![](https://static.hd.co.th/system/redactor2_assets/images/6673/content_physical-therapy-office-syndrome__1_.jpg)
HDmall สรุปให้!
ปิด
ปิด
- ออฟฟิศซินโดรม (Office syndrome) เป็นกลุ่มอาการหลายๆ อย่างที่เกิดจากการใช้ชีวิตประจำวันไม่เหมาะสม เช่น ปวดไหล่ คอ หลัง และเข่า จากการนั่งทำงานผิดท่านานๆ ปวดศีรษะ จากการนั่งจ้องจอคอมนาน
- กายภาพบำบัด ออฟฟิศซินโดรม เป็นการรักษาด้วยการยืดเหยียดกล้ามเนื้อ ออกกำลัง ใช้อุปกรณ์เสริม เพื่อบรรเทาอาการปวดเรื้อรัง เคลื่อนไหวร่างกายได้ดีขึ้น รวมถึงให้คำแนะนำที่เหมาะสม
- โปรแกรมกายภาพบำบัด อาจประกอบไปด้วย ออกกำลังกาย การใช้อัลตราซาวด์ทำความร้อนกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด การใช้เลเซอร์ระงับอาการปวด การใช้คลื่นกระแทก และการบำบัดด้วยไฟฟ้าระงับอาการปวด
สามารถดูแพ็กเกจกายภาพบำบัดออฟฟิศซินโดรมได้ที่ HDmall.co.th ศูนย์รวมบริการสุขภาพ ทำฟัน และความงามที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
พนักงานออฟฟิศ หรือคนทำงานหน้าคอมเป็นเวลานานหลายคนอาจสังเกตว่า ตนเองเริ่มมีอาการเมื่อยล้า ปวดเรื้อรังตามจุดต่างๆ แม้จะนอนพักผ่อนเต็มที่แล้วก็ยังไม่หายสนิท จนบางครั้งกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การออกกำลังกาย การนอนหลับ สิ่งเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณว่าคุณกำลังประสบกับ “ออฟฟิศซินโดรม”
ในบทความนี้จะพูดถึงทั้งสาเหตุ และแนวทางรักษาออฟฟิศซินโดรมด้วยกายภาพบำบัด เพื่อป้องกันไม่ให้อาการของคุณเป็นมากขึ้นจนอาจถึงขั้นต้องผ่าตัด
อาการของออฟฟิศซินโดรม?
ออฟฟิศซินโดรม (Office syndrome) ไม่ใช่คำเรียกของโรค แต่เป็นกลุ่มอาการหลายๆ อย่างที่เกิดจากการใช้ชีวิตประจำวันไม่เหมาะสม เช่น นั่งทำงานผิดท่า ใช้สายตามองจอคอมพิวเตอร์มากเกินไป
เมื่อใช้ชีวิตประจำวันไม่เหมาะสมเป็นเวลานาน อาจทำให้กล้ามเนื้อหดตัวหรือฉีกขาด เกิดเป็นอาการปวดหัวไหล่ คอ หลัง รวมถึงดวงตาด้วย ซึ่งอาการเหล่านี้มักพบบ่อยในผู้ที่ทำงานออฟฟิศ จึงเรียกว่ากลุ่มอาการออฟฟิศซินโดรม
อาการของออฟฟิศซินโดรมที่พบบ่อย อาจมีดังนี้
- ปวดกล้ามเนื้อไหล่ คอ หลัง และเข่า จากการนั่งทำงานผิดท่านานๆ
- ปวดศีรษะ หรือเวียนศีรษะ จากการนั่งจ้องจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน
- ปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง หรือเอ็นอักเสบ จากการปล่อยปะละเลยท่าทำงานที่ไม่เหมาะสม
- ปวด หรือชาตามนิ้วมือ แขน และเท้า อาจเกิดจากการที่กล้ามเนื้อในการกดคลิกเมาส์ซ้ำๆ หรือนั่งไขวห้างนานๆ
- ตาแห้ง หรือปวดรอบดวงตา จากการนั่งจ้องจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน
- อาจมีความรู้สึกซึมเศร้า หรือนอนไม่หลับ จากอาการปวดต่างๆ ที่เกิดขึ้น ร่วมกับความเครียด
- อ่อนเพลีย อาจเกิดจากการพักผ่อนที่ไม่เต็มที่ เช่น ผลจากการนอนไม่หลับ
อาการของออฟฟิศซินโดรมในระยะแรกอาจเป็นเพียงเล็กน้อย และค่อยๆ หายไปเมื่อพักผ่อนเต็มที่ แต่หากไม่มีการรักษา หรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรม อาการอาจรุนแรงขึ้นจนรบกวนการใช้ชีวิต
กายภาพบำบัด ออฟฟิศซินโดรม คืออะไร?
กายภาพบำบัด ออฟฟิศซินโดรม (Physical therapy) เป็นการรักษาทางเลือกสำหรับผู้ที่มีกลุ่มอาการอออฟฟิศซินโดรม ด้วยการยืดเหยียดกล้ามเนื้อ ออกกำลัง ใช้อุปกรณ์เสริม เพื่อบรรเทาอาการปวดเรื้อรัง ช่วยให้เคลื่อนไหวร่างกายได้ดีขึ้น รวมถึงให้คำแนะนำในการใช้ชีวิตประจำวันที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำ
นักกายภาพบำบัด (Physical therapists) จะเป็นผู้วางแผนการทำกายภาพบำบัดให้เหมาะกับอาการของแต่ละคน โดยในแผนอาจต้องไปทำหลายครั้ง และอาจมีการออกกำลังกายเพิ่มเติมที่บ้านเพื่อผลลัพธ์ที่ดีด้วย
นอกจากนักกายภาพบำบัดจะออกแบบการรักษาเพื่อบรรเทาอาการปวดแล้ว ยังพยายามให้คำแนะนำเพื่อแก้ไขที่ต้นเหตุด้วย ดังนั้นจึงควรจดรายการปวดตำแหน่งต่างๆ รวมถึงแจ้งการใช้ชีวิตประจำวันให้นักกายภาพบำบัดทราบด้วย
ควรไปกายภาพบำบัดออฟฟิศซินโดรมเมื่อไร?
อาการของออฟฟิศซินโดรมอาจแบ่งได้หลักๆ 3 ระยะ ดังนี้
- ระยะแรก คือเริ่มมีอาการปวดระหว่างทำงาน แต่จะค่อยๆ หายไปเมื่อพักผ่อน หรือนอนหลับเต็มที่ โดยระยะนี้ความปวดอาจยังไม่ได้รบกวนชีวิตประจำวันมากนัก
- ระยะสอง คือเริ่มรู้สึกปวดเมื่อทำกิจกรรมต่างๆ และไม่หายดีแม้จะพักผ่อนเต็มที่แล้วก็ตาม อาจมีอาการบวม อ่อนแรง หรือชาเกิดขึ้นตามส่วนต่างๆ ด้วย
- ระยะสาม คืออาการปวดรบกวนการพักผ่อน และการนอนหลับ ประสิทธิภาพการทำงานลดลง อาการอาจคงอยู่นาน และต้องการการรักษา
หากอาการอยู่ในระยะแรก อาจยังสามารถบรรเทาอาการด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันได้ แต่หากอาการอยู่ในระยะที่ 2-3 ควรมาปรึกษานักกายภาพบำบัด ร่วมกับการปรับเปลียนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน
กายภาพบำบัด ออฟฟิศซินโดรม ช่วยอะไร?
การทำกายภาพบำบัดขึ้นอยู่กับเหตุผลในการใช้รักษา โดยทั่วไปแล้วประโยชน์ของการทำกายภาพบำบัดออฟฟิศซินโดรม อาจมีดังนี้
- ช่วยควบคุม หรือบรรเทาอาการปวด
- อาจมีส่วนช่วยป้องกันไม่ให้ปัญหาสุขภาพลุกลามบานปลายจนถึงขั้นผ่าตัด
- เพิ่มความยืดหยุ่นให้กล้ามเนื้อ เคลื่อนไหวได้ดีขึ้น
- ฟื้นฟูร่างกายจากอาการบาดเจ็บ
- เป็นแนวทางช่วยให้ผู้ที่เล่นกีฬา หรือผู้ที่ออกกำลังกาย พัฒนาศักยภาพของกล้ามเนื้อได้ดีขึ้น
นอกจากนี้ นักกายภาพบำบัดยังสามารถให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับประวัติการรักษาของแต่ละคนอีกด้วย
กายภาพบำบัด ออฟฟิศซินโดรม ทำอย่างไร?
แผนการกายภาพบำบัดของแต่ละคนอาจมีความแตกต่างกันออกไป โดยนักกายภาพบำบัดอาจใช้วิธีต่อไปนี้ประกอบในแผนการรักษา
1. ออกกำลังกาย
การออกกำลังกายแบบแรงกระแทกต่ำ (Low-impact aerobic training) การออกกำลังกายรูปแบบนี้จะเน้นกระตุ้นอัตราการเต้นของหัวใจ ขยับข้อต่อต่างๆ แต่ไม่เน้นออกกำลังกายหนัก เช่น การเดินเร็ว การใช้ยางยืดออกกำลังกาย (Resistance bands)
อีกรูปแบบที่อาจพบคือ การออกกำลังกายเพื่อลดอาการปวด (Pain relief exercises) เป็นการออกกำลังกายที่เน้นเคลื่อนไหวส่วนที่ปวด อาจช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรง และยืดหยุ่นขึ้น อาจทำโดยขยับยืดเหยียดกล้ามเนื้ออย่างอ่อนโยน โดยนักกายภาพบำบัดจะคอยดูแลไม่ให้คุณยืดกล้ามเนื้อเกินกว่าขีดจำกัดที่ทำไหว
2. กายภาพบำบัด ออฟฟิศซินโดรม ด้วยอัลตราซาวด์
กายภาพบำบัด ด้วยอัลตราซาวด์ (Ultrasound therapy) มักใช้เพื่อรักษาอาการปวดเรื้อรัง และกระตุ้นการฟื้นฟูของกล้ามเนื้อ
โดยนักกายภาพบำบัดอาจใช้อัลตราซาวด์ทำความร้อนลึกในเนื้อเยื่อ (Deep heating) ช่วยให้เลือดเข้าไปเลี้ยงเนื้อเยื่อบริเวณนั้นมากขึ้น อาจช่วยลดอาการปวดและกระตุ้นให้เนื้อเยื่อฟื้นตัวดีขึ้น
3. กายภาพบำบัดออฟฟิศซินโดรม ด้วยเลเซอร์
กายภาพบำบัด ด้วยเลเซอร์ (Laser) แบบพลังงานต่ำ (Low intensity) ที่มีพลังงานน้อยกว่า 35-45 จูลต่อตารางเซนติเมตร
เลเซอร์มีส่วนช่วยในการเปลี่ยนแปลงการนำกระแสประสาท และการงอกของเส้นประสาท ทำให้หลอดเลือดขยายตัว ลดอาการปวด เหมาะกับผู้ที่มีเส้นเอ็นอักเสบ ข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
4. กายภาพบำบัดด้วยคลื่นกระแทก
กายภาพบำบัดด้วยการคลื่นกระแทก (Shock wave therapy) เป็นการใช้คลื่นสั่นสะเทือน (Acoustic wave) พลังงานสูงเข้าไปยังจุดที่มีอาการปวดเรื้อรัง รวมถึงโรคระบบกระดูก และกล้ามเนื้อ
แบ่งย่อยได้เป็น 2 ประเภทหลักๆ ดังนี้
- Extracorporeal shockwave therapy (ESWT) เป็นคลื่นพลังงานสูง สามารถผ่านเข้าไปในเนื้อเยื่อได้ลึกกว่า และมีความกระจายของคลื่นน้อยกว่า
- Radial shockwave therapy (RSWT) เป็นคลื่นพลังงานที่มีความแผ่กระจายในเนื้อเยื่อมากกว่าแบบ ESWT จึงเหมาะกับการใช้งานบริเวณที่ตื้นกว่า
แต่การรักษาด้วยคลื่นกระแทกนี้อาจมีผลข้างเคียงทำให้ปวดมากขึ้นเล็กน้อยขณะรักษา แต่สามารถประคบเย็นเพื่อบรรเทาอาการได้
อาจต้องรักษา 3-5 ครั้ง แต่ละครั้งห่างกัน 3-10 วัน ขึ้นอยู่กับอาการของผู้รับบริการ และการตอบสนองของกล้ามเนื้อ
5. การกายภาพบำบัดด้วยไฟฟ้า
การบำบัดด้วยไฟฟ้า (Electrotherapy) เป็นการใช้กระแสไฟฟ้าลดความปวดกล้ามเนื้อลง มีด้วยกัน 2 วิธีหลักๆ คือ
- Conventional TENS เป็นการใช้คลื่นไฟฟ้าความถี่สูง 80-125 เฮิรตซ์ เข้าไปยับยั้งการส่งสัญญาณความรู้สึกเจ็บไปสู่สมอง เหมาะสำหรับใช้ระงับอาการปวดชั่วคราว
- Acupuncture like TENS เป็นการใช้คลื่นไฟฟ้าความถี่ต่ำ 4-8 เฮิรตซ์ เข้าไปกระตุ้นการหลั่งสารระงับอาการปวดที่ประสาทส่วนกลาง ผลลัพธ์จะเห็นช้ากว่าแบบแรก แต่ผลระงับปวดจะอยู่ได้นานกว่า หรือประมาณ 6-7 ชั่วโมง
โดยสรุปแล้ว การกายภาพบำบัดออฟฟิศซินโดรม เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มีอาการปวดเรื้อรังจากรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่เหมาะสมเป็นเวลานาน
อย่างไรก็ตาม หากมีอาการปวดเรื้อรัง และสงสัยว่าตนเองอาจกำลังเผชิญกับกลุ่มอาการออฟฟิศซินโดรม สามารถปรึกษานักกายภาพบำบัด หรือดูแพ็กเกจได้ที่ HDmall.co.th ศูนย์รวมบริการสุขภาพ ทำฟัน และความงามที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
บทความที่เกี่ยวข้อง
- กายภาพบำบัดคืออะไร? ช่วยอะไรได้บ้าง?
- กายภาพบำบัดผู้สูงอายุ คืออะไร? ทำอะไรบ้าง?
- กายภาพบำบัดกระดูก และกล้ามเนื้อ ทำอะไรบ้าง?
ที่มาของข้อมูล
ปิด
ปิด
- Med Care Tips, Office Syndrome – Causes, Symptoms, and Treatment, (https://medcaretips.com/office-syndrome/).
- WebMD, Physical Therapy for Chronic Pain: What to Expect, (https://www.webmd.com/pain-management/physical-therapy), 1 December 2020.
- Jacob Clarke, Therapeutic Ultrasound, (https://www.healthline.com/health/therapeutic-ultrasound), 27 November 2018.
- Shockwave Therapy, SHOCKWAVE THERAPY, (https://www.shockwavetherapy.eu/subpage).
- คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, เครื่องมือทางกายภาพบำบัด (Physical modality), (https://w1.med.cmu.ac.th/rehab/images/Study_guide/10_1%20Physical%20modalities_PK.pdf).