ข้าวโพด ถือเป็นผลผลิตจากพืชไร่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย โดยเฉพาะคาร์โบไฮเดรตและวิตามิน หลายคนจึงนิยมนำมาประกอบอาหารทั้งคาวและหวาน นอกจากจะเมล็ดข้าวโพดมีคุณค่าทางอาหารแล้ว ส่วนอื่นๆ ของข้าวโพดยังมีสรรพคุณทางยาอีกด้วย
สารบัญ
คุณค่าทางโภชนาการของเมล็ดข้าวโพด 100 กรัม
- พลังงาน 86 กิโลแคลอรี
- คาร์โบไฮเดรต 18.7 กรัม
- แป้ง 5.7 กรัม
- น้ำตาล 6.26 กรัม
- ใยอาหาร 2 กรัม
- ไขมัน 1.35 กรัม
- โปรตีน 3.27 กรัม
- ทริปโตเฟน 0.023 กรัม
- ทรีโอนีน 0.129 กรัม
- ไอโซลิวซีน 0.129 กรัม
- ลิวซีน 0.348 กรัม
- ไลซีน 0.137 กรัม
- เมทไธโอนีน 0.067 กรัม
- ซิสทีน 0.026 กรัม
- ฟีนิลอะลานีน 0.150 กรัม
- ไทโรซีน 0.123 กรัม
- วาลีน 0.185 กรัม
- อาร์จินีน 0.131 กรัม
- ฮิสตามีน 0.089 กรัม
- อะลานีน 0.295 กรัม
- กรดแอสปาร์ติก 0.244 กรัม
- กรดกลูตามิก 0.636 กรัม
- ไกลซีน 0.127 กรัม
- โพรลีน 0.292 กรัม
- ซีรีน 0.153 กรัม
- น้ำ 75.96 กรัม
- วิตามินเอ 9 ไมโครกรัม 1%
- ลูทีนและซีแซนทีน 644 ไมโครกรัม
- วิตามินบี 1 0.155 มิลลิกรัม 13%
- วิตามินบี 2 0.055 มิลลิกรัม 5%
- วิตามินบี 3 1.77 มิลลิกรัม 12%
- วิตามินบี 5 0.717 มิลลิกรัม 14%
- วิตามินบี 6 0.093 มิลลิกรัม 7%
- วิตามินบี 9 42 ไมโครกรัม 11%
- วิตามินซี 6.8 มิลลิกรัม 8%
- ธาตุเหล็ก 0.52 มิลลิกรัม 4%
- ธาตุแมกนีเซียม 37 มิลลิกรัม 10%
- ธาตุแมงกานีส 0.163 มิลลิกรัม 8%
- ธาตุฟอสฟอรัส 89 มิลลิกรัม 13%
- ธาตุโพแทสเซียม 270 มิลลิกรัม 6%
- ธาตุสังกะสี 0.46 มิลลิกรัม 5%
หมายเหตุ: เปอร์เซ็นต์ (%) ร้อยละของปริมาณแนะนำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ (ข้อมูลจาก : USDA Nutrient database)
คำแนะนำในการรับประทานข้าวโพด
- ไม่ควรรับประทานข้าวโพดดิบ เพราะจะทำให้ท้องอืด เนื่องจากร่างกายไม่สามารถย่อยข้าวโพดดิบได้
- ผู้สูงอายุที่มีอาการท้องอืดหรือผู้ที่เพิ่งผ่าตัดภายในช่องท้องไม่ควรรับประทานข้าวโพด เพราะอาจทำให้เกิดปัญหาในช่องท้อง
- ควรรับประทานข้างโพดสลับชนิดกันไป เช่น รับประทานข้าวโพดอ่อน สลับกับข้าวโพดหวานต้ม เพื่อป้องกันอาการท้องอืดและท้องผูก
- การรับประทานข้าวโพดปริมาณมากหรือบ่อยเกินไป จะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตมากเกินความต้องการ จึงเป็นสาเหตุทำให้ร่างกายเปลี่ยนคาร์โบไฮเดรตเป็นน้ำตาล และเปลี่ยนเป็นไขมันสะสมได้ในที่สุด
สรรพคุณของข้าวโพด
- ซังข้าวโพด มีรสหวานชุ่ม ต้มกับน้ำเดือด บำรุงม้าม ขับปัสสาวะ แก้บวมน้ำ แก้บิด แก้ท้องร่วง
- ต้นและใบ รสจืด ต้มกับน้ำเดือด ขับปัสสาวะ ขับนิ่ว
- เกสรตัวเมีย หรือไหมข้าวโพด รสหวาน ขับน้ำดี บำรุงตับ แก้ตับอักเสบ แก้ดีซ่าน แก้ไตอักเสบ แก้บวมน้ำ แก้โรคความดันโลหิต แก้อาเจียนเป็นเลือด แก้โพรงจมูกอักเสบ แก้ฝีที่เต้านม ขับปัสสาวะ แก้ขัดเบา (อาการปัสสาวะขัด) โดยนำไหมข้าวโพด มาต้มในน้ำเดือด โบราณให้กินต่างน้ำ หมายความว่า ให้รับประทานแทนน้ำเปล่า เมื่ออาการดีขึ้น ให้รับประทานน้ำเปล่าเช่นเดิม
- ราก รสจืด โบราณจะนำส่วนรากมาล้างน้ำสะอาด แล้วจึงนำมาต้มเคี่ยว จนน้ำงวดเหลือ 1 ใน 3 ของน้ำทั้งหมด แล้วรับประทานเป็นยาแก้อาเจียนเป็นเลือด
- เมล็ด รสหวานมัน บำรุงร่างกาย บำรุงหัวใจ บำรุงปอด ขับปัสสาวะ มีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมน Estrogen (เป็น Phytoestrogen) ทำให้กล้ามเนื้อมดลูกบีบตัว คลายกล้ามเนื้อเรียบ โดยนำเมล็ดข้าวโพดดิบมาคั่วแล้วปรุงรสตามชอบ ส่วนใหญ่นิยมใส่น้ำตาลเพียงเล็กน้อย นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณช่วยสมานแผลโดยนำเมล็ดดิบตำให้แหลก แล้วผสมแอลกอฮอล์ล้างแผล พอกบริเวณที่มีบาดแผลได้
การศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของข้าวโพด
มีการทดสอบฤทธิ์ปกป้องเซลล์สมองของสารที่ได้จากยอดเกสรตัวเมียของข้าวโพด ในเซลล์สมองของมนุษย์ที่ถูกเหนี่ยวนำให้เกิดสารอนุมูลอิสระ ซึ่งสารอนุมูลอิสระเหล่านี้จะทำให้เซลล์สมองเสื่อมและตายได้ในที่สุด แต่เมื่อเซลล์สมองได้รับสารสกัดจากข้าวโพด พบว่าสารนี้มีฤทธิ์ต้านสารอนุมูลอิสระได้ ทำให้เพิ่มอัตราการรอดชีวิตของเซลล์สมอง และชะลอความเสื่อมของเซลล์ แต่อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงการศึกษาในระดับหลอดทดลอง ยังต้องมีการศึกษาต่อไปในระดับคลินิกเพิ่มเติม