ถ้าคุณหรือคู่รักอยู่ในภาวะมีบุตรยาก และกำลังมองหาวิธีการรักษาภาวะมีบุตรยาก บทความนี้นำวิธีการตรวจภาวะมีบุตรยากที่เป็นที่นิยมทั้ง 3 แบบ ไม่ว่าจะเป็นการผสมเทียม (IUI) การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) และการทำเด็กหลอดแก้วอิ๊กซี่ (ICSI) มาฝาก เพื่อให้คุณเข้าใจและเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเข้าตรวจร่างกาย
วิธีการตรวจร่างกาย ก่อนทำ IUI, IVF และ ICSI
วิธีการตรวจร่างกายก่อนรักษาภาวะมีบุตรยากทั้ง 3 วิธี ไม่ว่าจะเป็น IUI, IVF และ ICSI มีวิธีและขั้นตอนการตรวจร่างกายเหมือนกัน ดังนี้
สารบัญ
วิธีตรวจร่างกายสำหรับฝ่ายหญิง
ขั้นตอนที่ 1 ตรวจเลือดและโรคต่างๆ
ในขั้นตอนนี้จะเป็นการตรวจร่างกายด้วยการเจาะเลือด โดยผู้รับบริการนั่งบนเก้าอี้หรือนอนบนเตียง จากนั้นเจ้าหน้าที่จะใช้สายรัดเหนือหลอดเลือดบริเวณที่จะเจาะเลือด เพื่อทำให้เห็นเส้นเลือดได้ชัดเจน จากนั้นก็ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อบริเวณผิวหนัง ใช้เข็มเจาะและเก็บตัวอย่างเลือดตามปริมาณต้องการ แล้วนำเข็มออก ปลดสายรัด และปิดแผล โดยส่วนใหญ่จะมีรายการตรวจ ดังนี้
- ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (Complete blood count หรือ CBC)
- ตรวจหมู่เลือด (Blood group and Rh group)
- ตรวจหาเชื้อไวรัสเอชไอวี (Anti-HIV)
- ตรวจเชื้อซิฟิลิส (Venereal Disease Research Laboratory test หรือ VDRL)
- ตรวจไวรัสตับอักเสบ (HBsAg และ Anti HCV)
- ตรวจโรคหัดเยอรมัน (Rubella IgG)
- ตรวจโรคธาลัสซีเมีย (Hemoglobin typing)
ขั้นตอนที่ 2 ตรวจระดับฮอร์โมนในเลือด
ขั้นตอนการตรวจระดับฮอร์โมนในเลือด เป็นวิธีการเจาะเลือดแบบเดียวกับขั้นตอนที่ 1 โดยรายการตรวจมักมีดังนี้
- ระดับฮอร์โมน Estradiol (E2) เป็นฮอร์โมนเพศหญิงที่สำคัญที่สุด หากฮอร์โมนนี้เกิดความผิดปกติ ก็จะส่งผลให้เกิดภาวะมีบุตรยาก
- ระดับฮอร์โมน Follicle Stimulating Hormone (FSH) เป็นฮอร์โมนที่มีผลกระตุ้นการเจริญของไข่
- โปรแลคติน (Prolactin: PRL) เป็นสิ่งที่กระตุ้นต่อมน้ำนมให้สร้างน้ำนม และมีผลต่อการทำงานของรังไข่
- ฮอร์โมนลูทิไนซิง (Luteinizing Hormone: LH) เป็นฮอร์โมนที่ทำหน้าที่กระตุ้นให้ไข่สุกและตก
- ฮอร์โมนแอนตี้มูลเลอเรียน (Anti-Mullerian Hormone: AMH) เป็นฮอร์โมนที่ผลิตจากรังไข่ ซึ่งบ่งบอกความสามารถในการทำงานของรังไข่หรือบอกจำนวนไข่ที่สามารถผลิตได้
ขั้นตอนที่ 3 ตรวจอัลตราซาวด์ทางช่องคลอด
การตรวจอัลตราซาวด์ทางช่องคลอด เป็นการตรวจหาความผิดปกติในถุงน้ำรังไข่ เนื้องอกรังไข่ เนื้องอกในมดลูกหรือเยื่อบุโพรงมดลูก หรือก้อนเนื้อภายในอุ้งเชิงกราน
ในขั้นตอนนี้ แพทย์จะให้ผู้รับบริการนอนลงบนเตียง จากนั้นจะสอดหัวตรวจอัลตราซาวด์เข้าไปทางช่องคลอด
แนะนำว่า ควรรอให้หมดประจำเดือนอย่างน้อย 3 วัน ก่อนมาตรวจ ไม่ควรสวนล้างช่องคลอด หรือใช้ยาเหน็บทางช่องคลอด ภายใน 2 วัน ก่อนเข้ารับการตรวจ และหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ ก่อนเข้ารับการตรวจอย่างน้อย 1 วัน
อยากมีลูก ไม่รู้จะเลือกวิธีไหนดี? อยากปรึกษาคุณหมอเฉพาะทางให้มั่นใจ ปรึกษาแอดมิน หาแพ็กเกจราคาดีใกล้คุณได้ ที่นี่
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับบริการตรวจร่างกายสำหรับฝ่ายหญิง
ก่อนที่จะถึงวันนัดตรวจร่างกาย เพื่อรักษาภาวะมีบุตรยาก ควรเตรียมตัวให้พร้อม ดังนี้
- ไม่ต้องงดเครื่องดื่มและอาหาร
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ประมาณ 6-8 ชั่วโมง
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด ก่อนตรวจสุขภาพอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
- งดการมีเพศสัมพันธ์อย่างน้อย 1 วัน ก่อนตรวจ
- งดสวนล้างช่องคลอด หรือใช้ยาเหน็บทางช่องคลอดอย่างน้อย 2 วัน ก่อนตรวจ
- ควรตรวจหลังประจำเดือนหมดแล้วอย่างน้อย 3 วัน
วิธีตรวจร่างกายสำหรับฝ่ายชาย
ขั้นตอนที่ 1 ตรวจเลือดและโรคต่างๆ
ในขั้นตอนนี้จะเป็นการตรวจร่างกายด้วยการเจาะเลือด โดยผู้รับบริการนั่งบนเก้าอี้หรือนอนบนเตียง จากนั้นเจ้าหน้าที่จะใช้สายรัดเหนือหลอดเลือดบริเวณที่จะเจาะเลือด เพื่อทำให้เห็นเส้นเลือดได้ชัดเจน จากนั้นก็ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อบริเวณผิวหนัง ใช้เข็มเจาะและเก็บตัวอย่างเลือดตามปริมาณต้องการ แล้วนำเข็มออก ปลดสายรัด และปิดแผล โดยมีรายการตรวจเช่นเดียวกันกับฝ่ายหญิง
ขั้นตอนที่ 2 ตรวจคุณภาพน้ำเชื้อ
ขั้นตอนนี้เป็นการตรวจคุณภาพน้ำเชื้อ (Sperm Count) เพื่อวิเคราะห์ปริมาณน้ำเชื้อ ความมีชีวิตของตัวอสุจิ ความเข้มข้นของอสุจิ รูปร่างของตัวอสุจิ การเคลื่อนไหวของตัวอสุจิ ความไวของน้ำเชื้อ รวมทั้งเซลล์เม็ดเลือดขาว
ผู้รับบริการควรงดสูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และควรงดการมีเพศสัมพันธ์หรือหลั่งอสุจิอย่างน้อย 2-7 วัน เพื่อให้มีจํานวนน้ำเชื้อมากที่สุด
สำหรับขั้นตอนการตรวจนั้น แพทย์จะขอให้ผู้รับบริการช่วยตัวเอง เพื่อเก็บน้ำเชื้อ ให้ได้ตัวอย่างน้ำเชื้อที่สะอาดใส่ในภาชนะที่ปลอดเชื้อ แล้วนำมาวิเคราะห์ต่อไป
วิธีการตรวจวิเคราะห์น้ำอสุจิ
องค์การอนามัยโลก (WHO Criteria) ได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการตรวจวิเคราะห์น้ำอสุจิไว้ดังนี้
- การตรวจดูด้วยตาเปล่า (Macroscopic Examination) โดยสิ่งที่ตรวจดูคือ ตรวจดูลักษณะทั่วไป ได้แก่ ดูสี ความขุ่นใส การละลายตัว ปริมาตรของน้ำอสุจิ ความหนืด ความเป็นกรดด่าง
- การตรวจดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ (Microscopic Examination) ตรวจจำนวนตัวอสุจิ อัตราการเคลื่อนไหว อัตราการมีชีวิตของอสุจิ เปอร์เซ็นต์ของตัวอสุจิที่มีรูปร่างปกติ เม็ดเลือดขาว เม็ดเลือดแดง
รายการตรวจเพิ่มเติมสำหรับฝ่ายชาย
ในปัจจุบันนี้มีรายการตรวจเพิ่มเติมสำหรับฝ่ายชาย นอกเหนือจากตรวจอสุจิโดยทั่วไป เรียกว่า Sperm DNA Fragmentation Index (DFI) หรือการตรวจการแตกหักของ DNA ในอสุจิ เพื่อเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จในการตั้งครรภ์มากยิ่งขึ้น โดยใช้เครื่องมือที่ชื่อว่า Hamilton Thorne IVOS II ซึ่งเป็นเครื่องมือตรวจหาความเสียหายหรือการแตกหักของ DNA ในหัวอสุจิ
หาก DNA ของอสุจิไม่สมบูรณ์ หรือค่าการแตกหักเสียหาย สูงกว่าร้อยละ 30 ก็จะทำให้โอกาสในการทำเด็กหลอดแก้วไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร โดยสาเหตุที่ DNA ในอสุจิมีการแตกหักนั้น อาจเกิดได้จากอายุที่มากขึ้น ความเครียด รูปแบบการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม รวมไปถึงมลพิษในสิ่งแวดล้อม
สำหรับขั้นตอนการตรวจการแตกหักของ DNA ในอสุจิ จะใช้วิธีการเก็บอสุจิใส่ภาชนะที่ทางโรงพยาบาลจัดเตรียมไว้ให้ เหมือนกับขั้นตอนการเก็บน้ำเชื้อ
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับบริการตรวจร่างกายสำหรับฝ่ายชาย
ก่อนที่จะถึงวันนัดตรวจร่างกาย เพื่อรักษาภาวะมีบุตรยาก ควรเตรียมตัวให้พร้อม ดังนี้
- ไม่ต้องงดเครื่องดื่มและอาหาร
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ประมาณ 6-8 ชั่วโมง
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด ก่อนตรวจสุขภาพอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
- งดการหลั่งเชื้ออสุจิประมาณ 2-7 วัน ก่อนเข้ารับการตรวจ
เมื่อรู้แล้วว่า การตรวจร่างกายก่อนรักษาภาวะมีบุตรยาก ไม่ว่าจะเป็นการรักษาด้วยวิธี IUI, IVF หรือ ICSI ต้องทำอย่างไรบ้าง มาเตรียมตัวให้พร้อมกันตั้งแต่วันนี้เลย
ถ้ามีปัญหาสุขภาพและยังไม่แน่ใจว่า สามารถรักษาภาวะมีบุตรยากได้หรือไม่? ปรึกษาทีม HDcare ได้เลย เราพร้อมเป็นผู้ช่วยส่วนตัวดูแลสุขภาพคุณ สอบถามข้อมูลเบื้องต้นกับคุณหมอเฉพาะทาง ทำนัดปรึกษาคุณหมอได้รวดเร็ว หรือค้นหาแพ็กเกจตรวจคัดกรองภาวะมีบุตรยาก จาก ร.พ. หรือคลินิกใกล้คุณได้ทันที คลิกที่นี่เลย