MCHC ย่อมาจาก Mean Corpuscular Hemoglobin Concentration ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของความเข้มข้นของฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง ฮีโมโกลบินเป็นโมเลกุลของโปรตีนที่ทำหน้าที่ขนส่งออกซิเจนในเม็ดเลือดแดงเพื่อนำไปยังเนื้อเยื่อต่างๆ ภายในร่างกาย
ค่า MCHC นี้สามารถต่ำ ปกติ และสูงได้แม้ว่าจำนวนเม็ดเลือดแดงของคุณจะปกติ
สารบัญ
อาการ
มีหลายอาการที่ผู้ที่มีค่า MCHC ต่ำมักจะเป็นซึ่งมักเกี่ยวข้องกับภาวะซีด เช่น
- อ่อนเพลียและไม่มีแรงเรื้อรัง
- หายใจลำบาก
- ซีด
- ช้ำง่าย
- เวียนหัว
- อ่อนแรง
- ไม่มีแรง
ผู้ที่มีระดับ MCHC ต่ำเล็กน้อยหรือเพิ่งต่ำ อาจจะไม่มีอาการอะไรเลย
สาเหตุ
สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดที่ทำให้ค่า MCHC ต่ำก็คือภาวะซีด
ภาวะซีดชนิดที่เม็ดเลือดแดงมีขนาดเล็กและสีจาง มักจะทำให้ค่า MCHC ต่ำ ภาวะซีดชนิดนี้สามารถเกิดได้จาก
- การขาดธาตุเหล็ก
- การที่ร่างกายไม่สามารถดูดซึมธาตุเหล็กได้เช่นจากการเป็นโรคเซลิแอค Crohn’s disease และการผ่าตัดตัดกระเพาะ
- การที่มีเลือดออกในปริมาณเล็กน้อยเป็นเวลานานจากการมีประจำเดือนนานหรือมีแผลในกระเพาะอาหาร
ภาวะเม็ดเลือดแดงแตกตัวก่อนเวลา ในบางกรณีที่พบได้น้อย การมี MCHC ต่ำและภาวะซีดลักษณะนี้ สามารถเกิดได้จาก
- มะเร็ง ซึ่งรวมถึงมะเร็งที่ทำให้มีเลือดออกภายใน
- การติดเชื้อปรสิตเช่นพยาธิปากขอ
- การได้รับสารพิษจากตะกั่ว
การวินิจฉัยโรค
หากแทพย์สงสัยว่าคุณจะมีระดับ MCHC ต่ำ แพทย์มักจะสั่งตรวจเลือดหลายรายการเช่น
- การตรวจเลือดเพื่อดูระดับ MCHC
- การตรวจวัดค่า mean corpuscular volume (MCV) ซึ่งวัดค่าเฉลี่ยนของปริมาตรของเซลล์เม็ดเลือดแดง
- การทดสอบเหล่านี้มักจะรวมอยู่ในการตรวจนับจำนวนเม็ดเลือด (CBC) ซึ่งเป็นการตรวจเพื่อดูว่าคุณมีจำนวนเม็ดเลือดขาวและแดงอยู่ในเกณฑ์ปกติหรือไม่
แพทย์จะสามารถวินิจฉัยชนิดของอาการซีดที่เป็นได้จากการตรวจดังกล่าวและทำให้สามารถหาสาเหตุได้ง่ายขึ้น เพื่อวางแผนในการรักษา
ระดับธาตุเหล็ก
แพทย์อาจจะตรวจวัดระดับธาตุเหล็กและการดูดซึมธาตุเหล็กในรูปแบบที่เหมาะสม ซึ่งสามารถตรวจได้จากการตรวจเลือดในครั้งเดียวกัน การตรวจนี้จะช่วยให้ระบุสาเหตุของภาวะซีดได้
เลือดออก
หากเลือดออก เป็นสาเหตุของการมีระดับ MCHC ต่ำ แพทย์จะทำการค้นหาตำแหน่งที่เลือดออก ซึ่งสิ่งที่ง่ายที่สุดก็คือการมีประวัติมีประจำเดือนมามาก นาน และถี่กว่าปกติ
ภาวะอื่นๆ
แพทย์อาจจะมีการส่งตรวจอื่นๆ เพิ่มเติมเพื่อวินิจฉัยสาเหตุอื่นๆ เช่น
- การส่องกล้องเพื่อเข้าไปดูส่วนบนของทางเดินอาหารซึ่งจะช่วยให้เห็นแผลหรือมะเร็งได้ และการตัดชิ้นเนื้อในระหว่างที่ส่องกล้องไปตรวจ จะสามารถให้การวินิจฉัยโรคเซลิแอคที่แม่นยำได้
- การเอกซเรย์ช่องท้องส่วนบนหลังกลืนแบเรียม ซึ่งจะทำให้เห็นแผลในทางเดินอาหารได้
- การตรวจเลือดอื่นๆ จะช่วยในการคัดกรองโรคเซลิแอคหรือ Crohn’s disease ได้
ภาวะแทรกซ้อน
ภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยที่สุดของการมีระดับ MCHC ต่ำก็คือการไม่มีพลังงานและไม่มีแรง ซึ่งจะทำให้สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้ลดลง
ในรายที่มีอาการรุนแรง อาจเกิดภาวะซีดและมีออกซิเจนในเลือดต่ำได้ เวลาที่มีระดับ MCHC ต่ำ ร่างกายจะมีปัญหาในการขนส่งออกซิเจนให้เพียงพอต่อความต้องการของเนื้อเยื่อทั้งหมด ทำให้เนื้อเยื่อเหล่า ขาดออกซิเจนและไม่สามารถกำจัดแก๊ซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ ซึ่งอาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิต
อาการของภาวะซีดและมีออกซิเจนในเลือดต่ำ ประกอบด้วย
- หัวใจเต้นเร็ว
- สับสน
- หายใจเร็ว
- เหงื่อออก
- หายใจลำบาก
- ไอ หรือหายใจมีเสียงวี๊ด
การรักษา
เมือ่แพทย์สามารถหาสาเหตุที่ทำให้ค่า MCHC ต่ำได้แล้ว ก็จะเริ่มวางแผนการรักษา
สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของภาวะนี้ก็คือการขาดธาตุเหล็ก แพทย์อาจจะแนะนำวิธีต่อไปนี้เพื่อรักษา
- เพิ่มการทานธาตุเหล็กในอาหารเช่นจากผักโขม
- รับประทานธาตุเหล็กเสริม
- ทานวิตามินบี 6 เพิ่มขึ้นซึ่งจำเป็นต่อการดูดซึมธาตุเหล็กอย่างเหมาะสม
- เพิ่มเส้นใยอาหารในอาหารที่รับประทาน ซึ่งจะช่วยให้ลำไส้ดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้น
- รับประทานแคลเซียมในปริมาณเท่าที่ต้องการในแต่ละวัน เพราะการทานแคลเซียมที่มากเกินไป จะทำให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ยากขึ้น
การป้องกัน
วิธีการป้องกันการมีค่า MCHC ต่ำก็คือการป้องกันภาวะซีดจากการขาดธาตุเหล็ก ดังนั้นควรรับประทานธาตุเหล็กและวิตามินบี 6 จากอาหารให้เพียงพอ
อาหารที่เป็นแหล่งของธาตุเหล็กประกอบด้วย
- ผักโขม
- ถั่ว
- อาหารทะเล
- เนื้อแดง เนื้อหมูและสัตว์ปีก
อาหารที่เป็นแหล่งของวิตามินบี 6 ประกอบด้วย
- กล้วย
- ปลาทูน่าตามธรรมชาติ (ไม่ใช่ปลาทูน่าเลี้ยง)
- อกไก่
- ปลาแซลมอน
- มันหวาน
- ผักโขม