HDmall สรุปให้
ปิด
ปิด
- โรคปริทันต์ หรือโรคปริทันต์อักเสบ เกิดจากอวัยวะที่อยู่รอบๆ ฟัน เช่น เหงือก เอ็นยึดฟัน กระดูกเบ้าฟัน เคลือบรากฟัน และผิวรากฟัน ได้รับสารพิษจากเชื้อโรคที่สะสมอยู่ในหินปูน หรือหินน้ำลาย จึงเกิดการอักเสบขึ้น
- โรคปริทันต์ หรือโรคปริทันต์อักเสบ แบ่งการรักษาตามความรุนแรงของอาการ ได้แก่ การขูดหินปูน เกลารากฟัน เพื่อกำจัดหินปูนและคราบจุลินทรีย์ที่เกาะอยู่บนตัวฟันและบริเวณขอบเหงือกออก หากไม่ดีขึ้นจึงรักษาด้วยการผ่าตัดเหงือก และหากไม่สามารถรักษาได้ด้วยวิธีใดๆ อีก จำเป็นต้องใช้วิธีถอนฟัน
- เราไม่สามารถรักษาโรคปริทันต์ หรือโรคปริทันต์อักเสบด้วยตนเองได้ เนื่องจากสาเหตุสำคัญของโรคนี้เกิดจากสะสมของเชื้อโรคต่างๆ ที่หินปูน หรือหินน้ำลายในช่องปาก จำเป็นต้องให้ทันตแพทย์เป็นผู้ขูดหินปูนออกเท่านั้น
- สิ่งเดียวที่สามารถทำได้ด้วยตนเองคือ หลังการรักษาโรคปริทันต์แล้ว ต้องทำความสะอาดฟันและซอกฟันอย่างถูกวิธีด้วยไหมขัดฟันและแปรงสีฟันเป็นประจำทุกวัน และไปพบทันตแพทย์ตามนัดทุกครั้งเพื่อตรวจดูว่า ยังมีรอยโรคอีกหรือไม่
- เปรียบเทียบราคาล่าสุดและแพ็กเกจรักษาโรคเหงือก โรคปริทันต์ หรือแอดไลน์ @hdcoth
โรคปริทันต์ หรือโรคปริทันต์อักเสบ (Periodontitis) หรือที่เรียกกันว่า “รำมะนาด” เป็นโรคในช่องปากที่มีความรุนแรง และเป็นสาเหตุหลักของการสูญเสียฟันในวัยผู้ใหญ่ก่อนวัยอันควร เนื่องจากโรคดังกล่าวจะทำลายกระดูกรากฟันให้เสียหายนั่นเอง
โรคปริทันต์ โรคปริทันต์อักเสบรักษาหายไหม? รักษาโรคปริทันต์ โรคปริทันต์อักเสบมีกี่วิธี? รักษาโรคปริทันต์ โรคปริทันต์อักเสบด้วยตัวเองได้อย่างไร? ป้องกันโรคปริทันต์ โรคปริทันต์อักเสบอย่างไร? HDmall.co.th จะพาไปหาคำตอบ
โรคปริทันต์ ปริทันต์อักเสบ รักษาหายไหม?
โรคปริทันต์ หรือโรคปริทันต์อักเสบ เกิดจากอวัยวะที่อยู่รอบๆ ฟัน เช่น เหงือก เอ็นยึดฟัน กระดูกเบ้าฟัน เคลือบรากฟัน และผิวรากฟัน ได้รับสารพิษจากเชื้อโรคที่สะสมอยู่ในหินปูน หรือหินน้ำลาย จึงเกิดการอักเสบขึ้น
แม้จะขึ้นชื่อว่า เป็นโรคในช่องปากเรื้อรัง แต่ในบางกรณีหากอาการยังไม่รุนแรงมากก็สามารถรักษาให้หายได้ แต่หากอาการรุนแรงมากจนมีการทำลายเนื้อเยื่อ เหงือกร่น กระดูกเบ้าฟันเสียหาย ฟันโยกคลอนแล้ว ร่างกายจะไม่สามารถสร้างส่วนดังกล่าวกลับมาใหม่ได้อีก
อย่างไรก็ตาม หลังรักษาอาการทุกระยะแล้ว ผู้ป่วยยังต้องป้องกันตนเองไม่ให้มีสาเหตุของโรคกลับมาอีก
โรคปริทันต์ โรคปริทันต์อักเสบรักษาได้อย่างไร?
โรคปริทันต์ โรคปริทันต์อักเสบแบ่งการรักษาตามความรุนแรงของอาการ ดังนี้
การรักษาโรคปริทันต์ระยะแรก
- การขูดหินปูน: ทันตแพทย์จะขูดหินปูนทั้งบนตัวฟันและส่วนที่อยู่บนผิวรากฟันภายในร่องปริทันต์ เพื่อกำจัดหินปูนและคราบจุลินทรีย์ที่เกาะอยู่บนตัวฟันและบริเวณขอบเหงือกออก
- การเกลารากฟัน: ทันตแพทย์จะเกลารากฟันให้ผิวรากฟันให้สะอาดและเรียบ เพื่อกำจัดหินปูนและคราบจุลินทรีย์ที่เกาะลึกลงไปในผิวรากฟันออก เมื่อผิวรากฟันสะอาด เรียบ จะยากต่อการสะสมของหินปูนและคราบจุลินทรีย์ อีกทั้งยังช่วยให้เหงือกสามรถกลับมายึดติดตัวฟันได้ดังเดิม
การขูดหินปูนและเกลารากฟันต้องทำหลายๆ ครั้ง จนครบทั้งช่องปาก ทั้งนี้จะใช้ระยะเวลามากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับความลึกของร่องปริทันต์และปริมาณคราบหินปูนใต้เหงือกด้วย
หลังรักษาด้วยการขูดหินปูนและเกลารากฟันไป 4-6 สัปดาห์ ทันตแพทย์จะนัดมาตรวจดูอาการอีกครั้ง หากยังมีร่องปริทันต์เหลืออยู่ หรือกระดูกยังมีการละลายตัวอยู่ ทันตแพทย์อาจต้องรักษาด้วยการผ่าเหงือกต่อไป
การรักษาโรคปริทันต์ระยะกลาง
การผ่าตัดเหงือก: ทันตแพทย์จะผ่าตัดยกเหงือกเพื่อดูการอักเสบที่ลุกลามไปยังรากฟัน หรือกระดูกเบ้าฟัน และกำจัดคราบจุลินทรีย์ หินปูนออกหากมี จากนั้นทันตแพทย์จึงนำเหงือกกลับสู่ตำแหน่งเดิม วิธีนี้จะทำให้ร่องเหงือกตื้นขึ้น
บางกรณีหากทันตแพทย์พบว่า กระดูกเบ้าฟันถูกทำลายไปมาก อาจศัลยกรรมปลูกกระดูกทดแทน
การรักษาโรคปริทันต์ระยะท้าย
การถอนฟัน: ทันตแพทย์จะใช้การถอนฟันเมื่อมีการลุกลามของเนื้อเยื่อ ปริทันต์ไปมาก จนไม่สามารถรักษาฟันซี่นั้นไว้ได้อีกต่อไป
รักษาโรคปริทันต์ โรคปริทันต์อักเสบด้วยตัวเองได้ไหม?
เราไม่สามารถรักษาโรคปริทันต์ หรือโรคปริทันต์อักเสบด้วยตนเองได้ เนื่องจากสาเหตุสำคัญของโรคนี้เกิดจากสะสมของเชื้อโรคต่างๆ ที่หินปูน หรือหินน้ำลายในช่องปาก
วิธีรักษาที่สำคัญคือ ต้องกำจัดหินปูน หรือหินน้ำลายที่ฟัน ร่องฟัน และใต้เหงือกออกให้หมดเท่านั้น ซึ่งการแปรงฟันไม่สามารถกำจัดหินปูน หรือหินน้ำลายได้ นอกจากการขูดหินปูนด้วยเครื่องมือทางทันตกรรมเท่านั้น
สิ่งเดียวที่สามารถทำได้ด้วยตนเองคือ หลังการรักษาโรคปริทันต์แล้ว ต้องทำความสะอาดฟันและซอกฟันอย่างถูกวิธี ด้วยการใช้ไหมขัดฟันและแปรงสีฟันเป็นประจำทุกวัน
รวมทั้งต้องไปพบทันตแพทย์ตามนัดทุกครั้งเพื่อตรวจดูว่า "ยังมีรอยโรคอีกหรือไม่ ยังมีคราบจุลินทรีย์และหินปูนหลงเหลือจากการทำความสะอาดเองหรือไม่" เพราะโรคปริทันต์อาจกลับมาเป็นซ้ำได้อีก
โดยทั่วไปผู้ป่วยที่เคยเป็นโรคปริทันต์ควรได้รับการขูดหินปูนทุกๆ 3-6 เดือน
หากเป็นผู้ป่วยเบาหวานควรควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ดีเพื่อให้การรักษาโรคปริทันต์ดีขึ้น เช่นเดียวกับผู้ที่สูบบุหรี่ ควรลด หรือเลิกการสูบบุหรี่ เพื่อให้การรักษาโรคปริทันต์ดีขึ้น
ป้องกันโรคปริทันต์ โรคปริทันต์อักเสบอย่างไร?
- ควรทำความสะอาดช่องปากด้วยการใช้ไหมขัดฟันและแปรงฟันอย่างวิธี อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เพื่อกำจัดคราบจุลินทรีย์ให้ได้อย่างสม่ำเสมอ
- ไปพบทันตแพทย์ทุก 6 เดือน เพื่อตรวจสุขภาพช่องปาก ขูดหินปูน
- รักษาสุขภาพให้แข็งแรง ด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารรสหวานจัด เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นโรคเบาหวาน รวมทั้งควบคุมโรคเบาหวานให้ดีขึ้น
- ลด หรือเลิกการสูบบุหรี่
- หากมีสัญญาณเหงือกอักเสบ เช่น เหงือกเริ่มบวม มีกลิ่นปาก มีเลือดออกตามไรฟัน ควรรีบไปพบทันตแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาต่อไป
โรคปริทันต์ ปริทันต์อักเสบเป็นโรคในช่องปากที่น่ากลัว เสี่ยงต่อการเหงือกร่น และสูญเสียฟันได้ แม้รักษาให้อาการดีขึ้นได้ แต่ช่องปากของคุณก็อาจไม่สมบูรณ์ดังเดิมอีกต่อไป
ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือ การป้องกันไม่ให้เป็นโรคปริทันต์ ปริทันต์อักเสบ ด้วยการใส่ใจช่องปากให้มาก ทำความสะอาดให้ถูกวิธีและสม่ำเสมอ รวมทั้งไปพบทันตแพทย์ทุกๆ 6 เดือน
หากสนใจเข้ารับการรักษาโรคเหงือก โรคปริทันต์ สามารถ เปรียบเทียบราคาล่าสุดและแพ็กเกจรักษาโรคเหงือก โรคปริทันต์ ที่ตรงใจ คุ้มค่ากับงบประมาณได้ที่นี่เลย หรือที่ไลน์ @hdcoth โดยมีจิ๊บใจดี เสียงใสคอยให้บริการข้อมูล สั่งซื้อแพ็กเกจ และจองคิวนัดหมายทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9 โมงเช้าถึงตีหนึ่ง! แอดเลยไม่ต้องรอ
ที่มาของข้อมูล
โรงพยาบาลทันตกรรม คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร, โรคปริทันต์อักเสบกับโรคหัวใจและหลอดเลือด (http://www.info.dent.nu.ac.th/dentalHospital/index.php/2012-09-18-18-57-27/2-2012-09-27-23-42-04/25-2013-01-05-22-27-52), 2 มิถุนายน 2564.
รศ.ทพ.ยสวิมล คูผาสุข คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, โรคปริทันต์อักเสบ (https://dt.mahidol.ac.th/th/โรคปริทันต์อักเสบ/), 2 มิถุนายน 2564.
Centers for Disease Control and Prevention (CDC), Periodontal Disease (https://www.cdc.gov/oralhealth/conditions/periodontal-disease.html), 2 June 2021.
Jacquelyn Cafasso, Periodontitis (https://www.healthline.com/health/periodontitis), 2 June 2021.
Yvette Brazier, What is periodontitis? (https://www.medicalnewstoday.com/articles/242321), 2 June 2021.