เสียงฟู่คือ เสียงหัวใจผิดปกติที่พบบ่อยที่สุด ลักษณะคล้ายเสียงเป่าปาก หรือเสียงเหมือนมีลมผ่านช่องเล็กๆ ระหว่างการเต้นของหัวใจ
เสียงฟู่ของหัวใจมี 2 ชนิด ได้แก่
- เสียงฟู่ชนิดปกติ (Physiological) พบได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ เกิดจากเสียงของการเคลื่อนไหวของเลือดตามปกติผ่านหัวใจ บางกรณีอาจเกิดจากการออกกำลังกาย การเจ็บป่วยทั่วไป หรือกำลังตั้งครรภ์
- เสียงฟู่ชนิดผิดปกติ (Abnormal) มักเกิดจากปัญหาเกี่ยวกับลิ้นหัวใจ หรือรอยรั่วของผนังกั้นหัวใจ หากลิ้นไม่ปิดสนิทและมีเลือดไหลย้อนกลับไปด้านหลังเรียกว่า “ลิ้นหัวใจรั่ว (Regurgitation)” แต่หากลิ้นแคบเกินไป หรือแข็งเกินไป เลือดผ่านไม่สะดวกจะเรียกว่า “ลิ้นหัวใจตีบ (Stenosis)”
ทั้งสองภาวะนี้ต่างเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเสียงฟู่ได้ หากเกิดในเด็กมักเกิดจากความพิการของหัวใจแต่กำเนิด และอาจจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยการผ่าตัด
สารบัญ
ประเภทเสียงผิดปกติของหัวใจ
สามารถแบ่งประเภทเสียงผิดปกติของหัวใจได้ง่ายๆ ดังนี้
- เสียงฟู่จากลิ้นหัวใจตีบ (Stenosis) สามารถเกิดได้จากทั้ง 4 ลิ้น (Mitral valve, Tricuapid Valve, Pulmonary Valve and Aortic Valve)
- เสียงฟู่จากลิ้นหัวใจรั่ว (Regurgitation) สามารถเป็นได้ทั้ง 4 ลิ้น (Mitral valve, Tricuapid Valve, Pulmonary Valve and Aortic Valve)
- เสียงฟู่จากผนังกั้นห้องหัวใจรั่ว (Septal Defect) สามารถเป็นได้ทั้งห้องบน (Atrium) และห้องล่าง (Ventricle)
- เสียงพิเศษ มีหลายเสียง ที่พบบ่อย ได้แก่ เสียงหัวใจคล้ายม้าควบ (อาจเกิดจากโรคหัวใจในผู้สูงอายุ หรือมีปัญหาที่ห้องซ้ายล่าง) เสียงคลิก (เป็นการรั่วสั้นๆ ที่เกิดจากลิ้นหัวใจบางลิ้นยาวกว่าปกติ) และเสียงถู (มักเกิดจากการติดเชื้อในเยื่อหุ้มหัวใจ)
อาการของภาวะเสียงหัวใจผิดปกติ
เสียงฟู่ของหัวใจและเสียงผิดปกติของหัวใจแบบอื่น จะตรวจพบได้โดยการใช้หูฟัง Stethoscope ของแพทย์เท่านั้น ผู้ป่วยจึงไม่สามารถสังเกตความผิดปกตินี้ของตัวเองได้
เว้นแต่จะสังเกตอาการผิดปกติของตัวเองที่เกิดจากโรคหัวใจ เช่น
- อาการเจ็บหน้าอก
- อาการไอเรื้อรัง
- หายใจลำบาก
- เวียนศีรษะ เป็นลม หน้ามืดบ่อยๆ
- เหงื่อออกมาก เหนื่อยง่าย แม้ใช้แรงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
- ผิวมีสีน้ำเงิน หรือม่วง โดยเฉพาะที่ริมฝีปาก หรือปลายนิ้ว
- น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน หรือตัวบวม ขาบวมกดบุ๋ม
- หลอดเลือดดำที่คอขยายตัวเห็นชัด
การประเมินและวิเคราะห์เสียงฟู่และเสียงผิดปกติจากหัวใจ
แพทย์จะฟังเสียงของหัวใจก่อน หากสงสัยว่า เกิดความผิดปกติ แพทย์จะให้ตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Echocardiogram) เพื่อสร้างภาพเคลื่อนไหวของหัวใจ ซึ่งจะเป็นตัวช่วยให้แพทย์วินิจฉัยความผิดปกติได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
นอกจากนี้แพทย์ยังอาจซักประวัติบุคคลในครอบครัวว่า เคยมีใครมีความผิดปกตินี้หรือไม่ และอาจซักประวัติความผิดปกติอื่นๆ ที่เกิดขึ้นร่วมกัน เพื่อให้แน่ใจว่า ความผิดปกติที่เกิดขึ้น เกิดจากสาเหตุใด และมีความรุนแรงอยู่ในระดับใด เพื่อจะได้รักษาอย่างถูกต้องต่อไป
ตรวจสอบความถูกต้องโดย พญ. รุจิรา เทียบเทียม