ยังไม่พร้อมมีน้อง อยากฉีดยาคุมกำเนิด ต้องทำอย่างไรบ้าง?


การฉีดยาคุมกำเนิด ป้องกันการท้องได้นานไหม

การมีเพศสัมพันธ์อาจเป็นหนึ่งในสิ่งที่ช่วยเติมเต็มรสชาติชีวิตคู่ได้ดี แต่ไม่ใช่ทุกคนที่พร้อมจะมีเพศสัมพันธ์โดยปราศจากการป้องกัน เพราะอาจนำมาซึ่งการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ได้ คู่รักหลายคู่จึงยังเลือกที่จะคุมกำเนิดในระหว่างที่ดำเนินชีวิตอยู่ด้วยกัน จนกว่าจะมีความพร้อมสำหรับการมีบุตร

การ “ฉีดยาคุมกำเนิด” เป็นอีกวิธีคุมกำเนิดที่ได้รับความนิยมอยู่ไม่น้อย แต่เมื่อเทียบกับการกินยาคุมกำเนิดหรือการใส่ถุงยางอนามัย วิธีนี้ก็อาจยังไม่เป็นที่รู้จักในคู่รักบางคู่

ในบทความนี้ HDmall.co.th จึงจะมาเจาะลึกการฉีดยาคุมให้ทุกคนเข้าใจมากขึ้น เพื่อที่อาจจะเป็นอีกทางเลือกในการป้องกันโอกาสตั้งครรภ์ได้อีกรูปแบบหนึ่ง


เลือกหัวข้อที่สนใจเกี่ยวกับการฉีดยาคุมกำเนิดที่นี่

ขยาย

ปิด


ฉีดยาคุมกำเนิดคืออะไร?

การฉีดยาคุมกำเนิด (Injectable Contraceptive) คือ การป้องกันการตั้งครรภ์โดยฉีดยายับยั้งการตกไข่ รวมถึงทำให้ระบบสืบพันธุ์ในร่างกายเพศหญิงเป็นอุปสรรคต่อการเคลื่อนไหวของเชื้ออสุจิฝ่ายชาย ทำให้ยากต่อการเข้าปฏิสนธิกับไข่ได้สำเร็จ

ยาคุมกำเนิดสำหรับฉีดมีกี่แบบ?

ชนิดของยาคุมกำเนิดสำหรับฉีดแบ่งออกได้ 2 ชนิด ได้แก่

  • ยาคุมกำเนิดชนิดประกอบไปด้วยฮอร์โมนโปรเจสตินเพียงอย่างเดียว (Progestin - Only Injectable Contraceptives) ส่วนมากนิยมฉีดที่ผิวชั้นกล้ามเนื้อบริเวณต้นแขน สะโพก หน้าท้อง ต้นขา มีทั้งแบบฉีดทุก 2 เดือน (ทุก 8 สัปดาห์) และฉีดทุก 3 เดือน (ทุก 12 สัปดาห์) จุดเด่นของยาคุมชนิดนี้ คือ มีระยะเวลาออกฤทธิ์นาน ไม่ต้องกลับมาฉีดบ่อย แต่ก็มีจุดด้อยคือมักจะทำให้ประจำเดือนมาผิดปกติ มาน้อย หรืออาจขาดหายไปเลยเป็นระยะเวลาหนึ่ง และอาจทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการตั้งครรภ์โดยไม่รู้ตัวได้
  • ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม (Combined Injectable Contraceptives) ในตัวยาจะประกอบไปด้วยสารฮอร์โมนกลุ่มเอสโตรเจน (Estrogen) กับสารฮอร์โมนกลุ่มโปรเจสติน ความถี่ในการฉีดจะอยู่ที่ทุกๆ 1 เดือน ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมมีจุดเด่นตรงที่ไม่กระทบต่อการมาของประจำเดือน จึงช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ลงไปได้ แต่ก็มีจุดด้อยตรงที่ต้องมาฉีดที่สถานพยาบาลอยู่เรื่อยๆ ทุก 1 เดือนจนกว่าจะเลิกคุมกำเนิด

ปัจจุบันมีหน่วยงานหลายแห่งลองผลิตยารูปแบบฉีดด้วยตัวเองออกมาจำหน่าย แต่ก็ยังคงมีการแนะนำให้ผู้ที่ต้องการคุมกำเนิดเดินทางมาฉีดยาคุมกับเจ้าหน้าที่ที่สถานพยาบาลจึงจะปลอดภัยที่สุด

ฉีดยาคุมกำเนิดราคาประหยัด

ยาฉีดสำหรับคุมกำเนิดทำงานอย่างไร?

หลังจากฉีดยาคุมกำเนิดเข้าสู่กระแสเลือดแล้ว ตัวยาซึ่งประกอบไปด้วยสารฮอร์โมนสำคัญจะเข้าไปปรับสภาพอวัยวะสืบพันธุ์ที่เอื้ออำนวยต่อการตั้งครรภ์ ทำให้ยากต่อการปฏิสนธิระหว่างเชื้ออสุจิกับไข่

โดยการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นโดยหลักๆ หลังจากฉีดยาคุม จะได้แก่

  • เพิ่มระดับการบีบตัวของท่อนำไข่และตัวมดลูก
  • ทำให้สภาพโพรงมดลูกไม่พร้อมต่อการฝังตัวของตัวอ่อน หากเกิดการปฏิสนธิสำเร็จ
  • ขัดขวางการเคลื่อนตัวของเชื้ออสุจิที่จะวิ่งไปผสมกับไข่ ผ่านการปรับความเหนียวข้นในสารมูก ซึ่งเป็นของเหลวที่ปากมดลูกให้ข้นหนืดขึ้น และทำให้เชื้ออสุจิวิ่งผ่านไปไม่ได้
  • ลดระดับการทำงานและจำนวนต่อมผลิตสารคัดหลั่งในเยื่อบุโพรงมดลูก
  • ทำให้ถุงน้ำคอร์ปัส ลูเทียม (Corpus Luteum) ซึ่งทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนให้พร้อมต่อการตั้งครรภ์ทำงานลดลง ทำให้มดลูกไม่พร้อมต่อการฝังตัวและเกิดการตั้งครรภ์ได้สำเร็จ

ข้อดีของการฉีดยาคุมกำเนิด

หากคุณกำลังเปรียบเทียบการฉีดยาคุมกำเนิดกับวิธีคุมกำเนิดวิธีอื่น การฉีดยาคุมกำเนิดมีข้อดีที่น่าสนใจดังต่อไปนี้

  • มีโอกาสตั้งครรภ์ต่ำมาก โดยมีความเสี่ยงที่จะคุมกำเนิดพลาดเพียง 0.2-0.3% เท่านั้น
  • ไม่ต้องมาฉีดบ่อย ต่างกับวิธีกินยาคุมกำเนิดที่ต้องกินทุกวันไม่ให้ขาด
  • ใช้ได้แพร่หลายกับผู้หญิงแทบทุกคน มีข้อจำกัดค่อนข้างน้อย หญิงที่กำลังให้นมบุตรก็สามารถฉีดยาคุมกำเนิดได้เช่นกัน โดยตัวยาจะไม่รบกวนส่วนประกอบในน้ำนมแต่อย่างใด
  • สามารถเผื่อเวลาในการฉีดออกไปได้ กรณีที่ไม่สะดวกไปฉีดตามนัดในทันที เพราะยาจะมีระยะเวลาในการออกฤทธิ์เหลื่อมกับการฉีดครั้งถัดไปประมาณ 2 สัปดาห์ เช่น ยาคุมแบบฉีดทุกๆ 8 สัปดาห์ แต่จริงๆ แล้วตัวยาจะออกฤทธิ์นาน 10 สัปดาห์ ซึ่งจะยังพอยืดระยะเวลาในการฉีดครั้งถัดไปออกไปได้อีก
  • ลดโอกาสเกิดโรคประจำตัวหรืออาการผิดปกติร้ายแรง เช่น โรคหลอดเลือดสมอง ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน โรคมะเร็งรังไข่ โรคมะเร็งในเยื่อบุมดลูก ภาวะอักเสบในอุ้งเชิงกราน
  • บรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือนได้ เพราะยาคุมกำเนิดแบบฉีดบางชนิดจะทำให้ประจำเดือนไม่มาในช่วงเวลาหนึ่ง

ข้อเสียของการฉีดยาคุมกำเนิด

ถึงแม้ยาคุมกำเนิดแบบฉีดจะขึ้นชื่อเรื่องความสะดวกสบาย แต่ก็ยังมีข้อเสียหลายประการที่คุณจำเป็นต้องรู้ เพื่อเปรียบเทียบความคุ้มค่าและความเหมาะสมในการไปใช้บริการ

  • ทำให้ฮอร์โมนแปรปรวนจนเกิดอาการแสดงที่ไม่พึงประสงค์ เช่น รอยฝ้าบนผิวหน้า เป็นสิว ปวดศีรษะ ตึงคัดเต้านม อารมณ์แปรปรวน อารมณ์ทางเพศลดลง มวลกระดูกหนาแน่นน้อยลง น้ำหนักตัวเพิ่ม แต่อาการเหล่านี้มักจะบรรเทาลงเอง เมื่อคุณหยุดฉีดยาคุมกำเนิด
  • รู้สึกเจ็บ เพราะเป็นการคุมกำเนิดผ่านการฉีดยาเข้าหลอดเลือด
  • ยังทำให้กังวลต่อการตั้งครรภ์ได้อยู่ เพราะฤทธิ์ยาจะทำให้ประจำเดือนมาผิดปกติ จึงอาจเกิดความรู้สึกหวาดระแวงได้บ้าง หรือต้องตรวจการตั้งครรภ์เพื่อความมั่นใจ
  • อาจทำให้ลืมนัดได้ เพราะระยะเวลาในการนัดฉีดยาคุมกำเนิดโดยปกติจะอยู่ที่ 1-2 เดือนขึ้นไป หากไม่มีการบันทึกหรือแจ้งเตือนนัดหมายล่วงหน้า ก็จะทำให้ลืมไปฉีดและมีโอกาสตั้งครรภ์ได้
  • ยาออกฤทธิ์ค่อนข้างนาน ผู้ที่เปลี่ยนใจอยากมีลูกขึ้นหลังฉีดยาคุมไปแล้วอาจต้องรอนานถึง 1 ปีจนกว่าร่างกายจะกลับมาพร้อมต่อการตั้งครรภ์ได้อีกครั้ง รวมถึงต้องอดทนต่ออาการไม่พึงประสงค์เป็นระยะเวลานาน ซึ่งอาจทำให้รู้สึกอัดอัดใจในระหว่างที่รอให้ยาหมดฤทธิ์ได้
  • ไม่ลดโอกาสเกิดโรคติดต่อทางเพสสัมพันธ์ได้ หากคุณมีพฤติกรรมเปลี่ยนคู่นอนบ่อย หรือใช้บริการกับผู้ให้บริการทางเพศ ก็จำเป็นต้องใช้ถุงยางอนามัยอยู่

ใครเหมาะต่อการฉีดยาคุมกำเนิด

การฉีดยาคุมกำเนิดเหมาะกับผู้หญิงแทบทุกคนที่ต้องการคุมกำเนิด แต่จะมีความพิเศษที่เหมาะสมยิ่งกว่าในกลุ่มผู้หญิงดังต่อไปนี้

  • ผู้หญิงที่มีบุตรแล้วและต้องการคุมกำเนิด เนื่องจากหากต้องการมีบุตรหลังฉีด อาจต้องรอนานเป็นหลักปีจึงจะกลับมาตั้งครรภ์ได้อีกครั้ง
  • ผู้หญิงที่ไม่สะดวก หรือมีโอกาสลืมกินกินยาคุมแบบเม็ด หรือลืมการคุมกำเนิดแบบอื่นๆ ก่อนมีเพศสัมพันธ์
  • ผู้หญิงที่ต้องการคุมกำเนิดแบบระยะยาว
  • ผู้หญิงที่ไม่ต้องการให้ยาคุมกำเนิดมีกระทบต่อการมีเพศสัมพันธ์
  • ในกรณีที่เพิ่งแท้งบุตร และต้องการฉีดยาคุมกำเนิด สามารถฉีดได้ภายใน 5 วันหลังแท้ง

ใครไม่เหมาะต่อการฉีดยาคุมกำเนิด

เงื่อนไขการฉีดยาคุมกำเนิดอาจไม่เหมาะต่อกลุ่มผู้เข้ารับบริการบางท่าน รวมถึงผู้ทีมีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น

  • หญิงตั้งครรภ์ หรือที่มีความเสี่ยงจะเกิดการตั้งครรภ์ ต้องตรวจครรภ์ในแน่ใจก่อนฉีดยา
  • ผู้ที่มีภาวะเลือดออกทางช่องคลอด หรือทางเดินปัสสาวะ
  • ผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านม
  • ผู้ป่วยโรคตับ
  • ผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับลิ่มเลือด โรคเกี่ยวกับระบบไหลเวียนเลือด
  • ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง
  • ผู้ที่กลัวหรือไม่ชอบการใช้เข็มฉีดยา อาจรู้สึกไม่สบายใจในการไปใช้บริการได้

หากคุณคือกลุ่มผู้ที่เคยหรือกำลังเผชิญโรคเหล่านี้ ให้แจ้งประวัติด้านสุขภาพและปรึกษากับแพทย์โดยตรงก่อนตัดสินใจรับบริการ มิฉะนั้นฤทธิ์ของยาอาจไปกระตุ้นอาการของโรคให้รุนแรงกว่าเดิมได้

การเตรียมตัวก่อนฉีดยาคุมกำเนิด

เพื่อให้ยาคุมกำเนิดออกฤทธิ์ได้สูงสุดและไม่กระทบต่อสุขภาพ คุณควรตรวจเช็กร่างกายให้พร้อมเสียก่อน

  • ตรวจครรภ์ให้แน่ใจเสียก่อน เพื่อความมั่นใจว่า ไม่ได้ตั้งครรภ์ก่อนฉีดยาคุมกำเนิด
  • ตรวจเช็กรอบประจำเดือน เพราะวันที่เหมาะสมที่สุดในการฉีดยาคุมกำเนิด คือ 5 วันแรกของการมีประจำเดือน
  • หากต้องการฉีดยาคุมกำเนิดนอกเหนือจากวันที่ 1-5 ของการมีประจำเดือน ให้งดมีเพศสัมพันธ์ 7 วันแรกก่อนฉีดยาคุม หรือหากต้องการมีเพศสัมพันธ์จริงๆ ให้คุมกำเนิดวิธีอื่นร่วมด้วย เช่น สวมถุงยางอนามัย
  • ในกรณีที่กำลังจะคลอดบุตรในไม่ช้า สามารถฉีดยาคุมกำเนิดได้ทันทีหรือภายใน 21 วันหลังคลอดบุตร โดยอาจประสานงานกับแพทย์หรือโรงพยาบาลไว้ล่วงหน้าก่อน
  • ตรวจสุขภาพเพื่อหาความเสี่ยงโรคประจำตัวอื่นๆ ที่คุณอาจไม่รู้เสียก่อน
  • ปรึกษาแพทย์เพิ่มเติมเกี่ยวกับการงดยาประจำตัว วิตามินเสริม สมุนไพรเสริมสุขภาพ รวมถึงแจ้งประวัติด้านสุขภาพอย่างละเอียดก่อนฉีดยาด้วย

ขั้นตอนการฉีดยาคุมกำเนิด

ขั้นตอนการฉีดยาคุมกำเนิดไม่มีอะไรซับซ้อน และแทบไม่ต่างจากการฉีดวัคซีนทั่วไป โดยแพทย์จะทำความสะอาดผิวบริเวณที่ฉีด จากนั้นก็จะใช้เข็มบรรจุยาคุมกำเนิดฉีดลงไปที่กล้ามเนื้อ ซึ่งอาจเป็นบริเวณต้นแขน หน้าท้อง ต้นขา หรือสะโพก ขึ้นอยู่กับการประเมินความเหมาะสมของแพทย์ผู้ฉีดอีกครั้ง

ข้อควรปฏิบัติหลังฉีดยาคุมกำเนิด

ถึงแม้ฉีดยาคุมกำเนิดไปแล้ว แต่ก็ยังต้องมีข้อปฏิบัติบางอย่างที่คุณควรทำตาม เพื่อลดโอกาสการตั้งครรภ์ที่ยังมีอยู่เล็กน้อย

  • 7 วันแรกหลังฉีดยาคุมกำเนิด ควรงดมีเพศสัมพันธ์ไปก่อน หรือมีเพศสัมพันธ์โดยยังมีการป้องกันวิธีอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น การสวมถุงยางอนามัย
  • งดการนวด กด คลึงผิวบริเวณที่ฉีดยาคุมกำเนิด เพราะจะไปกระตุ้นทำให้ยาดูดซึมเร็วเกินไป และหมดฤทธิ์เร็วเกินกว่าที่วางแผนเอาไว้ได้
  • บันทึกและเตรียมแจ้งเตือนนัดฉีดยาคุมกำเนิดครั้งต่อไปให้รอบคอบ โดยอาจบันทึกไว้ทั้งในโทรศัพท์มือถือและบนปฏิธิน

ผลข้างเคียงของการฉีดยาคุมกำเนิด ที่อาจเกิดขึ้นได้

การฉีดยาคุมกำเนิดแบบ 1 เดือน หรือ 3 เดือน นอกจากอาการไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น การเกิดฝ้าหนาบนผิว เป็นสิว อารมณ์แปรปรวน น้ำหนักตัวเพิ่ม ตึงคัดเต้านม ผู้ที่ฉีดยาคุมกำเนิดยังอาจเผชิญอาการข้างเคียงอื่นๆ จากการใช้ยาได้อีก เช่น

  • ปวดท้อง
  • เวียนศีรษะ
  • รู้สึกวิตกกัวล ซึมเศร้า
  • ผมร่วง หรืออาจเกิดปัญหาขนขึ้นมากผิดปกติ
  • อ่อนเพลียง่าย
  • ไม่ค่อยมีแรง
  • อยากอาหารมากขึ้น

อาการเหล่านี้เป็นอาการที่เกิดขึ้นได้ในระหว่างที่ใช้ยาซึ่งมีผลต่อฮอร์โมนในร่างกาย แต่หากรู้สึกไม่สบายใจ หรืออาการรุนแรงจนกระทบการใช้ชีวิตประจำวัน ให้กลับไปพบแพทย์เพื่อขอคำปรึกษา

หากหยุดฉีดยาคุมกำเนิดจะตั้งครรภ์ได้เลยไหม?

ในกรณีใช้ยาคุมกำเนิดแบบฉีดซ้ำทุก 2 เดือน ระยะเวลาในการกลับมาตั้งครรภ์ก็มักจะเทียบเท่ากับการหยุดยาคุมแบบกิน ซึ่งจะอยู่ที่ประมาณ 3-4 เดือนหลังหยุดยา

แต่ในกรณีของยาคุมกำเนิดแบบฉีดทุก 3 เดือน เมื่อคุณหยุดฉีดยา คุณจะสามารถกลับมาตั้งครรภ์ได้อีกครั้งในอีก 6-12 เดือนหลังหยุดยา หรืออาจนานกว่านั้น ขึ้นอยู่กับการตองสนองของร่างกายที่มีต่อสารยา

ฉีดยาคุมกำเนิดต่อเนื่องนานๆ ได้ไหม?

คุณสามารถใช้ยาคุมกำเนิดแบบฉีดในระยะยาวได้ แต่ก็ควรตรวจเช็กประสิทธิภาพของร่างกายที่ตอบสนองต่อฤทธิ์ยาทุกๆ 2 ปี เพื่อให้แน่ใจถึงคุณภาพของยาที่ยังเข้าไปป้องกันโอกาสเกิดการตั้งครรภ์ได้ดีอยู่ รวมถึงตรวจเช็กโอกาสเกิดอาการไม่พึงประสงค์อื่นๆ ที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในภายหลัง

เช็กราคาฉีดยาคุมกำเนิด

เช็กราคาแพ็กเกจฉีดยาคุมกำเนิดในราคาส่วนลด พร้อมมีโปรโมชั่นโดนใจผ่านทางเว็บไซต์​ HDmall.co.th อย่าปล่อยให้ตัวคุณต้องอยู่กับความวิตกกังวลในการตั้งครรภ์โดยที่ไม่พร้อม และรับบริการทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐานเพื่อโอกาสตั้งครรภ์ที่น้อยที่สุด

หรือหากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับแพ็กเกจ สามารถสอบถามได้ผ่านทางไลน์ @hdcoth


บทความที่เกี่ยวข้อง


ที่มาของข้อมูล

ขยาย

ปิด

  • WebMD, Depo-Provera (Birth Control Shot) (https://www.webmd.com/sex/birth-control/birth-control-depo-provera), 13 March 2022.
  • คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, ยาคุมกำเนิดชนิดฉีด (https://pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/528/ยาคุมกำเนิดชนิดฉีด/), 13 มีนาคม 2565.
  • อินทัชเมดิแคร์, วิธีปฏิบัติตัวหลังการฉีดยาคุมกำเนิด (https://www.intouchmedicare.com/วิธีการปฏิบัติตัวหลังการฉีดยาคุมกำเนิด), 13 มีนาคม 2565.
@‌hdcoth line chat