“มะเร็งปอด” เป็นหนึ่งในภัยเงียบที่ทำให้คนไทยเสียชีวิตจำนวนมาก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น สูบบุหรี่ หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีมลพิษสูง ถึงแม้ว่าหลายคนจะทราบว่ามะเร็งปอดอันตรายแค่ไหน แต่กลับไม่ตระหนักถึง “ปัจจัยเสี่ยง” ที่อาจเกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของตัวเอง
บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็งปอดอย่างละเอียด พร้อมแนวทางในการหลีกเลี่ยง เพื่อป้องกันก่อนที่จะสายเกินไป
สารบัญ
มะเร็งปอดคืออะไร
มะเร็งปอด (Lung Cancer) คือภาวะที่เซลล์ภายในเนื้อเยื่อของปอดมีการเจริญเติบโตผิดปกติจนกลายเป็นเซลล์มะเร็ง ซึ่งสามารถแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นในร่างกายได้ มะเร็งชนิดนี้จัดอยู่ในกลุ่มโรคร้ายแรงที่มีอัตราการเสียชีวิตสูง โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น สูบบุหรี่เป็นเวลานาน หรือได้รับสารพิษในอากาศอย่างต่อเนื่อง
มะเร็งปอดแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่
- มะเร็งปอดชนิดเซลล์เล็ก (Small Cell Lung Cancer – SCLC) มักพบในผู้สูบบุหรี่ และมีการแพร่กระจายเร็ว
- มะเร็งปอดชนิดไม่ใช่เซลล์เล็ก (Non-Small Cell Lung Cancer – NSCLC) พบได้บ่อยกว่า และพัฒนาอย่างช้ากว่า
อาการเบื้องต้นของโรคมะเร็งปอด
อาการของโรคมะเร็งปอดมักไม่แสดงชัดเจนในระยะแรก ทำให้ผู้ป่วยจำนวนมากมาพบแพทย์เมื่อโรคลุกลามแล้ว อาการที่ควรเฝ้าระวัง ได้แก่
- ไอเรื้อรัง หรือไอมีเลือดปน
- หายใจลำบาก เจ็บหน้าอกขณะหายใจหรือไอ
- เสียงแหบโดยไม่ทราบสาเหตุ
- น้ำหนักลดโดยไม่ตั้งใจ
- เหนื่อยง่าย อ่อนเพลียโดยไม่ทราบสาเหตุ
- มีการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจซ้ำๆ เช่น ปอดบวม
หากคุณหรือคนใกล้ตัวมีอาการเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย เพราะการตรวจพบมะเร็งในระยะเริ่มต้นจะช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ปัจจัยเสี่ยงมะเร็งปอด
1. การสูบบุหรี่
การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุหลักที่เชื่อมโยงกับโรคมะเร็งปอดมากที่สุด โดยกว่า 80-90% ของผู้ป่วยโรคนี้มีประวัติการสูบบุหรี่ ทั้งบุหรี่ธรรมดาและบุหรี่ไฟฟ้า ในควันบุหรี่มีสารพิษกว่า 7,000 ชนิด และอย่างน้อย 70 ชนิดเป็นสารก่อมะเร็งโดยตรง เช่น นิโคติน ทาร์ และเบนซีน
แม้ไม่สูบเอง แต่การอยู่ใกล้คนสูบบุหรี่ หรือการได้รับ “ควันบุหรี่มือสอง” ก็เพิ่มความเสี่ยงเช่นกัน โดยเฉพาะในเด็กและผู้สูงอายุ ระบบทางเดินหายใจที่อ่อนแอจะทำให้รับผลกระทบได้ง่ายขึ้น
วิธีป้องกัน
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และอยู่ห่างจากผู้สูบบุหรี่
- หากสูบบุหรี่อยู่ ควรหาทางเลิกอย่างจริงจัง เช่น ปรึกษาแพทย์ หรือเข้าร่วมโปรแกรมเลิกบุหรี่
- ส่งเสริมสังคมปลอดบุหรี่ในที่ทำงาน บ้าน และที่สาธารณะ
2. มลพิษทางอากาศ
ควันจากรถยนต์ โรงงาน และการเผาไหม้แบบเปิด ทำให้มีฝุ่นละอองขนาดเล็กอย่าง PM 2.5 ที่สามารถเข้าไปลึกถึงถุงลมในปอด ทำลายเนื้อเยื่อ และก่อให้เกิดการอักเสบเรื้อรังจนเป็นมะเร็งในระยะยาว
ผู้ที่ทำงานในอุตสาหกรรมที่สัมผัสกับฝุ่น ควัน หรือสารเคมี เช่น ช่างเชื่อม ช่างทาสี ผู้ที่ทำงานในเหมือง หรือโรงงานเคมี มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน หากไม่มีอุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสม
วิธีป้องกัน
- ใช้หน้ากาก N95 เมื่อต้องอยู่ในที่ที่มีฝุ่นมาก
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งในวันที่ค่าฝุ่นสูง
- ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศในบ้าน
- ตรวจสอบคุณภาพอากาศผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ
3. ก๊าซเรดอน
เรดอน (Radon) เป็นก๊าซธรรมชาติที่ไม่มีกลิ่น ไม่มีสี และไม่มีรส เกิดจากการสลายตัวของธาตุยูเรเนียมในดิน หิน หรือแร่ พบมากในบ้านที่อยู่บนพื้นที่ภูเขา หรือในชั้นใต้ดินที่อากาศไม่ถ่ายเท ก๊าซเรดอนเมื่อสะสมในอากาศและสูดดมต่อเนื่องนานๆ จะเพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อมะเร็งปอด
คนที่อาศัยอยู่ในบ้านที่ปิดทึบ ไม่มีการระบายอากาศ และตั้งอยู่บนพื้นที่ที่มีหินแร่ใต้ดินสูง มีความเสี่ยงมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว
วิธีป้องกัน
- ตรวจสอบระดับก๊าซเรดอนในบ้านโดยใช้เครื่องวัดเฉพาะ
- เปิดหน้าต่างเพื่อให้อากาศถ่ายเท
- ปรับปรุงระบบระบายอากาศ โดยเฉพาะในชั้นใต้ดินหรือพื้นที่อับอากาศ
4. พันธุกรรมและประวัติครอบครัว
แม้มะเร็งปอดจะไม่ได้เป็นโรคพันธุกรรมโดยตรงเหมือนมะเร็งเต้านมหรือมะเร็งลำไส้ใหญ่ แต่การมีสมาชิกในครอบครัวที่เคยป่วยเป็นมะเร็งปอด (โดยเฉพาะหากเป็นในวัยหนุ่มสาว) อาจสะท้อนถึงการมี “ความเสี่ยงทางพันธุกรรม” ที่ทำให้เซลล์ผิดปกติได้ง่ายกว่า ดังนั้น หากมีประวัติมะเร็งในครอบครัว ควรแจ้งแพทย์ทุกครั้งเมื่อตรวจสุขภาพ
วิธีป้องกัน
- ตรวจสุขภาพปอดอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะหากมีอาการผิดปกติ เช่น ไอเรื้อรัง เหนื่อยง่าย หรือเจ็บหน้าอก
- เลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงอื่นๆ ที่กระตุ้นการเกิดโรค
5. พฤติกรรมการใช้ชีวิต
อาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก เบคอน และเนื้อรมควัน มีสารไนโตรซามีนซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง นอกจากนี้การรับประทานอาหารไขมันสูง หรือผักผลไม้น้อยเกินไป ก็ทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งได้เช่นกัน
ไม่เพียงเท่านั้น การนอนน้อย ขาดการออกกำลังกาย และความเครียดสะสม ล้วนมีผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันโรคร้ายต่างๆ รวมถึงมะเร็งปอด
วิธีป้องกัน
- รับประทานอาหารที่มีใยอาหารสูง เช่น ผักสด ผลไม้ ถั่ว และธัญพืช
- หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป และอาหารที่ปิ้ง ย่างไหม้เกรียม
- พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์
- ฝึกการหายใจลึกๆ เพื่อลดความเครียดและฟื้นฟูปอด
6. ความเสี่ยงในเพศหญิง และผู้ที่ไม่สูบบุหรี่
มะเร็งปอดไม่ได้เกิดกับคนสูบบุหรี่เท่านั้น ในปัจจุบันพบว่าผู้หญิงที่ไม่เคยสูบบุหรี่เลยก็สามารถเป็นมะเร็งปอดได้ โดยเฉพาะชนิด Adenocarcinoma ซึ่งเชื่อมโยงกับพันธุกรรม ฮอร์โมน และสิ่งแวดล้อม รวมถึงสารเคมีที่อยู่ในครัว เช่น ควันจากการทำอาหาร
วิธีป้องกัน
- ปรับปรุงระบบระบายอากาศในครัว
- ตรวจสุขภาพเป็นประจำ โดยเฉพาะผู้หญิงอายุ 40 ปีขึ้นไป
- หากมีอาการผิดปกติ เช่น ไอเรื้อรัง หายใจไม่สะดวก น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ ควรพบแพทย์
โรคมะเร็งปอดเป็นภัยเงียบที่แฝงอยู่ในชีวิตประจำวันของเรา ไม่ว่าจะสูบบุหรี่หรือไม่ก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงมากมายสามารถสะสมและก่อโรคโดยไม่รู้ตัว การรู้เท่าทัน และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดความเสี่ยง จึงเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันโรค
มะเร็งปอดมักไม่แสดงอาการ…จนกระทั่งสายไป! ถ้าคุณไอเรื้อรัง หายใจติดขัด หรือรู้สึกไม่ปกติ อยากปรึกษาคุณหมอ ตรวจให้แน่ชัด ทักหาทีม HDcare ได้เลย เราพร้อมเป็นผู้ช่วยส่วนตัวดูแลสุขภาพคุณ สอบถามข้อมูลเบื้องต้นกับคุณหมอเฉพาะทาง ทำนัดปรึกษาคุณหมอได้รวดเร็ว จาก รพ. หรือคลินิกใกล้คุณได้ทันที คลิกที่นี่เลย