มือลอกเป็นอาการที่หลายคนเคยเผชิญแต่มักไม่ค่อยทราบสาเหตุกัน โดยหลายคนจะคิดว่า อาการมือลอกนั้นต้องมาจากการขาดความชุ่มชื้นที่ผิวเท่านั้น แต่ความจริงแล้ว อาการมือลอกสามารถเกิดได้จากสาเหตุมากกว่านั้น
สารบัญ
ความหมายของอาการมือลอก
มือลอก (Skin peeling on hands) เป็นอาการที่ผิวหนังชั้นหนังกำพร้าที่มือหลุดลอกออกมาเป็นขุยๆ หรือเป็นแผ่นๆ และมักมีอาการมือแห้งหยาบกร้าน ไม่นุ่มนวลร่วมด้วยจนทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายผิว ระคายเคือง คัน หรืออาจรู้สึกเจ็บที่ผิว
ผิวที่อวัยวะส่วนอื่นซึ่งมักมีอาการลอกร่วมกับบริเวณมือคือ บริเวณริมฝีปากและเท้า
สาเหตุที่ทำให้มือลอก
สาเหตุที่มักทำให้เกิดอาการมือลอกขึ้น มีดังต่อไปนี้
1. สภาพอากาศ
เป็นสาเหตุที่หลายคนมักคาดเดาไว้เป็นอันดับหนึ่ง โดยสภาพอากาศที่แห้งมีส่วนทำให้ความชุ่มชื้นของผิวหนังลดน้อยลงได้ และเมื่อผิวหนังแห้งมากๆ ก็มีโอกาสหลุดลอกออกมาได้นั่นเอง
2. การสัมผัสแสงแดด
รังสีอัลตราไวโอเลต หรือรังสียูวี (Ultraviolet: UV) จากแสงแดดสามารถทำให้ผิวหนังไหม้จนกลายเป็นสีแดง ทำให้เกิดความรู้สึกอุ่นและแสบ จากนั้นผิวหนังบริเวณที่สัมผัสรังสีมากๆ จะค่อยๆ หลุดลอกออก
สำหรับผิวบริเวณแขน มือ และขา ซึ่งเป็นผิวหนังที่มักจะอยู่นอกร่มผ้าจึงมีโอกาสสัมผัสแสงแดดได้บ่อยๆ ผิวหนังบริเวณนี้จึงมีโอกาสหลุดลอกได้ง่ายกว่าผิวหนังส่วนอื่นๆ
ส่วนผู้ที่ต้องทำงานด้านนอกอาคารอยู่บ่อยๆ ควรสวมถุงมือ และทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันรังสียูวี มิฉะนั้นจะมีความเสี่ยงที่ผิวจะไหม้ และเป็นโรคมะเร็งผิวหนังได้ง่ายกว่าคนทั่วไป
3. ล้างมือบ่อยๆ
หลายคนอาจคิดว่า การล้างมืออย่างถูกวิธีสามารถช่วยชะล้างเชื้อโรคออกไปจากมือได้ นั่นถือเป็นเรื่องที่เหมาะสมและควรปฏิบัติอย่างยิ่งโดยเฉพาะในช่วงที่โควิด-19 กำลังแพร่ระบาด
แต่ในทางกลับกัน การล้างมือไม่ว่าจะด้วยน้ำเปล่า ล้างด้วยสบู่ หรือด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ก็ถือเป็นการชะล้างเอาน้ำมันที่ช่วยสร้างความชุ่มชื้นออกไปจากผิวด้วย
เมื่อน้ำมันธรรมชาติถูกชะล้างออกไปจากผิวบ่อยๆ จึงทำให้ผิวบริเวณนั้นเหลือสารน้ำหล่อเลี้ยงให้เกิดความชุ่มชื้นไม่เพียงพอ และทำให้ผิวแห้งจนหลุดลอก หรือเกิดอาการผื่นแพ้สารในสบู่ หรือสารในน้ำยาล้างมือที่ใช้ล้างมือได้
4. พฤติกรรมดูดนิ้ว
พฤติกรรมดูดนิ้ว (Finger sucking) มักพบมากที่สุดในกลุ่มเด็กๆ ตั้งแต่เด็กทารกอายุ 18 สัปดาห์ไปจนถึงเด็กอายุประมาณ 4 ขวบ แล้วหลังจากนั้นพฤติกรรมนี้ก็จะค่อยๆ ลดลงไปเมื่อพวกเขาโตขึ้น
พฤติกรรมดูดนิ้วอย่างต่อเนื่องและเป็นประจำทำให้น้ำลายไปที่ล้างเอาน้ำมันธรรมชาติที่ผิวนิ้วออกไป เมื่อผิวหนังของนิ้วที่เด็กดูดมีความชื้นจากน้ำลายมากขึ้นๆ จะเกิดอาการเปื่อยและเซลล์ผิวชั้นนอกก็จะค่อยๆ หลุดลอกออกได้ในที่สุด
5. การสัมผัสสารเคมี
สารเคมีที่ทุกคนใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นสบู่ แชมพู ครีมบำรุงผิว ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพผิวได้ทั้งนั้น
โดยสารเคมีในผลิตภัณฑ์เหล่านี้อาจเข้าไปสร้างความระคายเคืองในชั้นผิว ถึงแม้จะเป็นสารต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย หรือช่วยบำรุงผิวก็ตาม
แต่เพราะผิวของแต่ละคนมีการตอบสนองต่อสารที่สัมผัสกับร่างกายแตกต่างกัน ถึงแม้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะมีการโฆษณาว่า ช่วยสร้างความชุ่มชื้น หรือเหมาะกับผู้ที่แพ้สารเคมีง่าย แต่ทุกคนก็สามารถแพ้สารเคมีทุกตัวได้โดยไม่อาจคาดเดาได้ล่วงหน้า
ผลจากการแพ้สารเคมี หรือเกิดความระคายเคืองนี้ สามารถแสดงอาการผิดปกติได้ด้วยอาการผิวหนังลอกนั่นเอง
6. ภาวะผิวหนังอักเสบ
ภาวะผิวหนังอักเสบจนเกิดการหลุดลอก (Exfoliative keratolysis) เป็นประเภทของภาวะผิวหนังอักเสบที่มักพบในช่วงฤดูร้อน หรือเวลาอากาศร้อนจัด
ภาวะผิวหนังอักเสบนี้จะมีลักษณะเป็นตุ่มน้ำขึ้นมาก่อน ก่อนที่จะแตกออก และทำให้ชั้นผิวหนังกำพร้าแยกออกจากกันจนกลายเป็นแผลแห้ง มีสีแดง และทำให้เกิดอาการเจ็บแสบตามมา แต่จะไม่เกิดอาการคันระคายเคือง
ภาวะผิวหนังอักเสบจนเกิดการหลุดลอกนอกจากจะเกิดจากสภาพได้แล้ว ยังเกิดได้จากการสัมผัสสารเคมีบางอย่างที่สร้างความระคายเคืองได้อีกด้วย
นอกจากภาวะผิวหนังอักเสบ ยังมีอีกโรคที่มีอาการคล้ายกันอีก ชื่อว่า “โรคผื่นผิวหนังอักเสบที่มือ (Hand eczema)” ซึ่งเป็นโรคที่พบได้บ่อยๆ ในกลุ่มวัยกลางคน หรือวัยทำงาน เพราะมีการสัมผัสสารเคมี หรือสิ่งแปลกปลอมได้บ่อย
กลุ่มผู้ที่สัมผัสสารเคมีบ่อยๆ อย่างช่างเสริมสวย ช่างทำผม ช่างทาเล็บ ทันตแพทย์ พยาบาล คนงานก่อสร้าง เป็นอีกกลุ่มอาชีพที่เสี่ยงเป็นโรคนี้ได้ โดยอาการของโรคผื่นผิวหนังอักเสบที่มือโดยหลักๆ จะได้แก่
- เป็นผื่นแดง และอาจมีน้ำหนองไหลออกมาด้วย
- ผิวหนังเป็นขุย แห้ง และหลุดลอก
- มีตุ่มน้ำเล็กๆ ขึ้นที่มือ รวมถึงซอกนิ้ว ง่ามมือ
- รู้สึกคันระคายเคืองผิวหนัง
7. โรคสะเก็ดเงิน
โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis) เป็นโรคผิวหนังอักเสบซึ่งเกิดจากการแบ่งตัวผิดปกติของเซลล์ผิวหนัง มักเกิดบริเวณหนังศีรษะ แผ่นหลังส่วนล่าง ข้อศอก หัวเข่า หนังศีรษะ แต่ก็สามารถเกิดที่บริเวณอื่นๆ ของร่างกายได้เช่นกัน
โรคสะเก็ดเงินมีอาการโดยหลักๆ คือ เกิดผื่นแดงเรื้อรัง มีขอบชัดเจน ก่อนจะกลายเป็นขุยหลุดลอกในภายหลัง
ขาดวิตามินทำให้มือลอกได้จริงหรือไม่?
อีกสาเหตุที่หลายๆ คนมักกล่าวกันว่า เป็นตัวการทำให้เกิดอาการผิวมือลอกก็คือ ร่างกายขาดวิตามินและแร่ธาตุบางชนิด ซึ่งก็มีส่วนได้เช่นกัน เช่น
- วิตามินบีสาม เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มีส่วนสำคัญในบำรุงดูแลผิวหนัง การขาดวิตามินบี 3 จึงมีส่วนทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย ปวดท้อง เบื่ออาหาร และอีกอาการ คือ ผิวแห้งจนหลุดลอกเป็นขุย
- วิตามินซี เป็นสารวิตามินเสริมสร้างคอลลาเจน เพิ่มความชุ่มชื้น และเสริมเซลล์ผิวของร่างกายให้เพียงพอ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเกือบทุกชนิดจึงมักมีสารวิตามินซีรวมอยู่ด้วย ดังนั้นจึงไม่แปลกที่หากขาดวิตามินตัวนี้ แล้วผิวมือรวมถึงผิวหนังส่วนอื่นๆ จะมีสุขภาพแย่ลงจนหลุดลอกออกมา
- วิตามินอี ซึ่งเป็นวิตามินเสริมสร้างคอลลาเจนให้กับผิว หากร่างกายไม่ได้วิตามินตัวนี้เพียงพอ ก็อาจเกิดอาการผิวแห้ง และแตกจนลอกเป็นขุยได้
หากอยากให้ร่างกายได้รับสารวิตามินครบถ้วนในเวลาอันเร่งด่วน ก็สามารถไปเข้ารับตัวช่วยด้วยการฉีดวิตามิน หรือรับวิตามินบำรุงทางเส้นเลือดได้ ซึ่งนอกจากจะช่วยลดโอกาสการเกิดมือลอกได้แล้ว ยังช่วยให้ผิวพรรณและสุขภาพของคุณดีขึ้นไปอีกด้วย
การรักษาอาการมือลอก
วิธีการรักษาอาการมือลอกนั้นทำได้ไม่ยาก และมักรักษาไปตามสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ
- ทาครีม หรือเจลเพิ่มความชุ่มชื้นเป็นประจำ ทั้งหลังล้างมือและหลังอาบน้ำ เพื่อให้ผิวคงความชุ่มชื้นเอาไว้
- ประคบเย็น หากอาการมือลอกเกิดจากการสัมผัสแดด หรือของร้อนจัด จากนั้นทายาสำหรับรักษาอาการผิวไหม้ หรือแสบร้อนบริเวณที่ผิวลอก
- อาบน้ำเย็น หากอาการมือลอกมาจากสภาพอากาศร้อน หรือแห้ง ให้อาบน้ำเย็น เพื่อให้ผิวได้สัมผัสอุณหภูมิที่ต่ำลง รวมถึงเปิดเครื่องเพิ่มความชื้นในอากาศร่วมด้วย
- ล้างมือให้สะอาด หากผิวมือลอกจากการสัมผัสสารเคมี ให้รีบล้างมือให้สะอาดโดยใช้สบู่สูตรอ่อนโยนต่อผิว หลังจากนั้นให้หยุดใช้สารที่ทำให้เกิดอาการผิวลอกโดยทันที
- ทานยาหากแสบมาก หากรู้สึกเจ็บแสบผิวมาก ให้รับประทานยาแก้ปวดบรรเทาอาการ เช่น พาราเซตามอล (Paracetamol)
- ทายาสำหรับผลัดเซลล์ผิว โดยปกติจะเป็นยาประเภทที่มีกรดแลคติค (Lactic acid) หรือสารยูเรีย (Urea) ผสมอยู่ด้วย
- สวมถุงมือ หากมีอาการผิวมือลอกร่วมกับมีตุ่มน้ำ เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บ และไม่ทำให้ตุ่มน้ำแตก อย่าเพิ่งใช้ครีม หรือเจลเพิ่มความชุ่มชื้นใดๆ แต่ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อหาวิธีรักษาอาการนี้อย่างเหมาะสม โดยวิธีรักษานั้น แพทย์อาจจ่ายยาสเตียรอยด์สำหรับลดอาการคันระคายเคืองและลดผื่นขึ้นมาให้ โดยให้ใช้ร่วมกับครีมเพิ่มความชุ่มชื้น นอกจากนี้แพทย์อาจจ่ายผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมือที่อ่อนโยนเป็นพิเศษต่อผิวมาให้ด้วย
- การฉายแสง เป็นวิธีที่แพทย์ใช้รักษาในผู้ที่มีอาการผิวหนังอักเสบอย่างรุนแรง และไม่สามารถรักษาด้วยยาทา หรือยารับประทานได้
วิธีป้องกันอาการมือลอก
คุณสามารถทำตามคำแนะนำต่อไปนี้ เพื่อลดโอกาสเกิดอาการมือลอก รวมถึงผิวหนังลอกที่อวัยวะส่วนอื่นๆ ด้วย
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารที่แพ้ หรือทำให้เกิดอาการผิวหนังระคายเคืองทุกชนิด
- ไม่ควรล้างมือบ่อยๆ เกิน 2-3 ครั้งต่อวัน ยกเว้นแต่มีการสัมผัสสิ่งสกปรกอย่างต่อเนื่องทั้งวัน และไม่ควรล้างมือด้วยน้ำอุ่น หรือน้ำร้อน เพราะจะทำให้ความชุ่มชื้นของผิวหายไป
- ทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ให้ความชุ่มชื้นอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะหลังอาบน้ำ และหลังล้างมือ
- ทาครีมกันแดดบริเวณผิวหนังที่อยู่นอกร่มผ้าซึ่งให้ค่า SPF 30 ขึ้นไปทุกครั้งที่ต้องออกนอกบ้าน และหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่แดดจัดเป็นเวลานาน
- สวมถุงมือและปลอกแขนหากต้องสัมผัสสารเคมี หรืออยู่ในที่แดดจัดมากๆ เพื่อไม่ให้ผิวสัมผัสความร้อน หรือสารอันตรายจนเกิดผลข้างเคียง
- ทำร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอเมื่ออยู่ในฤดูกาลที่สภาพอากาศแห้งจัด หากมีอาการอย่างรุนแรง แนะนำให้ซื้อเครื่องเพิ่มความชื้นในอากาศติดไว้ที่บ้านด้วย
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ให้สารอาหาร และวิตามินครบถ้วน เพื่อไม่ให้เกิดภาวะขาดวิตามินจนส่งผลให้เกิดอาการผิวลอก
อาการผิวลอกไม่ใช่อาการร้ายแรงถึงชีวิต แต่ก็สามารถสร้างความรำคาญ ทำให้เกิดอาการเจ็บแสบระหว่างทำกิจกรรมต่างๆ ได้ ดังนั้นคุณจึงต้องดูแลสุขภาพผิวของตนเองให้ดี โดยไม่ใช่แค่ผิวมือเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงผิวหนังส่วนอื่นๆ ของร่างกายที่ต้องได้รับการบำรุงดูแลอย่างดีด้วยเช่นกัน