ตารางพลังงานที่ใช้ในการทำกิจกรรมประจำวัน

ร่างกายควรเผาผลาญกี่แคลต่อวัน

ปริมาณแคลอรีที่ร่างกายควรเผาผลาญในแต่ละวันจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับ อายุ เพศ น้ำหนัก ส่วนสูง ระดับการออกกำลังกาย และ อัตราการเผาผลาญพื้นฐาน (Basal Metabolic Rate หรือ BMR) โดยทั่วไปแล้ว ค่า BMR จะบอกถึงพลังงานที่ร่างกายต้องการเพื่อรักษากระบวนการพื้นฐาน เช่น การหายใจ การไหลเวียนโลหิต และการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ในภาวะที่ร่างกายพักผ่อน

หลังจากคำนวณ BMR แล้ว จะต้องนำมาคูณกับ ระดับการทำกิจกรรมประจำวัน (Physical Activity Level หรือ PAL) เพื่อหา พลังงานที่ร่างกายต้องการต่อวัน (Total Daily Energy Expenditure หรือ TDEE) จะได้ ปริมาณแคลอรีที่ควรเผาผลาญในแต่ละวัน

ร่างกายใช้พลังงานกี่แคลต่อวัน (โดยเฉลี่ย)

  • ผู้ชายส่วนใหญ่ อยู่ที่ 2,200-3,000 แคลอรี่ต่อวัน
  • ผู้หญิงส่วนใหญ่ อยู่ที่ 1,800-2,400 แคลอรี่ต่อวัน

แต่ก็ยังมีปัจจัยอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องทำให้จำนวนพลังงานไม่ได้มีค่าตายตัว มันจะแตกต่างออกไปตามแต่ละคน และความเหมาะสมของร่างกายคนนั้นๆ ตารางเผาผลาญแคลอรี่ต่อวัน คิดแยกเป็นชั่วโมง จะช่วยให้ประมาณค่าพลังงานที่ต้องใช้ได้ดีขึ้น

ตารางเผาผลาญแคลอรี่ต่อชั่วโมง

หมายเหตุ: ปริมาณแคลอรี่ที่ใช้ต่อชั่วโมงของแต่ละบุคคลอาจไม่เท่ากัน ค่าในตารางนี้คือค่าเฉลี่ยของคนปกติ โดยทั่วไปคนที่มีน้ำหนักตัวมากเมื่อทำกิจกรรมต่างๆ จะใช้พลังงานเผาผลาญสูงกว่าคนน้ำหนักเบา

ร่างกายใช้พลังงานแตกต่างกันอย่างไร

กิจกรรมแต่ละอย่าง จะใช้หลังงาน (แคลอรี่) แตกต่างกัน ซึ่งกิจกรรมใดที่มีการออกกำลังมากๆ ก็จะใช้พลังงานสูง โดยกิจกรรมที่ใช้พลังงานน้อยที่สุดคือ “การนอนหลับ”
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยในการกำหนดการใช้พลังงานอีก 7 อย่างคือ

  1. น้ำหนักแต่ละบุคคล: โดยผู้ที่มีน้ำหนักกายมาก จะใช้พลังงานในการดำเนินกิจกรรมมากกว่าคนน้ำหนักน้อยเนื่องจากต้องแบกรับความหืดของร่างกายมากกว่า
  2. เพศหญิงและชาย: เพศชายเมื่อทำกิจกรรมเดียวกันน้ำหนักตัวเท่ากัน จะใช้พลังงานมากกว่าเพศหญิงประมาณ 8-15 % ขึ้นอยู่กับการสรีระเพศของแต่ละกิจกรรม
  3. ความหนักเบา: การทำกิจกรรมต่างๆ ถึงแม้จะเป็นค่าวัดพลังงานของแคลอรี่ใน 1 ชั่วโมงแต่ก็ยังมีปัจจัยของความหนัก-เบา ในการทำกิจกรรมนั้นเป็นองค์ประกอบ
  4. การตั้งครรภ์และการให้นมบุตร: ช่วงที่มีการเจริญเติบโตของรกและทารกในครรภ์ คุณแม่จำเป็นจะต้องใช้พลังงานโดยเฉพาะช่วงไตรมาสที่ 2 และ 3 ของการตั้งครรภ์ เนื่องจากเป็นช่วงที่ทารกเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว การสร้างน้ำนมของแม่ก็จำเป็นต้องใช้พลังงานเช่นกัน ดังนั้นคุณแม่จะต้องได้รับพลังงานอย่างเพียงพอในช่วงนี้
  5. อาหาร: เมื่อเรารับประทานอาหารเข้าไป ร่างกายจะเกิดกระบวนการย่อยอาหารที่ซับซ้อน ซึ่งกระบวนการนี้จำเป็นต้องใช้พลังงาน มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณอาหารและชนิดของอาหารที่รับประทานเข้าไป ปัจจุบันมีอาหารกลุ่มที่เรียกว่า Thermic effect food คืออาหารที่ใช้พลังงามากขึ้นในการย่อยอาหาร
  6. การมีประจำเดือน: พบว่าเพศหญิงจะมีการใช้พลังงานมากขึ้นในช่วง luteal phase หรือช่วงหลังตกไข่จนกระทั่งมีประจำเดือน
  7. อายุ: วัยผู้ใหญ่จะมีการใช้พลังงานมากกว่าวัยเด็ก และเริ่มต้องการพลังงานลดลงเมื่ออายุ 40 ปีในเพศชาย และ หลังหมดประจำเดือนในเพศหญิง

ตารางข้อมูล


ที่มาของข้อมูล

Scroll to Top