เส้นเลือดขอด อย่าชะล่าใจ อันตรายกว่าที่คิด

เส้นเลือดขอด (Varicose Veins) คือ การที่เส้นเลือดดำส่วนหนึ่งที่อยู่ใกล้ชั้นผิวหนัง เสียความหยืดหยุ่นตัว หรือขยายตัวจากการมีเลือดมาสะสมมากจนเห็นเป็นสีฟ้าหรือม่วงเข้ม มีลักษณะคดเคี้ยวไปมาเหมือนตัวหนอนหรือไส้เดือนใต้ผิวหนัง และมีอาการนูน บวม โป่งออกมาให้เห็น เส้นเลือดขอดสามารถเกิดขึ้นได้กับหลายส่วนของร่างกาย ที่พบบ่อยและเห็นได้ชัดคือ บริเวณ ขา เท้า และแขน นอกจากนี้ยังสามารถพบได้ บริเวณหลอดอาหาร มดลูก ช่องคลอด อุ้งเชิงกราน และช่องทวารหนัก แต่ไม่บ่อยนัก

สารบัญ

เส้นเลือดขอดเกิดจากอะไร

เส้นเลือดขอด (Varicose Veins) เกิดจากผนังหลอดเลือดยืดขยายตัวจนทำให้ลิ้นที่ควบคุมการไหลของเลือดอ่อนแอ หรือขาดความหยืดหยุ่นลงตามไปด้วย โดยลิ้นเล็กๆ นี้ทำหน้าที่เปิดให้เลือดไหลผ่าน และคอยปิดเพื่อป้องกันไม่ให้เลือดไหลย้อนกลับเข้าสู่ส่วนล่างของร่างกาย แต่เมื่อลิ้นในหลอดเลือดไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ จึงทำให้เลือดไหลรั่วออกมาและย้อนกลับไปที่ส่วนล่างของร่างกาย เกิดการสะสมของเลือดในหลอดเลือดมากขึ้น จนมีอาการบวมพองตามมา

สาเหตุที่ทำให้ผนังหลอดเลือดยืดขยายตัวจนลิ้นเปิดปิดหลอดเลือดอ่อนแอลงยังไม่แน่ชัด แต่อาจเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น

  • เพศ : เพศหญิงมีโอกาสเกิดเส้นเลือดขอดได้มากกว่าเพศชาย
  • กรรมพันธุ์ : มักพบในบุคคลที่มีสมาชิกในครอบครัวเป็นเส้นเลือดขอด
  • อายุ : เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น หลอดเลือดก็เริ่มที่จะหลวมและหย่อนตัวลง จึงเป็นเหตุให้ประสิทธิภาพการทำงานของลิ้นหลอดเลือดลดลงตามไปด้วย
  • น้ำหนักตัว : การมีน้ำหนักตัวมาก จะทำให้มีโอกาสเกิดแรงดันในหลอดเลือดสูง และแรงดันที่ลิ้นหลอดเลือดสูงขึ้นตาม ซึ่งมีผลให้ต้องทำงานหนักในการส่งเลือดกลับไปเลี้ยงหัวใจ ทำให้โอกาสที่ลิ้นประสิทธิภาพการทำงานลดลงด้วย
  • อาชีพ : ส่วนมากอาชีพที่ต้องยืนเป็นเวลานาน จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดเส้นเลือดขอดได้ง่ายกว่า
  • การตั้งครรภ์ : ในระหว่างตั้งครรภ์ ปริมาณของเลือดในร่างกายจะเพิ่มสูงขึ้น เพื่อช่วยส่งเสริมพัฒนาการของลูก ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะตึงของหลอดเลือด จนอาจทำให้ผนังกล้ามเนื้อของหลอดเลือดคลายตัว และส่งผลให้ลิ้นเปิดปิดเลือดทำงานบกพร่องได้
  • สาเหตุอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับหลอดเลือด เช่น เคยเกิดลิ่มเลือดอุดตัน หรือหลอดเลือดดำทำงานผิดปกติ

อาการของเส้นเลือดขอด

เส้นเลือดขอดพบได้บ่อยบริเวณแขน ขา หรือเท้า ผู้ที่เป็นเส้นเลือดขอดแรกเริ่มอาจสังเกตเห็นเส้นเลือดผ่านผิวหนัง ลักษณะเส้นเลือดคดเคี้ยวและนูนออกมา หรือปรากฎเป็นสีม่วงเข้มหรือแดงก่อน จากนั้นอาการอื่นๆ จึงตามมา ได้แก่

  • เท้าหรือขาจะรู้สึกปวดหรือหนัก เมื่อยืนหรือนั่งในอิริยาบถเดิมเป็นเวลานาน และจะดีขึ้นเมื่อได้เดินหรือพักขาด้วยการยกขาขึ้น
  • เท้าหรือขาจะบวมขึ้น เนื่องจากปริมาณของเลือดไปคั่งบริเวณขาและเท้ามากกว่าปกติ
  • มีการอักเสบเป็นสีแดงเรื่อๆ หรือแตกเป็นแผลที่เส้นเลือดขอดบริเวณผิวหนัง
  • เส้นเลือดโป่ง นูน พอง แข็ง และเปลี่ยนสี อาจเป็นสีเขียวคล้ำ คดไปมาตามจุดต่างๆ เมื่อกดดูจะรู้สึกเจ็บและตึง
  • อาจมีอาการกล้ามเนื้อเกร็งผิดปกติ จนทำให้เป็นตะคริวตอนกลางคืน และรู้สึกคันที่ผิวหนังบริเวณนั้นด้วย มักพบในผู้ที่มีอาการมาก
  • มีอาการอักเสบของผิวหนัง หรือมีแผลพุพองที่ผิวหนังใกล้ข้อเท้า ซึ่งเป็นอาการรุนแรงของเส้นเลือดขอดที่ควรได้รับการรักษา

อาการของเส้นเลือกขอด มักแย่ลงหากอยู่ในสภาพอากาศร้อน หากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้เกิดการอักเสบจนเส้นเลือดในบริเวณนั้นแตก เป็นอันตรายได้

เส้นเลือดขอดมีกี่แบบ

เส้นเลือดขอดโดยทั่วไป แบ่งได้เป็น 2 แบบคือ

  1. เส้นเลือดขอดแบบเส้นเลือดโป่ง (Varicose Vein) เกิดจากหลอดเลือดดำขนาดใหญ่บริเวณขา เท้า หรือแขน ทำงานผิดปกติ ทำให้เลือดดำไหลย้อนกลับและค้างในหลอดเลือดจนมองเห็นเส้นเลือดป่งพองออกมาเด่นชัด และมีลักษณะคดงอไปมา อาจมีสีเขียวผสมม่วง หรือผิวหนังคล้ำมากกว่าบริเวณอื่น
  2. เส้นเลือดขอดแบบเส้นเลือดฝอย (Spider veins หรือ Telangiectasia) มีลักษณะคล้ายกับเส้นเลือดโป่ง แต่จะมีขนาดเล็กกว่ามาก มีสีแดง สีเขียว หรือสีออกม่วง มักจะเป็นกับเส้นเลือดดำที่อยู่ตื้นใต้ผิวหนัง สามารถเกิดได้ทุกที่ โดยเฉพาะใบหน้า ต้นขา และน่อง

รักษาเส้นเลือดขอดมีวิธีอะไรบ้าง

ปัจจุบันการรักษาเส้นเลือดขอดมีหลายวิธี แพทย์จะวิเคราะห์อาการและขนาดของเส้นเลือดขอด แล้วเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละคนมากที่สุด เพื่อไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำอีก โดยมีวิธีที่มีประสิทธิภาพหรือความเหมาะสมแตกต่างกันไป สำหรับวิธีที่เป็นที่นิยมมีดังนี้

การรักษาเส้นเลือดขอดแบบไม่ต้องผ่าตัด

การรักษาเส้นเลือดขอดแบบไม่ต้องผ่าตัด หรือแบบประคับประคอง (Conservative Treatment) เป็นวิธีรักษาเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นมากขึ้น เหมาะกับผู้ที่มีอาการในระยะเริ่มต้นที่ยังมีเส้นเลือดขอดขนาดเล็กมาก แพทย์จะให้ผู้ป่วยสวมถุงน่องสำหรับเส้นเลือดขอด (Compression Stocking) ขณะที่ทำงานหรือทำกิจกรรมทั่วไป เพราะถุงน่องชนิดนี้มีคุณสมบัติพิเศษ ช่วยในเรื่องของระบบไหลเวียนเลือดดำให้ดีขึ้น ลดการคั่งของเลือดบริเวณขา และป้องกันการเกิดลิ่มเลือดของหลอดเลือดดำชั้นลึกหรือเส้นเลือดขอดได้ แต่การสวมถุงน่องสำหรับเส้นเลือดขอด ไม่สามารถแก้ไขอาการในระยะยาวได้ จึงไม่ใช่การรักษาแบบหายขาด หากผู้ป่วยกลับไปมีกิจกรรมหรือใช้ชีวิตประจำวันแบบเดิม ก็จะสามารถกลับมาเป็นอีก

การรักษาเส้นเลือดขอดด้วยการฉีดสารเข้าเส้นเลือด (Sclerotherapy)

ปัจจุบันสารเคมีที่ใช้รักษาเส้นเลือดขอดมีหลายชนิด แต่ที่ใช้บ่อย คือ Aethoxysklerol ซึ่งเป็นสารที่มีคุณสมบัติทำลายผนังของหลอดเลือดขอด เพื่อให้ผนังมีการแข็งตัวและทำให้เส้นเลือดขอดค่อยๆ ฝ่อและยุบไปในที่สุด โดยแพทย์จะใช้เข็มที่มีขนาดเล็กมากในการฉีด และใช้เวลาเพียง 30-60 นาทีในแต่ละครั้ง จำนวนครั้งที่ฉีดยาขึ้นอยู่ขนาดของเส้นเลือดขอด การตอบสนองของร่างกายผู้ป่วย และการวินิจฉัยของแพทย์

การรักษาเส้นเลือดขอดด้วยเลเซอร์

สามารถแบ่งย่อยได้หลายแบบ ที่เป็นที่นิยมในปัจจุบันได้แก่ เครื่องเลเซอร์ (Nd: YAG laser) ที่มีความยาวคลื่น 1,064 นาโนเมตร เป็นการรักษาที่ไม่ทำให้เกิดบาดแผลและไม่มีแผลเป็น สามารถรักษาเส้นเลือดขอดได้อย่างปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และรวดเร็ว แพทย์จะใช้วิธีนี้รักษาเส้นเลือดขอดที่มีขนาดเล็กกว่า 3 มิลลิเมตร โดยใช้แสงเลเซอร์ยิงผ่านผิวหนังชั้นบนเข้าไปทำลายเส้นเลือดขอดโดยตรง ทำให้เส้นเลือดขอดฝ่อแล้วยุบตัว นอกจากนี้ยังมี เครื่องเลเซอร์ชนิดที่สอดเข้าไปในเส้นเลือด (Endovenous laser ablation: EVLA) ใช้ในการรักษาเส้นเลือดขอดที่มีขนาดใหญ่ และ เครื่องเลเซอร์แบบพิเศษที่มีช่วงคลื่นต่ำ (Low level laser therapy) เป็นการส่งพลังงานเข้าไปที่เส้นเลือดดำที่มีปัญหา ซึ่งพลังงานจะเข้าไปกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด จึงเป็นวิธีที่ช่วยบำบัดอาการเส้นเลือดขอดโดยการลดอาการบวมน้ำจากการคั่งของเส้นเลือดดำ ลดการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ

การรักษาเส้นเลือดขอดด้วยการใช้คลื่นความถี่วิทยุ (Radio Frequency Ablation: RFA)

นับเป็นวิธีที่ทันสมัยที่สุด ใช้หลักการเดียวกับการเลเซอร์ โดยแพทย์จะเจาะเข็มให้มีรูขนาดเล็กแล้วใส่ขดลวด (สาย Fiber Optic) เข้าไปสลายเส้นเลือดขอดที่มีปัญหา เครื่องจะแปรพลังงานคลื่นวิทยุเป็นความร้อน ซึ่งเป็นความร้อนในระดับที่จะทำให้เส้นใยของคอลลาเจนที่เป็นโครงสร้างสำคัญของผนังเส้นเลือดดำฝ่อตัวลงไปในที่สุด ผลการรักษาด้วย RFA พบว่าเส้นเลือดขอดจะค่อยๆ ยุบลงประมาณ 50% และภายใน 6-8 สัปดาห์ จะยุบลงถึง 90-100% โดยภายใน 2-4 ปี มีผู้ป่วยที่กลับมาเป็นซ้ำเพียง 5-10% และเป็นเพียงเส้นเลือดฝอยเล็กๆ ซึ่งสามารถรักษาได้ด้วยการฉีดยา

ข้อดีรักษาเส้นเลือดขอดแต่ละวิธี

1. ข้อดีของการรักษาเส้นเลือดขอดแบบประคับประคอง

เป็นการรักษาที่สะดวก ไม่ยุ่งยาก เพราะเพียงสวมถุงน่องสำหรับเส้นเลือดขอด (Compression Stocking) ไว้ในการทำกิจกรรมประจำวันเท่านั้น

2. ข้อดีของการรักษาเส้นเลือดขอดด้วยการฉีดสารเข้าเส้นเลือด

  • ไม่ต้องผ่าตัด
  • ไม่ต้องพักฟื้น
  • ไม่มีแผล
  • ไม่ต้องกลัวเจ็บ เพราะเข็มที่ใช้ฉีดขนาดเล็กมาก
  • ไม่ต้องใช้ยาระงับความรู้สึก เช่น ยาสลบ ในระหว่างรักษาแต่อย่างใด

3. ข้อดีของการรักษาเส้นเลือดขอดแบบผ่าตัดด้วยเลเซอร์

  • ไม่ยุ่งยากและเห็นผลเร็ว
  • ไม่ต้องผ่าตัด
  • ไม่ต้องใช้เข็ม หรือฉีดยา
  • ไม่ทำให้เกิดบาดแผล หรือรอยแผลเป็น
  • ไม่ต้องพักฟื้น เพราะรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

4. ข้อดีของการรักษาเส้นเลือดขอดแบบใช้คลื่นวิทยุหรือ RFA

  • ไม่เจ็บ
  • ใช้เวลาน้อยในการรักษา
  • แผลขนาดเล็ก หรือแทบไม่มีแผลเปิด
  • เลือดออกน้อย
  • ไม่ต้องดมยาสลบ
  • อาจไม่ต้องนอนโรงพยาบาลหลังการรักษา สามารถกลับบ้านได้ทันที
  • ไม่ส่งผลกระทบกับการดำเนินชีวิตประจำวันแต่อย่างใด

ข้อเสียรักษาเส้นเลือดขอดแต่ละวิธี

1. ข้อเสียของการรักษาเส้นเลือดขอดแบบประคับประคอง

  • ไม่ใช่วิธีการรักษาระยะยาวและหายขาดได้ เป็นแค่การป้องกันไม่ให้อาการลุมลาม

2. ข้อเสียของการรักษาเส้นเลือดขอดด้วยการฉีดสารเข้าเส้นเลือด

  • เป็นการรักษาที่ไม่หายขาด ในระยะยาวอาจกลับมาเป็นซ้ำได้อีก
  • เส้นเลือดแต่ละเส้นอาจต้องได้รับการฉีดสารมากกว่า 1 ครั้ง ซึ่งอาจใช้ระยะเวลานานในการรักษา
  • อาจพบผลข้างเคียงบริเวณที่ฉีดโดยอาจมีอาการปวด บวมแดง มีเลือดออก
  • อาจมีรอยจ้ำเขียวจากการมีเลือดออกใต้ผิวหนัง ซึ่งจะหายไปได้เอง
  • อาจเกิดรอยคล้ำตามแนวเส้นเลือดที่ฉีด ซึ่งจะค่อยๆ จางหายไปได้เอง
  • อาจเกิดอาการแพ้ยาที่ฉีด โดยในรายที่เป็นไม่มากอาจมีแค่อาการคันหรือมีผื่น แต่ถ้าเป็นรุนแรงอาจทำให้เกิดอาการช็อกจนทำให้เสียชีวิตได้
  • ในกรณีฉีดยาไม่เข้าเส้นเลือดอาจเป็นเหตุทำให้ผิวหนังสีเข้มขึ้นหรืออาจเกิดแผลบริเวณผิวหนังได้
  • อาจทำให้เกิดเส้นเลือดอักเสบได้ หากฉีดยาในปริมาณมาก

3. ข้อเสียของการรักษาเส้นเลือดขอดแบบผ่าตัดด้วยเลเซอร์

  • ปัจจุบันยังมีราคาแพง
  • มีอาการบวมแดงเล็กน้อย ซึ่งมักจะหายไปได้เองภายใน 24 ชั่วโมง หรือไม่เกิน 2-3 วัน
  • อาจเกิดรอยช้ำหรือผิวหนังไหม้พองได้ โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีผิวคล้ำ
  • ไม่สามารถใช้รักษาเส้นเลือดขอดที่มีขนาดใหญ่มากหรือคดเคี้ยวได้
  • ส่วนใหญ่การรักษาด้วยเลเซอร์จำเป็นต้องทำหลายครั้ง เช่น ทุกๆ 6-12 สัปดาห์ จึงอาจต้องใช้เวลาในการรักษานานหลายปี

4. ข้อเสียของการรักษาเส้นเลือดขอดแบบใช้คลื่นวิทยุหรือ RFA

  • ไม่สามารถทำได้ทันที กรณีผู้ป่วยมีเส้นเลือดอุดตัน มีการติดเชื้อ บวมแดง แพทย์จะให้รักษาให้ด้วยยาปฏิชีวนะให้หายก่อน จึงจะทำการรักษาด้วยวิธีนี้ได้
  • ราคาแพง

รักษาเส้นเลือดขอดแต่ละวิธีเหมาะกับใคร

  1. การรักษาเส้นเลือดขอดแบบประคับประคอง เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นเป็น และมีเส้นเลือดขอดขนาดเล็กมาก เป็นเพียงวิธีพยุงอาการหรือขนาดเส้นเลือด ไม่ให้ลุกลามมากขึ้นเท่านั้น
  2. การรักษาเส้นเลือดขอดด้วยการฉีดสารเข้าเส้นเลือด เหมาะสำหรับผู้มีเส้นเลือดขอดขนาดเล็กถึงปานกลาง หรือเส้นเลือดขอดที่มีขนาดเล็กกว่า 3 มิลลิเมตร
  3. การรักษาเส้นเลือดขอดแบบผ่าตัดด้วยเลเซอร์ เหมาะสำหรับผู้มีหลอดเลือดขอดที่ไม่ใหญ่มากหรือไม่คดเคี้ยวมาก หรือกรณีผู้ที่เป็นเส้นเลือดฝอยบริเวณใบหน้า และเส้นเลือดฝอยควรมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 2 มิลลิเมตร เพราะหากใหญ่กว่านั้นก็อาจไม่ได้ผล หรือต้องกลับมารักษาใหม่ในเวลาอันรวดเร็ว
  4. การรักษาเส้นเลือดขอดแบบใช้คลื่นวิทยุ (RFA) เหมาะสำหรับผู้ที่กังวลเรื่องแผลเป็น เพราะ RFA ถือเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยล่าสุด จะมีแค่จุดเล็กๆ จุดเดียวให้เห็นเท่านั้น และเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีปัญหาเรื่องงบประมาณ แต่ต้องการเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว ประสิทธิภาพสูง และมีอัตราการกลับมาเป็นอีกครั้งในระดับต่ำ

ทั้งนี้แพทย์จะวินิจฉัยเลือกใช้วิธีการรักษาให้กับผู้ป่วยแต่ละรายตามความเหมาะ อาการ และงบประมาณ

การดูแลตัวเองหลังรักษาเส้นเลือดขอด

  • งดการยกของหนัก หรือยืนนานๆ เป็นเวลา 3-7 วัน
  • ใส่ถุงน่องสำหรับเส้นเลือดขอด หรือเสื้อผ้าที่มีความยืดหยุ่น เพื่อช่วยประคองกล้ามเนื้อและเส้นเลือดในบริเวณที่เป็นเส้นเลือดขอด ระยะเวลาในการใส่ขึ้นอยู่กับขนาดของเส้นเลือด ถ้าเป็นเส้นเลือดฝอยควรใส่ไว้ 1-3 วันเป็นอย่างน้อย ส่วนเส้นเลือดขอดควรใส่อย่างน้อย 7 วันขึ้นไป
  • ออกกำลังกาย เช่น การเดิน เพื่อเป็นการยืดกล้ามเนื้อ หรือเพื่อกระตุ้นยาให้กระจายตัว และมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ในกรณีฉีดสาร
  • พบแพทย์ตามนัดภายใน 2-4 สัปดาห์ เพื่อตรวจเช็คผลการรักษา และปฏิบัติตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด

การป้องกันเส้นเลือดขอด

เราสามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดเส้นเลือดขอดได้ โดยการเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและลดการตึงของกล้ามเนื้อ ดังนี้

  • หมั่นออกกำลังกาย และยืดกล้ามเนื้อให้เหมาะสม เช่น เดิน ว่ายน้ำ และปั่นจักรยาน เป็นต้น
  • รับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูงและใช้เกลือปรุงอาหารน้อย
  • ควบคุมน้ำหนัก
  • นวดขา พักขาด้วยการยกขาขึ้นสูง เช่น ใช้หมอนหนุนขาเวลานอน
  • หลีกเลี่ยงการใส่ส้นสูงหรือถุงเท้ารัด ๆ
  • ปรับเปลี่ยนอิริยาบถ ไม่อยู่ในท่าเดิมนานเกินไป

ไม่รักษาเส้นเลือดขอดได้ไหม

หากเริ่มสังเกตว่ามีอาการเส้นเลือดขอด ควรรีบปรึกษาแพทย์ ไม่ควรละเลยหรือปล่อยทิ้งไว้นาน การรักษาอย่างถูกวิธีตั้งแต่เริ่มพบอาการ จะป้องกันไม่ให้อาการลุกลามและเป็นอันตรายมากขึ้น เพราะอาการของเส้นเลือดขอดที่เกิดขึ้นในทุกระยะ อาจเป็นอุปสรรคในการดำเนินชีวิตประจำวันได้ เช่น การเจ็บปวด เมื่อยล้าที่ขา ขาบวม เป็นตะคริว หรือกรณีเกิดแผลเลือดจะออกมาก และหยุดไหลช้า เป็นต้น

นอกจากนี้ในกรณีที่ปล่อยให้เส้นเลือดขอดมีอาการรุนแรงจนกลายเป็นแผล อาจมีการติดเชื้ออาจส่งผลให้สูญเสียอวัยวะได้

เส้นเลือดขอด แม้โดยทั่วไปจะไม่มีอันตรายรุนแรง แต่การรักษาเส้นเลือดขอดตั้งแต่แรกเริ่ม จะช่วยป้องกันการลุกลาม เพื่อไม่ให้เกิดความยุ่งยากและความซับซ้อนในการรักษามากขึ้น

Scroll to Top