โรคภูมิแพ้ (Allergy) หมายถึงโรคที่เกิดจากร่างกายมีปฏิกิริยาต่อสารก่อภูมิแพ้ (Allergan) จนทำให้ระบบการทำงานภายในเกิดความผิดปกติขึ้น โดยสารก่อภูมิแพ้สามารถพบได้รอบตัว ไม่ว่าจะเป็นอาหาร อากาศ อุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงไป สารเคมี ฝุ่น ควัน ขนสัตว์ แมลง ละอองเกสรดอกไม้ หรือพืชบางชนิด
การตรวจภูมิแพ้ เป็นการตรวจหาสารก่อภูมิแพ้สำหรับแต่ละคน รวมถึงวัดระดับความรุนแรงของการแพ้ เพื่อให้สามารถหลีกเลี่ยงสารตัวนั้นได้
การตรวจภูมิแพ้สามารถตรวจได้ด้วยการทดสอบทางผิวหนัง (Allergy skin test) และวิธีเจาะเลือด (Allergy blood test) ซึ่งทั้งสองวิธีต่างก็มีข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกัน
สารบัญ
การตรวจภูมิแพ้ด้วยวิธีสะกิดผิวหนังเป็นอย่างไร?
การตรวจภูมิแพ้ด้วยวิธีนี้เป็นการทดสอบโดยหยดน้ำยาจากสารก่อภูมิแพ้ลงบนผิวหนังและใช้เข็มสะกิดตรงกลางบริเวณที่หยดน้ำยาไว้ให้ หากมีภูมิแพ้ต่อสารนั้นๆ ก็จะเกิดปฏิกิริยา เช่น รอยนูน บวม ผื่นแดงคล้ายยุงกัด สามารถทราบผลได้ภายใน 15-20 นาที โดยชนิดและปริมาณของน้ำยาที่แพทย์เลือกใช้จะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับประวัติ อาการ และอายุของแต่ละคน
สำหรับน้ำยาที่ใช้ทดสอบเป็นสารสกัดจากสารก่อภูมิแพ้ที่นำมาทำให้บริสุทธิ์ เช่น สารสกัดจากไรฝุ่น ขนและรังแคของสัตว์ ซากแมลงในบ้าน หญ้า อาหาร โดยต้องผ่านการผลิตที่มาตรฐาน แยกสารแต่ละชนิดบรรจุในขวดแยกกันชัดเจนเพื่อผลการทดสอบที่เชื่อถือได้
ตรวจภูมิแพ้ด้วยวิธีทดสอบทางผิวหนังกับเด็กได้หรือไม่?
เด็กๆ ก็สามารถตรวจภูมิแพ้ด้วยวิธีทดสอบทางผิวหนังได้ แต่มักทำในเด็กอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป เพราะผิวหนังของเด็กที่อายุน้อยกว่านี้มีความไวมากกว่า อาจส่งผลให้ผลตรวจผิดพลาดได้ ถึงอย่างนั้น หากเด็กอายุไม่ถึง 6 เดือนมีอาการภูมิแพ้ชัดเจนก็สามารถปรึกษาแพทย์ถึงการทดสอบภูมิแพ้ได้เช่นกัน
ขั้นตอนการตรวจ
หลังจากแพทย์สอบถามข้อมูลเบื้องต้น เช่น อาการที่เข้าข่ายภูมิแพ้ ประวัติสุขภาพ โรคประจำตัว และพฤติกรรมการใช้ชีวิต รวมถึงประวัติสุขภาพของคนในครอบครัวแล้ว ขั้นตอนต่อไปของการตรวจภูมิแพ้ด้วยวิธีทดสอบทางผิวหนังซึ่งขึ้นอยู่กับวิธีที่เลือกใช้ มีดังนี้
วิธีสะกิดผิวหนัง
- แพทย์หรือพยาบาลจะทำความสะอาดบริเวณผิวที่จะทดสอบด้วยแอลกอฮอล์
- ใช้ปากกาทำเครื่องหมายบนผิวหนังหรือเขียนข้อมูลกำกับแต่ละจุด เพื่อแสดงว่าใช้สารใดในการทดสอบบ้าง
- หยดน้ำยาสกัดจากสารก่อภูมิแพ้ลงบนผิวหนังบริเวณท้องแขนสำหรับผู้ใหญ่และเด็กโต หรือที่หลังสำหรับเด็กเล็กที่ไม่ค่อยให้ความร่วมมือ
- ใช้เข็มสะกิดตรงกลางบริเวณที่หยดน้ำยา เพื่อเปิดผิวหนังชั้นบนออก
- รอดูอาการแพ้ประมาณ 15-20 นาที
- เมื่อตรวจพบอาการแพ้ แพทย์อาจให้ทดสอบเพิ่มเติมด้วยวิธีฉีดน้ำยาเข้าผิวหนังเพื่อตรวจระดับความรุนแรง
- หากยังมีผื่นแดงหรือตุ่มภายในภายใน 24 ชั่วโมงหลังตรวจ ให้วัดขนาดของผื่นเหล่านั้น บันทึก และแจ้งให้แพทย์ทราบ
การเตรียมตัวก่อนตรวจ
สำหรับผู้ที่กำลังจะเข้าตรวจภูมิแพ้ด้วยการทดสอบทางผิวหนัง ควรเตรียมตัวดังนี้
- แจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับยา อาหารเสริม วิตามิน และสมุนไพรที่กำลังใช้อยู่ เพราะยาบางตัวอาจทำให้ผลการทดสอบคลาดเคลื่อนได้
- แจ้งให้แพทย์ทราบหากมีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง
- งดรับประทานยาแก้แพ้ แก้คัน และยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนเข้ารับการทดสอบ แต่หากจำเป็นต้องใช้ยา สามารถปรึกษาแพทย์ก่อนการทดสอบได้
- งดรับประทานยาแก้หวัด แก้ไอ
- สามารถใช้ยาพ่นต่างๆ เช่น ยาพ่นจมูก ยาพ่นสูด ได้ตามปกติ
- ไม่ต้องงดน้ำและอาหารก่อนตรวจ
- ควรพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ควรป่วยหรือมีไข้
ข้อจำกัด
การตรวจภูมิแพ้ด้วยการทดสอบทางผิวหนังมีข้อจำกัด ดังนี้
- ต้องงดยาแก้แพ้ก่อนตรวจ
- มีโอกาสเกิดการแพ้อย่างรุนแรงระหว่างการทดสอบ
- สารทดสอบภูมิแพ้มีชนิดน้อยกว่าการเจาะเลือด
อาการแบบไหนควรเริ่มตรวจภูมิแพ้?
สารก่อภูมิแพ้ในร่างกายอาจทำให้คุณมีอาการเหล่านี้อยู่เป็นประจำ ได้แก่
- คัดจมูกหรือน้ำมูกไหล
- จาม
- คันจนน้ำตาไหล
- อาการลมพิษ
- ท้องร่วง
- อาเจียน
- หายใจถี่ๆ
- ไอแห้งๆ เรื้อรัง
- หายใจมีเสียงดังวี้ดหรือเสียงผิดปกติ
สำหรับคนที่ไม่สามารถทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนังได้ เช่น เคยมีอาการแพ้รุนแรงมาก่อน มีผื่นมาก หรือมีบริเวณผิวที่ไม่เป็นโรคผิวหนังมากพอจะทดสอบทางผิวหนังได้ แพทย์จะแนะนำให้ตรวจด้วยวิธีเจาะเลือด
ผู้ที่ไม่เหมาะสำหรับการตรวจภูมิแพ้ด้วยวิธีทดสอบทางผิวหนัง
ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถรับการตรวจด้วยวิธีนี้ได้ สำหรับผู้ที่เป็นโรคผิวหนังและมีผื่นในบริเวณที่ใช้ทดสอบ
ผู้ที่เกิดปฏิกิริยาทางผิวหนังได้ง่ายกว่าปกติ หรือมีโอกาสเกิดปฏิกิริยารุนแรงจากสารก่อภูมิแพ้ แพทย์จะพิจารณาให้ใช้วิธีการตรวจเลือดแทน
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
แม้การทดสอบทางผิวหนังจะเป็นการสัมผัสกับสิ่งที่คุณอาจแพ้โดยตรง จนทำให้ระคายเคืองบ้างแต่ก็มีจำนวนน้อยมาก แต่ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันทีหากมีอาการดังนี้
- มีไข้
- วิงเวียนศีรษะ
- มีปัญหาเกี่ยวกับการหายใจ
- ผื่นที่แพร่กระจายมากขึ้น
- อาการบวมบนใบหน้า ริมฝีปาก หรือภายในปาก
- มีปัญหาในการกลืน
ที่มาข้อมูล
- Mayo Clinic, Allergy skin tests (https://www.mayoclinic.org/tests-procedures/allergy-tests/about/pac-20392895)
- Cleveland Clinic, Allergy Skin Test: Purpose, Procedure & Results (https://my.clevelandclinic.org/health/diagnostics/24912-allergy-skin-test)