด 1.5-2 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความยากง่าย
  • หากเป็นการเย็บปิดช่องคลอดเพียงอย่างเดียว จะใช้เวลาพักฟื้นที่โรงพยาบาลประมาณ 3-5 วัน แล้วจึงกลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านอีกประมาณ 7 วัน
  • หากเป็นการเย็บปิดช่องคลอดและผ่าตัดยืดท่อปัสสาวะ จะใช้เวลาพักฟื้นในโรงพยาบาลนาน 5-7 วัน เพราะต้องใส่สายสวนปัสสาวะ และให้แผลหายดีก่อน จากนั้นจึงกลับพักฟื้นที่บ้านอีก 7 วัน จึงถอดสายสวนปัสสาวะได้ และเริ่มปัสสาวะผ่านท่อที่ยืดออกได้
  • หลังผ่าตัดราว 1 เดือน แผลจึงหายสนิท

การผ่าตัดเย็บปิดช่องคลอดพร้อมกับยืดท่อปัสสาวะต้องทำโดยศัลยแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญ เพราะในขั้นตอนการเลาะเยื่อบุช่องคลอดต้องใช้ความระมัดระวังและปรัสบการณ์สูง ศัลยแพทย์ต้องประมาณการณ์ความหนา-บางของผนังช่องคลอดได้

เนื่องจากหากพลาดพลั้งขึ้นมาเครื่องมือแพทย์อาจทะลุผนังช่องคลอดออกไป ทำให้อวัยวะที่อยู่ใกล้กันได้รับบาดเจ็บได้ เช่น กระเพาะปัสสาวะ ลำไส้

หากผู้เข้ารับบริการมีความประสงค์เข้าสู่กระบวนการผ่าตัดแปลงเพศขั้นต่อไป มีคำแนะนำว่า ต้องเว้นระยะเวลาประมาณ 3-6 เดือน เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัว กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง

Scroll to Top