เมื่อพูดถึงการขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย หรือการขลิบหนังหุ้มองคชาต คนส่วนใหญ่มักคิดว่า สามารถทำได้เฉพาะในเด็ก หรือกลุ่มคนที่มีข้อบ่งชี้ทางด้านศาสนาเท่านั้น
แต่ในความเป็นจริงแล้ว การขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชายสามารถทำได้ในผู้ชายทุกวัย ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงผู้ใหญ่ นอกจากจะช่วยให้ทำความสะอาดได้ง่ายขึ้นแล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคได้หลายโรคอีกด้วย
การขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย คืออะไร จะมีความน่าสนใจแค่ไหน มีข้อดีอย่างไร กี่วันหาย ควรทำในช่วงวัยไหนถึงจะดีที่สุด HDmall.co.th มีคำตอบมาให้แล้ว
สารบัญ
- การขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย คืออะไร?
- ข้อดีของการขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย
- การขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย ทำวัยไหนดีที่สุด?
- ใครควรทำการขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย
- การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย
- การดูแลตนเองหลังเข้ารับการขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย
- ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้จากการขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย
การขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย คืออะไร?
การขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย (Circumcision) หรือที่นิยมเรียกว่า “ขลิบหนังหุ้มปลาย” คือการผ่าตัดเอาผิวหนังหุ้มปลายของอวัยวะเพศชายบางส่วนออก เพื่อให้หนังหุ้มปลายอวัยวะเพศเปิดได้
ข้อดีของการขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย
- ทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องกังวลเรื่องการหมักหมม ช่วยลดการสะสมของขี้เปียก (Smegma) ซึ่งเป็นสาเหตุของการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
- ลดโอกาสเสี่ยงในการเป็นมะเร็งองคชาต
- ลดการนำเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกไปสู่ผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์ด้วย
- ลดความเสี่ยงการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะในเด็กเล็ก
- ลดความเสี่ยงการติดเชื้อจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อย่างไรก็ตาม วิธีการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่มีประสิทธิภาพ คือ การใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้ง
- ป้องกันการเกิดภาวะหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศตีบตัน
การขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย ทำวัยไหนดีที่สุด?
การขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชายสามารถทำได้ในทุกช่วงวัย แต่จะมีข้อแตกต่างในวิธีการระงับความรู้สึก ดังนี้
- เด็กแรกเกิด ใช้ยาชาระงับความรู้สึกเฉพาะที่
- เด็กอายุ 2 เดือนขึ้นไป ใช้การดมยาสลบ
- ผู้ใหญ่ ใช้ยาชาระงับความรู้สึกเฉพาะที่
การขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชายควรทำช่วงวัยไหนถึงจะดีที่สุดนั้น ขึ้นอยู่กับเป้าหมายในการทำ
หากต้องการทำเพื่อป้องกันการเกิดโรคทางเดินปัสสาวะอักเสบในเด็ก หรือลดโอกาสเกิดมะเร็งองคชาต การขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชายตั้งแต่เด็กก็จะตอบโจทย์ที่สุดนั่นเอง
ใครควรทำการขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย
การขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชายในด้านของความต้องการส่วนบุคคลสามารถทำได้ในทุกคน แต่ในทางการแพทย์ มีข้อบ่งชี้ดังนี้
- มีภาวะหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชายปิดในเด็กแรกเกิด และไม่สามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยาครีมสเตียรอยด์
- มีประวัติรูดหนังหุ้มปลายลงแล้วรูดกลับขึ้นไม่ได้
- อายุเกินสี่ขวบแล้ว แต่ยังรูดหนังหุ้มปลายไม่ได้
- ปัสสาวะลำบาก มีการโป่งพองของหนังหุ้มปลายขณะปัสสาวะ
- มีการอักเสบที่ปลายอวัยวะเพศ มักเกิดในคนที่หนังหุ้มปลายรูดเปิดยาก หรือผู้ที่หลังปัสสาวะแล้ว ไม่ค่อยรูดเปิดทำความสะอาด ทำให้มีการสะสมของเชื้อโรคจนทำให้เกิดการอักเสบที่ปลายอวัยวะเพศ โดยในบางรายอาจมีการติดเชื้อแทรกซ้อนได้
- มีข้อบ่งชี้ทางด้านศาสนา เช่น ศาสนายิว ศาสนาอิสลาม
- หนังหุ้มปลายรัดองคชาติ ทำให้ปวด และบวม
- หนังหุ้มปลายหนาเกินไปจนไม่สามารถเปิดออกเองได้ ในบางรายอาจเกิดความเจ็บปวดเวลาอวัยวะเพศแข็งตัว
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย
- หากมีโรคประจำตัว หรือประวัติการแพ้ยา จะต้องแจ้งให้แพทย์ทราบ
- ในผู้ที่กำลังรับประทานยาห้ามการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน (Aspirin) จะต้องงดยาก่อนผ่าตัด อย่างน้อย 7-10 วัน
- หากเป็นไข้ ไม่สบาย หรือมีอาการไอ ควรเลื่อนการผ่าตัดไปก่อน หรือแจ้งให้แพทย์ทราบ เพื่อความปลอดภัยในการผ่าตัด
- หากใช้ยาชา ไม่จำเป็นต้องงดน้ำและอาหาร
- หากใช้วิธีการดมยาสลบ จะต้องงดน้ำและอาหาร ก่อนเข้ารับการผ่าตัด อย่างน้อย 8 ชั่วโมง
การดูแลตนเองหลังเข้ารับการขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย
หลังเข้ารับการขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการเกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายได้ โดยแพทย์อาจแนะนำให้ดูแลตนเองด้วยวิธีต่อไปนี้
- รับประทานยาแก้อักเสบ และยาแก้ปวด ในช่วงแรกหลังการผ่าตัด
- รับประทานอาหารรสอ่อน หลีกเลี่ยงการรับประทานของเผ็ด หรือของหมักดอง ในช่วงแรกหลังการผ่าตัด
- สวมกางเกงใน และจัดให้องคชาตอยู่ในแนวตั้งเพื่อป้องกันแผลบวม
- หากมีเลือดซึม ให้ใช้ผ้าสำลี หรือผ้าก๊อซกดตรงจุดที่เลือดออก 3-5 นาที ถ้าเลือดไม่หยุดไหล ให้มาพบแพทย์ทันที
- หลังผ่าตัด แพทย์อาจปิดแผลไว้ 1 วัน ถ้าผ้าพันแผลหลุดก็ไม่ต้องปิดแผลอีก ห้ามใส่ยาใดๆ หรือแป้งที่แผล
- รักษาความสะอาดบริเวณแผลผ่าตัดเสมอ ไม่ปล่อยให้อับชื้น โดยใช้สำลีชุบน้ำต้มสุกเช็ดทำความสะอาดแผล (คราบเลือดและนำ้เหลือง) วันละ 2 ครั้ง และทุกครั้งหลังหลังปัสสาวะ หรืออุจจาระ
- ควรมาทำแผลที่โรงพยาบาล หรือสถานพยาบาลใกล้บ้านทุกวัน อย่างน้อย 1 สัปดาห์ หรือจนกว่าแผลจะแห้ง
- หลังผ่าตัด 5 วัน สามารถอาบน้ำได้ (แต่ห้ามแช่น้ำ) และจะต้องใช้ผ้าสะอาดซับให้แห้งทันที ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์เพิ่มเติม
- หลังผ่าตัดไม่ต้องตัดไหม เพราะไหมเย็บจะละลาย และหลุดไปเอง ประมาณ 1-2 สัปดาห์
- ปกติแล้ว แผลจะหายภายใน 7-10 วัน และผู้ใหญ่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ภายใน 1 เดือน
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้จากการขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย
- หากมีอาการผิดปกติ (พบได้น้อย) ได้แก่ แผลบวมแดง ร้อน มีเลือดคั่ง ปวดแผลมาก มีไข้สูง หรือปัสสาวะไม่ออก ควรไปพบแพทย์ทันที
- อาจลดความไวในการสัมผัสกับสิ่งต่างๆ ในช่วง 2 เดือนแรก
- ผิวหนังส่วนหัวของอวัยวะเพศแห้ง
- การม้วนตัวของหนังหุ้มปลายเปลี่ยนไปขณะมีเพศสัมพันธ์
การขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้การดูแลสุขอนามัยของอวัยวะเพศทำได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การเกิดมะเร็งองคชาต และการเกิดภาวะหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศตีบตันได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชายแล้ว ก็ควรที่จะป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วยการสวมใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้ง และต้องรักษาความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศอยู่เสมอ