คลอดก่อนกำหนด มีสัญญาณเตือนอะไรบ้าง เสี่ยงอันตรายแค่ไหน

ปัจจุบันทางการแพทย์ได้ทดสอบและได้ยอมรับแล้วว่า เด็กทารกในครรภ์นั้นมีความสามารถในการรับรู้สิ่งรอบๆ ตัวของเขาได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ของแม่ เนื่องจากสมองของทารกเริ่มก่อตัวตั้งแต่ 2 สัปดาห์ในครรภ์ และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนถึงหลังคลอด โดยระดับการรับรู้นั้นจะค่อยๆ พัฒนาตามอายุครรภ์ด้วย โดยการรับรู้หลักที่เด็กทารกสามารถรับรู้ได้คือแสงสว่าง เสียง กลิ่นและการรับรส การเคลื่อนไหวและการสัมผัสต่างๆ

มีคำถามเกี่ยวกับ คลอดก่อนกำหนด? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

การรับรู้แสงสว่าง

เมื่อเด็กทารกที่อยู่ในครรภ์มีอายุ 29 สัปดาห์ ทารกจะสามารถลืมตาและมองเห็นผนังมดลูกที่โอบอุ้มตัวเองไว้ ต่อมาเมื่ออายุครรภ์มากขึ้นเรื่อยๆ ผนังมดลูกจะบางลงเรื่อยๆ แสงสว่างจากภายนอกจะสามารถผ่านเข้าสู่ภายในมดลูกได้ ทำให้เด็กทารกรู้จักความแตกต่างระหว่างกลางวันและกลางคืน คุณแม่สามารถส่องไฟฉายจากซ้ายไปขวา หรือเปิดปิดเป็นจังหวะเพื่อเล่นกับลูกได้ แสงที่ส่องสว่างเข้ามาจะกระตุ้นการรับรู้และพัฒนาการของเด็ก ซึ่งข้อมูลนี้เกิดจากการทดสอบทางการแพทย์ ด้วยการลองฉายแสงส่องลงไปบริเวณมดลูก จากนั้นก็ใช้อัลตราซาวน์ทดสอบดูปฏิกิริยาของเด็กทารกในครรภ์ ปรากฏว่าเมื่อฉายแสงลงไปเด็กทารกจะยกมือขึ้นปิดหน้าผากในลักษณะบังแสง และระดับการเต้นของหัวใจเด็กทารกก็จะเพิ่มสูงขึ้นกว่าปกติ

การรับรู้ด้านเสียง

เด็กทารกที่อยู่ในครรภ์มีอายุ 16 สัปดาห์ ทารกเริ่มจะได้ยินเสียงต่างๆ ทั้งเสียงหัวใจเต้นของแม่ เสียงการไหลเวียนของกระแสเลือด หรือแม้กระทั่งเสียงดังจากภายนอกมดลูก เช่น เสียงพูดคุยของพ่อแม่ เสียงจากดนตรี หรือเสียงดังๆ จากหนังที่แม่ดูด้วย เคยมีตัวอย่างที่คุณแม่ที่ตั้งครรภ์อยู่และไปดูหนังที่ต้องมีฉากที่มีเสียงดัง หรือเสียงกรีดร้องลั่น เด็กทารกในครรภ์จะดิ้น เพราะเด็กทารกในครรภ์ได้ตอบสนองถึงเสียงที่ได้ยินนั้นเอง รวมไปถึงเสียงพูดของพ่อแม่ด้วย มีการทดสอบและยืนยันผลแล้วจากนักวิทยศาสตร์ว่า

หากพ่อแม่ได้พูดคุยกับลูกตั้งแต่อยู่ในครรภ์อย่างสม่ำเสมอ เมื่อคลอดลูกออกมาแล้ว เด็กทารกจะสามารถจดจำเสียงพ่อและแม่ได้ทันทีและสามารถตอบรับด้วยการพยายามหันไปทางต้นเสียงของพ่อแม่ ซึ่งเด็กทารกจะมีปฏิกิริยาและแยกแยะเสียงของพ่อแม่จากเสียงของคนอื่นได้ทันทีหลังจากคลอดออกมาและจะสามารถจดจำพ่อแม่ได้ภายใน 4 วันหลังจากคลอดออกมาแล้วแม้ว่าสายตาจะมองเห็นในระยะเพียงแค่ 1 ฟุตเท่านั้น

นอกจากนั้นหากในช่วงที่ตั้งครรภ์ หากคุณแม่ได้เปิดเพลงที่มีบรรยากาศแบบอบอุ่น รู้สึกอารมณ์เย็น อย่างเพลงคลาสิกพร้อมกับการพูดคุยกับลูกอย่างสม่ำเสมอ เมื่อเด็กคลอดออกมาและร้องไห้โย้เย การเปิดเพลงเดิมที่เคยเปิดให้ลูกฟังกลับมีผลให้เด็กมีอารมณ์สงบลงได้อย่างน่าประหลาดใจ ทั้งนี้เป็นเพราะเด็กทารกสามารถจดจำเสียงเพลงที่เคยได้ยินสมัยที่อยู่ในครรภ์ ซึ่งภาวะนั้นเด็กจะรู้สึกปลอดภัยและสงบนั่นเอง

การรับรู้กลิ่นและการรับรส

เด็กทารกที่อยู่ในครรภ์มีอายุ 15 สัปดาห์ ทารกจะเริ่มสร้างอวัยวะที่ใช้ในการรับรส และเมื่อครรภ์มีอายุ 24 สัปดาห์จะเริ่มสร้างเซลล์ที่ใช้ในการรับกลิ่น จากการศึกษาทางการแพทย์พบว่าทารกแรกเกิดมักจะชอบกลิ่นอาหาร เช่น กลิ่นกระเทียม ผักชี แครอท มากกว่ากลิ่นของอาหารอื่นๆ เนื่องจากเป็นกลิ่นของอาหารที่คุณแม่รับประทานระหว่างตั้งครรภ์ ทำให้ทารกเกิดความคุ้นชินกลิ่นของอาหารตั้งแต่อยู่ในครรภ์

การรับรู้ด้านการสัมผัสและการเคลื่อนไหว

ในสัปดาห์ที่ 6 ทารกในครรภ์จะเริ่มมีสัญชาติญาณ และการเคลื่อนไหวเพื่อการโต้ตอบ เนื่องจากว่าเด็กที่ทารกเมื่อตอนอยู่ในครรภ์นั้นจะลอยไปลอยมา ยิ่งคุณแม่เคลื่อนไหว ร่างกายของเด็กทารกในครรภ์ก็จะขยับเคลื่อนไหวไปด้วย การเคลื่อนไหวในลักษณะที่ลอยไปลอยมา เด็กทารกจะสัมผัสกับผิวด้านในของมดลูกตลอดเวลา ซึ่งมีผลต่อการพัฒนาระบบประสาทรับความรู้สึกของทารกรวมทั้งพัฒนาการเติบโตของกล้ามเนื้อ นอกจากนั้นเด็กทารกยังรู้จักการปรับตัวและรู้จักการรักษาความสมดุลย์ของร่างกายด้วย

จะเห็นได้ว่าเด็กทารกในครรภ์มีความสามารถในการรับรู้และจดจำความรู้สึกต่างๆ จากสภาพแวดล้อมได้ พ่อแม่จึงควรระมัดระวังให้มากกับสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบๆ ตัวในช่วงระหว่างตั้งครรภ์ เพราะสิ่งเหล่านี้สามารถส่งผลกระทบต่อเด็กทารกในครรภ์ได้ หากเรารู้จักนำสิ่งเหล่านี้ไปปรับใช้เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กทารกในครรภ์ก็จะทำให้เกิดผลดีกับตัวของลูกเองด้วยเช่นกัน

มีคำถามเกี่ยวกับ คลอดก่อนกำหนด? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

หากคุณติดตั้ง LINE บนคอมพิวเตอร์ของคุณแล้ว ระบบจะเปิดบัญชีทางการ LINE ของ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ โดยอัตโนมัติ

หากคุณยังไม่ได้ติดตั้ง LINE บนเดสก์ท็อป โปรดสแกน QR โค้ดด้วย LINE บนโทรศัพท์มือถือของคุณเพื่อเริ่มแชทกับ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ