เบตาแคโรทีน (beta carotene) เป็นรงควัตถุที่ให้สีเหลืองส้มในผักและผลไม้ เช่น แครอต มะละกอ ฟักทอง มะม่วง เป็นต้น เป็นสารต้านออกซิเดชันชนิดหนึ่ง ซึ่งช่วยทำให้สุขภาพดีในระยะยาว และช่วยป้องกันหรือชะลอการเกิดความเสื่อมของสังขารและโรคภัยไข้เจ็บบางชนิด
ประโยชน์ของเบตาแคโรทีน
เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มแคโรทีนอยด์ (carotenoids) และเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ (provitamin A) เมื่อเข้าสู่ร่างกาย เบตาแคโรทีนจะถูกเปลี่ยนเป็นวิตามินเอที่มีประโยชน์หลายประการ
- บำรุงสุขภาพสายตา: ช่วยป้องกันโรคจอประสาทตาเสื่อม ช่วยให้มองเห็นในที่มืดได้ดีขึ้น ลดความเสี่ยงต่อการเป็นต้อกระจก
- เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ: ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งบางชนิด
- เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน: ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ต้านทานโรคต่างๆ ได้ดีขึ้น
- บำรุงสุขภาพผิว: ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ช่วยลดริ้วรอย ปกป้องผิวจากแสงแดด
อาหารที่มีเบตาแคโรทีนสูง
- ผักใบเขียวเข้ม เช่น ผักคะน้า บรอกโคลี ผักเคล ผักโขม
- ผักสีเหลืองหรือสีส้ม เช่น ฟักทอง แครอท มันหวาน
- ผลไม้บางชนิด เช่น มะม่วง มะละกอ แคนตาลูป ลูกพีช
ข้อควรระวังของเบตาแคโรทีน
- ผิวเหลือง: การรับประทานอาหารที่มีเบต้าแคโรทีนสูงเป็นเวลานาน อาจทำให้ผิวมีสีเหลือง ซึ่งเป็นอาการที่เรียกว่า carotenemia แต่ไม่เป็นอันตราย และจะหายไปเมื่อลดปริมาณการรับประทาน
- ผู้สูบบุหรี่ต้องระวัง: การศึกษาบางชิ้นพบว่า ผู้สูบบุหรี่ที่รับประทานอาหารเสริมเบต้าแคโรทีนในปริมาณสูง อาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งปอดเพิ่มขึ้น ดังนั้นผู้สูบบุหรี่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานอาหารที่มีเบตาแคโรทีนสูงหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบางอย่าง
- ปฏิสัมพันธ์กับยา: เบต้าแคโรทีนอาจมีปฏิสัมพันธ์กับยาบางชนิด เช่น ยาลดไขมันในเลือด จึงควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนรับประทานอาหารเสริมร่วมกับยาอื่นๆ