“โรคฝีมะม่วง”โรคติดต่อทางเพศที่พบบ่อยในผู้ชาย

โรคฝีมะม่วงคืออะไร?

โรคฝีมะม่วง หรือ Lymphogranuloma Venereum (LGV) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่เกิดจากติดเชื้อแบคทีเรียคลาไมเดีย ทราโคมาติส (Chlamydia Trachomatis Bacterium) ทำให้ต่อมน้ำเหลืองและท่อน้ำเหลืองเกิดความผิดปกติ เกิดเป็นการอักเสบของฝีขึ้นมา

โรคฝีมะม่วงอาการเป็นอย่างไร?

หลังจากรับเชื้อจะอยู่ในระยะฟักตัวนาน 3-30 วัน ถึงจะแสดงอาการ ลักษณะอาการของโรคและความเสียหาย จะขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการรับเชื้อ
โรคฝีมะม่วงเป็นโรคเรื้อรังที่อาจป่วยได้นาน หลักวัน เดือน ไปจนถึงนานเป็นปี หากได้รับการรักษาไม่ถูกต้อง
ซึ่งแบ่งเป็น 3 ระยะ

  • ระยะที่ 1 : เกิดแผลสด แผลพุพอง ขนาดเล็ก 1-6 มิลลิเมตร ในบริเวณที่ติดเชื้อ เช่น อวัยวะเพศชาย ช่องคลอด ภายในช่องปาก ไม่มีอาการปวด แผลหายเองใน 2-3 วัน
  • ระยะที่ 2 : ผู้ชายจะมีเป็นก้อน ตุ่มนูนขนาดใหญ่ บวม อักเสบ ปวด ที่บริเวณอวัยวะเพศ ขาหนีบ ในผู้หญิงจะพบเป็นฝีในท้องน้อย เดินลำบาก อวัยวะเพศอักเสบ ระยะนี้อาจมีอาการปวดเมื่อย มีไข้ คลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย ส่วนบางรายที่ติดเชื้อทางช่องปาก จะพบว่าต่อมน้ำลาย และต่อมน้ำเหลืองที่คอติดเชื้อ ส่วนผู้ป่วยที่ติดเชื้อทางทวารหนัก อาจมีอาการท้องเสีย ถ่ายเป็นเลือด
  • ระยะที่ 3 : มักเกิดในผู้ป่วยที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง ตั้งแต่ระยะต้น ทำให้เกิดการทิ้งรอยโรคไว้ แม้จะหายไปแล้ว แต่อาจมีอาการซ้ำได้แม้จะผ่านไป 20 ปีก็ตาม ตัวอย่างอาการ เช่น แผลที่อวัยวะเพศ การอักเสบของท่อน้ำเหลือง ลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรงติดเชื้อ หรือ คันทวาร มีมูกปนหนองออกมา

โรคฝีมะม่วงตรวจรักษาอย่างไร?

โรคฝีมะม่วง แพทย์จะวินิจฉัยด้วยการซักประวัติพฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์ ตรวจร่างกายเพื่อสังเกตหารอยโรคตรวจชิ้นเนื้อ ตรวจเลือด หรือแม้แต่ส่องกล้องตรวจลำไส้ ส่วนการรักษามี 2 วิธี

  • การรักษาด้วยยา : รักษาด้วยการกินยาปฏิชีวนะ ในกลุ่มดอกซีไซคลิน (Doxycycline) หรือ กลุ่มอะซิโธรมัยซิน (Azithromycin) หรือกลุ่มอิริโทรมัยซิน (Erythromycin) เพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย
  • การผ่าตัด : กรณีที่ไม่สามารถรักษาโรคฝีมะม่วงด้วยยา หรือ มีภาวะแทรกซ้อน หรือมีขนาดของฝีที่ใหญ่ จำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัด ซึ่งในระหว่างการรักษาต้องงดเว้นกิจกรรมทางเพศทุกรูปแบบ จนกว่าแพทย์จะวินิจฉัยว่าสามารถมีได้

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากโรคฝีมะม่วง?

  • ฝีคัณฑสูตร (Fistula) หรือโรคติดเชื้อเรื้อรัง ปวด บวม บริเวณรูทวารหนัก หรืออาจมีหนองร่วมด้วย
  • อวัยวะเพศบวม อักเสบเรื้อรัง เนื่องจากฝีมะม่วงอุดกั้นทางเดินของน้ำเหลืองบริเวณอวัยวะเพศ
  • ภาวะองคชาตมีพังผืดรั้ง องคชาตผิดรูปได้
  • ปากมดลูกอักเสบ ท่อนำไข่อักเสบ ปวดท้องน้อยเรื้อรัง มีบุตรยาก ตั้งครรภ์นอกมดลูก
  • ลำไส้อุดตัน เนื่องจากลำไส้ตรงมีแผล และเกิดการตีบตัน
  • เชื้อลุกลามไปยังอวัยวะภายใน เช่น หัวใจ ตับ ปอด

การป้องกันโรคฝีมะม่วง

ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคฝีมะม่วง การป้องกันทำได้ทางเดียวคือ การระมัดระวังพฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์ไม่ให้ตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อ ดังนี้

  • สวมใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ ไม่ว่าจะมีทางช่องคลอด หรือทวารหนักก็ตาม
  • เลี่ยงพฤติกรรมการมีคู่นอนหลายคน หรือการมีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า
  • หลีกเลี่ยงการทำออรัลเซ็กซ์ (Oral Sex)
  • หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่เคยมีประวัติเป็นโรคฝีมะม่วง
  • หมั่นตรวจสุขภาพ คัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทั้งตนเองและคู่นอน

“โรคฝีมะม่วง” เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบเร็วรักษาหายได้ พบช้าอาจจะเป็นเรื้อรังรบกวนชีวิตนานนับสิบปี เนื่องจากเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ถ้าไม่รักษาปล่อยจนมีภาวะแทรกซ้อน อาจส่งผลอันตรายถึงชีวิต


โปรแกรมตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

มีคำถามเกี่ยวกับ โรคฝีมะม่วง? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

หากคุณติดตั้ง LINE บนคอมพิวเตอร์ของคุณแล้ว ระบบจะเปิดบัญชีทางการ LINE ของ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ โดยอัตโนมัติ

หากคุณยังไม่ได้ติดตั้ง LINE บนเดสก์ท็อป โปรดสแกน QR โค้ดด้วย LINE บนโทรศัพท์มือถือของคุณเพื่อเริ่มแชทกับ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ