“ฝีคัณฑสูตร” หลายคนอาจไม่คุ้นหู หรืออาจเข้าใจว่าคือโรคเดียวกับ “โรคริดสีดวงทวารหนัก” เพราะอาการและตำแหน่งที่เกิดโรคดูคล้ายกัน ต่างกันตรงที่สาเหตุของการเกิดโรค แต่ริดสีดวงทวารหนักนั้นสามารถรักษาให้หายได้ด้วยการกินยาและปรับพฤติกรรม ส่วนฝีคัณฑสูตรต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเท่านั้น
โรคฝีคัณฑสูตรอาจเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย และเป็นโรคที่คนทั่วไปอาจไม่คุ้นเคย เพื่อให้ทุกคนรู้จักโรคฝีคัณฑสูตรดียิ่งขึ้น HDmall.co.th จึงรวบรวมข้อมูลโรคฝีคัณฑสูตรมาฝากกัน
สารบัญ
ฝีคัณฑสูตรคืออะไร?
โรคฝีคัณฑสูตร (Anal Fistula หรือ Fistula In Ano) คือ ฝีติดเชื้อเรื้อรังจนเป็นรูเปิดบนผิวหนัง มักเกิดบริเวณทวารหนัก รอบปากทวารหนัก และแก้มก้น มีอาการเจ็บและอาจมีเลือดออกได้ การเกิดฝีคัณฑสูตรเริ่มจากการติดเชื้อแบคทีเรียของต่อมผลิตมูก (Anal Gland) ที่อยู่บริเวณทวารหนัก จนเกิดเป็นฝี มีหนองหรือน้ำเหลือง หากปล่อยไว้จนมีอาการเรื้อรัง จะส่งผลให้ฝีแตกทะลุเป็นรู กลายเป็นฝีคัณฑสูตร โดยมีลักษณะเป็นก้อนเนื้อแข็งๆ ซึ่งต่างจากโรคริดสีดวงทวารหนักที่เกิดจากเส้นเลือดดำบริเวณทวารหนักโป่งพองจนเป็นก้อนเนื้อนิ่มๆ
ฝีคัณฑสูตรมีกี่ชนิด?
ฝีคัณฑสูตรแบ่ง เป็น 2 ชนิด ได้แก่
- ฝีคัณฑสูตรแบบไม่ซับซ้อน (Simple Fistula) คือ ฝีที่อยู่ค่อนข้างตื้น แทรกตัวผ่านกล้ามเนื้อหูรูดไม่มากและเชื่อมต่อระหว่างรูทวารกับกล้ามเนื้อหูรูดหรือผิวหนังแค่หนึ่งทาง
- ฝีคัณฑสูตรแบบซับซ้อน (Complex Fistula) คือ ฝีที่มีลักษณะหลากหลาย เช่น มีรูเปิดอยู่ค่อนข้างลึก เชื่อมกับรูเปิดด้านนอกต่อกัน หรือมีรูเปิดด้านในเพียงรูเดียวแต่เชื่อมต่อมาเปิดเป็นรูเปิดด้านนอกหลายรู ทำให้มีความยากและซับซ้อนในการรักษามากยิ่งขึ้น
อาการฝีคัณฑสูตร
โดยทั่วไปอาการของฝีคัณฑสูตร จะมีลักษณะดังนี้
- ปวด บวม แดง รอบบริเวณทวารหนัก
- มีเลือด หรือหนองซึมออกมาจากแผล เป็นๆ หายๆ
- คันบริเวณทวารหนัก
- เจ็บ ปวด ในทวารหนัก
- ปวดทวารหนักขณะเบ่ง หรือขับถ่ายอุจจาระ
- มีรูหรือเนื้อแข็งๆ รอบทวารหนัก
- มีไข้
การผ่าฝีคัณฑสูตรคืออะไร?
การผ่าฝีคัณฑสูตร คือ การรักษาโรคฝีคัณฑสูตรด้วยการผ่าตัด ซึ่งเป็นวิธีเดียวในการรักษาโรคนี้ให้หายขาดหรือกลับมาเป็นซ้ำน้อยที่สุด และเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายกับกล้ามเนื้อหูรูดทวารหนักที่จะก่อให้เกิดปัญหาในการกลั้นอุจจาระ
การผ่าฝีคัณฑสูตรมีกี่แบบ?
สำหรับผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยแน่นอนแล้วว่าเป็นฝีคัณฑสูตร การรักษาจะทำโดยการผ่าตัด ซึ่งปัจจุบันมีวิธีการผ่าฝีคัณฑสูตรใหม่ๆ ออกมาหลายแบบ แต่จะมีวิธีการผ่า 4 แบบหลักๆ ที่โรงพยาบาลชั้นนำใช้ ดังนี้
1. LIFT Procedure (Ligation of Intersphincteric Fistula Tract)
LIFT Procedure คือ การผ่าตัดแบบไม่ตัดกล้ามเนื้อหูรูดทวารหนัก
ข้อดีของการผ่าแบบ LIFT Procedure
- ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อกล้ามเนื้อหูรูดทวารหนักจากการผ่าตัด ดังนั้นจะไม่มีปัญหาการกลั้นอุจจาระหลังผ่า
- สามารถฉีดยาชาเฉพาะที่ได้
- แผลหายเร็ว
- มีโอกาสหายขาดจากโรคฝีคัณฑสูตรสูงถึง 97% หลังการผ่าตัดเพียงครั้งเดียว
ข้อเสียของการผ่าแบบ LIFT Procedure
แม้จะมีโอกาสหายขาดในการผ่าตัดครั้งเดียวค่อนข้างสูงแต่ยังมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้
ขั้นตอนการผ่าแบบ LIFT Procedure
- เริ่มด้วยการผ่าเข้าไปตรงกลางระหว่างชั้นของกล้ามเนื้อหูรูดทวารหนัก
- เกี่ยวเอาทางเชื่อมต่อ แล้วตัดออก
- และเย็บซ่อมทางเชื่อมต่อ (Fistula Tract) ส่วนนั้น
2. Fistulotomy
Fistulotomy คือ การผ่าตัดโดยใช้มีดหรือจี้ไฟฟ้า ใช้กับผู้ป่วยที่เป็นโรคฝีคัณฑสูตรแบบไม่ซับซ้อน
ข้อดีของการผ่าแบบ Fistulotomy
- เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่โรคฝีคัณฑสูตรไม่ซับซ้อน
- โอกาสหายขาดสูง เพราะเป็นการผ่าสำหรับฝีคัณฑสูตรแบบไม่ซับซ้อน
ข้อเสียของการผ่าแบบ Fistulotomy
- วิธีนี้อาจจะทำให้เกิดแผลเป็นหลังผ่า
- มีปัญหาการกลั้นอุจจาระไม่สมบูรณ์ เนื่องจากกล้ามเนื้อหูรูดมีโอกาสถูกทำลายมากกว่าวิธีอื่น
- ไม่เหมาะกับผู้ป่วยที่เป็นโรคฝีคัณฑสูตรแบบซับซ้อน
ขั้นตอนการผ่าแบบ Fistulotomy
- เริ่มด้วยใส่ตัวนำทาง (Probe) เข้าไปที่รูเปิดที่ผิวหนังจนกระทั่งไปโผล่ออกที่รูเปิดภายในทวารหนัก
- จากนั้นใช้มีดหรือจี้ไฟฟ้ากรีดเปิดทางเชื่อมต่อให้ทะลุทั้งเส้นทางให้ออกสู่ภายนอกซึ่งแผลนี้กลายเป็นแผลเปิด และต้องใช้เวลาดูแลรักษาแผลประมาณ 4-5 สัปดาห์ เนื้อเยื่อถึงจะขึ้นมาจนเต็มแผล
3. Seton Ligation
Seton ligation คือ การผ่าตัดที่ใช้เทคนิคการผ่าด้วยเส้นไหมแทนมีด ซึ่งเหมาะสำหรับฝีคัณฑสูตรชนิดซับซ้อน เช่น ฝีคัณฑสูตรที่มีทางทะลุหลายเส้นทาง ผู้ป่วยที่มีการหดรัดตัวของกล้ามเนื้อหูรูดไม่ดี
ข้อดีของการผ่าแบบ Seton ligation
เทคนิคการตัดทางเชื่อมต่อด้วยไหมรัดแทนมีดจะช่วยลดปัญหากลั้นอุจจาระไม่สมบูรณ์
ข้อเสียของการผ่าแบบ Seton ligation
- มีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้เหมือนวิธีอื่นๆ
- ใช้ระยะเวลารักษานาน
ขั้นตอนการผ่าแบบ Seton Ligation
- ใช้เส้นไหม หรือเส้นใยที่หดและยืดได้ ใส่เข้าไปในทางเชื่อมต่อ
- แล้วนำปลายทั้ง 2 ปลายของเส้นไหมออกมาผูกรัดที่ด้านนอก
- หลังจากนั้นในทุกสัปดาห์แพทย์จะนัดผู้ป่วยมาเพื่อรัดเส้นไหมให้แน่นขึ้นเรื่อยๆ
- ช่วงเวลาที่อยู่ในขั้นตอนการรัดไหมเพื่อตัดทางเชื่อมต่อ ร่างกายจะมีเวลาสมานแผลและซ่อมแซมตัวเอง ถึงแม้จะเป็นการผ่าตัดผ่านกล้ามเนื้อหูรูด แต่ผู้ป่วยจะไม่เสียความสามารถในการกลั้นอุจจาระ
- จนในที่สุดเส้นไหมก็จะทำหน้าที่แทนใบมีดที่ค่อยๆ ตัดเนื้อเยื่อออกไปจนทำลายทางเชื่อมต่อให้หายไป โดยใช้เวลารักษาประมาณ 6-8 สัปดาห์
4. Fistulectomy
Fistulectomy คือ วิธีผ่าตัดที่ใช้กับป่วยกลุ่มเดียวกับผู้ป่วยที่ใช้วิธีการผ่าตัดด้วยเทคนิค Seton Ligation แต่ยกเว้นในผู้ป่วยที่เป็นโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง โดยมีวิธีการรักษาจะใช้มีดเป็นเครื่องมือตัดทางเชื่อมต่อออกทั้งหมด
ข้อดีของการผ่าแบบ Fistulectomy
อาการกลั้นอุจจาระไม่สมบูรณ์น้อยกว่าการผ่าแบบ Fistulotomy เนื่องจากการผ่าด้วยวิธีนี้มีการเย็บซ่อมกล้ามเนื้อหูรูดด้ว
ข้อเสียของการผ่าแบบ Fistulectomy
- อาจพบปัญหาการกลั้นอุจจาระหลังผ่า
- ใช้ระยะเวลารักษาค่อนข้างนาน
ขั้นตอนการผ่าแบบ Fistulectomy
- เป็นวิธีผ่าที่คล้ายกับเทคนิค Fistulotomy แต่จะตัดส่วนทางเชื่อมต่อออกทั้งหมด
- ใช้เนื้อเยื่อบางส่วนจากลำไส้ตรง (Rectum) มาทำการปิดและเย็บซ่อมกล้ามเนื้อหูรูดส่วนที่ติดกับทางเชื่อมถูกตัดออกไป
การเตรียมตัวก่อนผ่าฝีคัณฑสูตร
- การตรวจร่างกาย เช่น การตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ ตรวจคลื่นหัวใจ หรือตรวจรายการอื่นๆ ตามแต่แพทย์จะเห็นควรเพื่อประกอบการพิจารณาก่อนผ่าตัด
- ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวและต้องทานยาประจำ โดยเฉพาะยาที่มีผลกับการแข็งตัวของเลือด เช่น ยาละลายลิ่มเลือด หรือยาอื่นๆ ที่แพทย์เห็นว่ามีอันตรายต่อการผ่าตัด มีความจำเป็นต้องงดยาก่อนการผ่าตัดเป็นเวลา 5-7 วัน หรือตามคำแนะนำของแพทย์
- ก่อนผ่าตัด ถ้ามีหนองหรือเลือดไหลออกมาเยอะ สามารถใส่แผ่นอนามัยหรือผ้าก็อซแบบพับรองไว้ได้
- หากมีอาการปวดแผลมาก สามารถรับประทานยาแก้ปวดได้ และดื่มน้ำมากๆ
- งดกิจกรรมที่กระทบกระเทือนบริเวณรอบทวารหนักทั้งทางตรงและทางอ้อม
- งดสูบบุหรี่ งดดื่มแอลกอฮอล์ ก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 4-6 สัปดาห์
การดูแลตัวเองหลังฝีคัณฑสูตร
การผ่าฝีคัณฑสูตรแบบไม่ซับซ้อน ผู้ป่วยนอนโรงพยาบาลเพียง 1 วันเท่านั้น ส่วนการผ่าฝีคัณฑสูตรแบบซับซ้อน ผู้ป่วยอาจนอนโรงพยาบาล 1-2 วัน โดยมีวิธีการดูแลตัวเองหลังผ่าตัด คือ
- สามารถทำความสะอาดแผลด้วยตัวเองด้วยน้ำสบู่อ่อนๆ และชำระล้างด้วยสะอาดเป็นประจำ เช้า เย็น แล้วซับให้แห้งเบาๆ ด้วยผ้าสะอาด
- สามารถใส่ผ้าก๊อซแบบพับ แผ่นอนามัย หรือผ้าอนามัย เพื่อซับหนองหรือเลือดเพื่อป้องกันไม่ให้เปื้อนเสื้อผ้า
- หลังผ่าตัด แพทย์อาจให้ยาที่ทำให้อุจจาระนิ่มเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยขับถ่ายได้สะดวกยิ่งขึ้น
- ควรฝึกถ่ายอุจจาระให้เป็นเวลา ระวังอย่าให้ท้องผูก ด้วยการรับประทานผักและผลไม้ให้เพียงพอ หรือใช้ยาระบายเมื่อมีอาการท้องผูก
- ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายและกิจกรรมที่จะกระทบกระเทือนแผลประมาณ 1-2 สัปดาห์
- แพทย์อาจสั่งยาอื่นเพิ่มเพื่อระงับอาการของผู้ป่วยในแต่ละคน เช่น ยาแก้ปวด ยาปฏิชีวนะที่ช่วยรักษาอาการ
ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการผ่าฝีคัณฑสูตร
การผ่าตัดฝีคัณฑสูตรเป็นการผ่าตัดที่ค่อนข้างปลอดภัย มีความเสี่ยงน้อย โดยอาจมีภาวะแทรกซ้อน เช่น มีอาการปวด บวม แดง หรืออักเสบมากขึ้น มีเลือดออกมาก หากดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด โดยทั่วไปจะไม่มีปัญหาอะไร
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากการผ่าฝีคัณฑสูตร
- ปัสสาวะลำบากชั่วคราว
- ปวดหัวชั่วคราว ในกรณีที่ฉีดยาชาเข้าไขสันหลัง
- มีเลือดออกจากแผล โดยอาจพบหลังผ่าตัดสัปดาห์แรก
- อาจมีน้ำเหลืองไหลซึมออกจากแผล และจะหยุดเองเมื่อแผลหาย
- การกลั้นอุจจาระไม่สมบูรณ์
ผ่าฝีคัณฑสูตร พักฟื้นนานไหม กี่วันหาย
โดยทั่วไปแผลผ่าตัดจะหายสนิทใน 4-6 สัปดาห์ หรือขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น เช่น ความรุนแรงของอาการ ความชำนาญของแพทย์ผู้ผ่าตัด วิธีการผ่าตัด
ส่วนใหญ่หลังจากผ่าตัดฝีคัณฑสูตรแล้วมักกลับบ้านได้ภายในวันที่ผ่าตัดเลย ไม่ต้องนอนค้างในโรงพยาบาล หลังผ่าตัดใหม่ๆ ผู้ป่วยยังอาจรู้สึกเจ็บปวดหรือพบของเหลวซึมออกจากแผลได้เล็กน้อยเป็นปกติ
ตัวอย่างเช่น หลังรับการผ่าตัดเปิดโพรงฝีคัณฑสูตรเพื่อระบายสิ่งสกปรกและทำความสะอาด (Fistulotomy) ผู้ป่วยมักกลับไปทำงานได้ภายใน 1-2 วัน แต่ควรหลีกเลี่ยงการยกของหนักและมีเพศสัมพันธ์ไปก่อนประมาณ 1-3 สัปดาห์
กรณีที่ผ่าตัดแบบเอาเลาะโพรงฝีคัณฑสูตรออกทั้งหมด (Fistulectomy) จะมีการวางยาสลบ ผู้ป่วยมักต้องพักฟื้นนานกว่าแบบ Fistulotomy โดยอาจต้องนอนพักสังเกตอาการในโรงพยาบาล 1-2 วัน และพักฟื้นต่อที่บ้านอีกนานเป็นสัปดาห์จึงจะค่อยๆ รู้สึกดีขึ้น
ผลการผ่าฝีคัณฑสูตร
การผ่าฝีคัณฑสูตรแบบ LIFT Procedure มีโอกาสสูงที่จะหายเป็นปกติเพียงครั้งแรกที่ผ่า แต่การผ่าด้วยวิธีอื่นๆ ที่กล่าวมาอาจขึ้นอยู่กับความชำนาญของศัลยแพทย์ ความรุนแรงของโรค และปัจจัยอื่นๆ หากมีไม่มากโอกาสหายเป็นปกติก็มากขึ้นเช่นกัน
หลังการผ่าฝีคัณฑสูตรผู้ป่วยจะต้องพักรักษาตัวระยะหนึ่งจนแผลหายสนิทจึงจะสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติเหมือนเดิม แต่ผู้ป่วยหลายรายต้องทำการผ่าตัดซ้ำเพราะการผ่าครั้งเดียวยังไม่หายขาด เช่นเดียวกับผู้ป่วยบางรายที่เป็นซ้ำก็ต้องผ่าตัดใหม่
โรคฝีคัณฑสูตรจัดเป็นโรคที่สร้างความทรมานแก่ผู้ป่วยและเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน การรักษาให้หายขาดสามารถทำได้โดยการผ่าตัดเท่านั้น ดังนั้นจึงควรเลือกโรงพยาบาลที่มีศักยภาพและมีทางเลือกรูปแบบและวิธีการการผ่าตัดที่เหมาะสมกับอาการ ซึ่งอาศัยความชำนาญของแพทย์ในการพิจารณาด้วย