อาการเริ่มแรกของโรคเนื้องอกสมองเป็นยังไง ห้ามกินอะไร กินอะไรถึงเป็น มีกี่ระยะ มีสิทธิ์หายไหม ฝ่อเองได้ไหม ไม่ผ่าตัดได้ไหม ต่างจากไมเกรนยังไง จะเป็นมะเร็งไหม…บทความนี้เรารวบรวม 15 เรื่องที่หลายคนอยากรู้ เกี่ยวกับโรคเนื้องอกสมอง มาไว้ให้แล้ว
สารบัญ
- 1.โรคเนื้องอกสมองคืออะไร
- 2.อาการเริ่มแรกของโรคเนื้องอกสมองมีอะไรบ้าง
- 3.กินอะไรถึงเสี่ยงเป็นโรคเนื้องอกสมอง
- 4.ถ้าเป็นโรคเนื้องอกสมอง ห้ามกินอะไรบ้าง
- 5.โรคเนื้องอกสมองมีกี่ระยะ
- 6.โรคเนื้องอกสมองมีสิทธิ์หายไหม
- 7.เนื้องอกสมองฝ่อเองได้ไหม
- 8.มีเนื้องอกในสมอง ไม่ผ่าตัดได้ไหม
- 9.โรคเนื้องอกสมองต่างจากไมเกรนยังไง
- 10.โรคเนื้องอกสมองจะเป็นมะเร็งไหม
- 11.นอกจากปวดหัวแล้ว โรคเนื้องอกสมองยังมีอาการอื่นๆ ที่ควรระวังอะไรบ้าง
- 12.การตรวจวินิจฉัยโรคเนื้องอกสมองทำได้อย่างไร
- 13.การรักษาโรคเนื้องอกสมองมีอะไรบ้าง
- 14.โรคเนื้องอกสมอง ส่งผลต่อการใช้ชีวิตอย่างไรบ้าง
- 15.ควรทำอย่างไรเมื่อสงสัยว่าเป็นโรคเนื้องอกสมอง
1.โรคเนื้องอกสมองคืออะไร
ตอบ: โรคเนื้องอกสมอง (Brain Tumor) เป็นการเจริญเติบโตผิดปกติของเซลล์ในสมอง ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากเซลล์ในสมองเอง หรือเซลล์ที่แพร่กระจายมาจากส่วนอื่นของร่างกาย
โรคนี้สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ เนื้องอกที่ไม่ใช่มะเร็ง (Benign Tumors) และเนื้องอกที่เป็นมะเร็ง (Malignant Tumors) โดยเนื้องอกทั้งสองประเภทนี้อาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของสมองและสุขภาพโดยรวมได้
2.อาการเริ่มแรกของโรคเนื้องอกสมองมีอะไรบ้าง
ตอบ: อาการเริ่มแรกของโรคเนื้องอกสมองอาจแตกต่างกันไปตามตำแหน่งและขนาดของเนื้องอก แต่โดยทั่วไปแล้วอาการที่พบบ่อย ได้แก่
- ปวดศีรษะเรื้อรัง อาการปวดศีรษะที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งและมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นหนึ่งในอาการที่พบบ่อยที่สุด ซึ่งอาจมีลักษณะเป็นการปวดแบบตื้อๆ หรือแสบ ตรงกลางศีรษะ โดยอาจเกิดขึ้นในช่วงเช้าหรือขณะนอนหลับ และมักจะไม่ตอบสนองต่อการใช้ยาแก้ปวดทั่วไป
- ปัญหาการมองเห็น ผู้ป่วยอาจพบว่า มีการมองเห็นที่ผิดปกติ เช่น มองเห็นเบลอ ภาพซ้อน หรือสูญเสียการมองเห็นในบางพื้นที่ (Visual Field Loss) อาการเหล่านี้เกิดจากการกดทับของเนื้องอกที่กระทบต่อเส้นประสาทตาหรือส่วนที่เกี่ยวข้องในสมอง
- ปัญหาการได้ยิน ผู้ที่มีเนื้องอกสมองอาจมีอาการหูอื้อหรือได้ยินเสียงรบกวนที่ไม่มีที่มาชัดเจน อาการเหล่านี้เกิดจากการกดทับของเนื้องอกที่มีผลกระทบต่อเส้นประสาทการได้ยิน
- ปัญหาในการทรงตัว เนื้องอกที่กดทับส่วนของสมองที่ควบคุมการทรงตัวอาจทำให้ผู้ป่วยมีปัญหาในการรักษาสมดุล อาจรู้สึกเหมือนจะล้ม หรือไม่สามารถเดินได้อย่างปกติ
- การรู้สึกชาที่แขนขาหรือใบหน้า ผู้ป่วยอาจรู้สึกชา หรืออ่อนแรงบางส่วนของร่างกาย เช่น แขน ขา หรือใบหน้า ซึ่งอาจเกิดจากการกดทับของเนื้องอกที่กระทบต่อเส้นประสาทในพื้นที่นั้น
- การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ เช่น ซึมเศร้า ความวิตกกังวล หรือความแปรปรวนทางอารมณ์อาจเกิดขึ้นได้ เนื่องจากเนื้องอกมีผลกระทบต่อสมองส่วนที่ควบคุมอารมณ์และความคิด การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย
อย่างไรก็ตาม อาการเหล่านี้อาจไม่ชัดเจนและอาจถูกเข้าใจผิดว่าเป็นอาการของโรคอื่นๆ ดังนั้นหากมีอาการเหล่านี้ต่อเนื่อง ควรพบแพทย์เพื่อตรวจสอบและวินิจฉัยอย่างละเอียด
3.กินอะไรถึงเสี่ยงเป็นโรคเนื้องอกสมอง
ตอบ: ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่าอาหารชนิดใดที่ทำให้เกิดเนื้องอกสมองโดยตรง แต่การรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการและมีความสมดุล เช่น การบริโภคโปรตีนจากแหล่งที่ดี เช่น เนื้อปลา ไก่ ถั่ว ไขมันดี เช่น น้ำมันมะกอก อะโวคาโด และคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวกล้อง มันฝรั่ง สามารถช่วยลดความเสี่ยงและเสริมสร้างสุขภาพที่ดีได้
4.ถ้าเป็นโรคเนื้องอกสมอง ห้ามกินอะไรบ้าง
ตอบ: ไม่มีอาหารชนิดใดที่เป็นสาเหตุโดยตรงของโรคเนื้องอกสมอง แต่มีอาหารบางประเภทที่ควรหลีกเลี่ยงเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น ได้แก่ อาหารแปรรูป ขนมขบเคี้ยว อาหารฟาสต์ฟู้ด และอาหารที่มีน้ำตาลสูง เพราะอาจมีสารพิษหรือสารเติมแต่งที่ไม่ดีต่อร่างกาย
ผู้ป่วยควรเน้นการรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผลไม้ อย่างเบอร์รี่ แอปเปิล และผักสด เช่น ผักใบเขียว แครอท ซึ่งสามารถช่วยลดการอักเสบได้
5.โรคเนื้องอกสมองมีกี่ระยะ
ตอบ: เนื้องอกสมองมักถูกแบ่งออกเป็น 4 ระยะ
- ระยะ 1: เนื้องอกมีขนาดเล็กและมีการเจริญเติบโตช้า มักไม่มีอาการรุนแรง
- ระยะ 2: เนื้องอกเริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้น และอาจมีการเจริญเติบโตที่ไม่แน่นอน อาจเริ่มมีอาการที่ชัดเจนขึ้น
- ระยะ 3: เนื้องอกมีการเติบโตเร็วขึ้น และอาจเริ่มแพร่กระจายไปยังเนื้อเยื่อรอบข้าง
- ระยะ 4: เป็นระยะที่รุนแรงที่สุด มีการแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย อาการจะรุนแรงมากขึ้น
6.โรคเนื้องอกสมองมีสิทธิ์หายไหม
ตอบ: โอกาสในการหายจากโรคเนื้องอกสมองขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ประเภท ขนาด และตำแหน่งของเนื้องอก รวมถึงสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย
ในกรณีที่เนื้องอกไม่ใช่มะเร็ง โอกาสหายขาดมักจะสูงกว่า เนื่องจากมีแนวทางการรักษาที่มักประสบความสำเร็จมากกว่า
7.เนื้องอกสมองฝ่อเองได้ไหม
ตอบ: ในบางกรณี เนื้องอกที่ไม่ใช่มะเร็งอาจลดขนาดลงได้เอง แต่การรอให้เนื้องอกฝ่อโดยไม่ทำการรักษาอาจเป็นทางเลือกที่ไม่ปลอดภัย เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงทำให้อาการรุนแรงขึ้น ดังนั้นจึงควรติดตามและตรวจสอบอาการอย่างสม่ำเสมอ
8.มีเนื้องอกในสมอง ไม่ผ่าตัดได้ไหม
ตอบ: ในบางกรณี แพทย์อาจเลือกใช้วิธีการรักษาอื่น ๆ เช่น การรักษาด้วยรังสี (Radiation Therapy) หรือเคมีบำบัด (Chemotherapy) แทนการผ่าตัด ขึ้นอยู่กับตำแหน่งและขนาดของเนื้องอก รวมถึงสภาพร่างกายของผู้ป่วยด้วย
9.โรคเนื้องอกสมองต่างจากไมเกรนยังไง
ตอบ: โรคเนื้องอกสมองและไมเกรนเป็นสองภาวะที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาท แต่มีลักษณะและสาเหตุที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
- ไมเกรน เป็นภาวะที่มีลักษณะอาการปวดศีรษะที่รุนแรง โดยมักเกิดขึ้นเป็นช่วงๆ อาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น คลื่นไส้ อาเจียน หรือความไวต่อแสงและเสียง ไมเกรนเกิดจากความผิดปกติในการทำงานของระบบประสาทและการเปลี่ยนแปลงในระบบหลอดเลือดในสมอง โดยมักมีปัจจัยกระตุ้น เช่น ความเครียด การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน การนอนหลับไม่เพียงพอ หรืออาหารบางประเภท ไมเกรนไม่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของเนื้อสมอง หรือมีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพในสมอง
- โรคเนื้องอกสมอง เป็นการเจริญเติบโตผิดปกติของเซลล์ในสมอง ซึ่งอาจเกิดจากเซลล์สมองเองหรือเซลล์ที่แพร่กระจายมาจากส่วนอื่นของร่างกาย เนื้องอกสมองอาจกดทับโครงสร้างสำคัญในสมอง ส่งผลให้เกิดอาการที่หลากหลาย เช่น ปวดศีรษะเรื้อรัง ปัญหาการมองเห็นหรือได้ยิน การสูญเสียการทรงตัว หรืออาการชาที่แขนขา
การวินิจฉัยระหว่างไมเกรนกับโรคเนื้องอกสมองมีความสำคัญ เนื่องจากวิธีการรักษาจะแตกต่างกันอย่างมาก ในขณะที่ไมเกรนสามารถจัดการได้ด้วยการใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการ หรือการหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น
แต่การรักษาโรคเนื้องอกสมองอาจต้องใช้วิธีการที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น การผ่าตัด รังสีบำบัด หรือเคมีบำบัด ขึ้นอยู่กับลักษณะและความรุนแรงของเนื้องอก
10.โรคเนื้องอกสมองจะเป็นมะเร็งไหม
ตอบ: ไม่ใช่โรคเนื้องอกสมองทุกรูปแบบจะกลายเป็นมะเร็ง เนื้องอกที่ไม่ใช่มะเร็งมักมีการเจริญเติบโตช้า ไม่แพร่กระจายไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย และมักสามารถรักษาได้ด้วยการผ่าตัด หรือการรักษาอื่นๆ โดยที่มีโอกาสหายขาดสูง
ในทางตรงกันข้าม เนื้องอกที่เป็นมะเร็งมีลักษณะที่รุนแรงกว่า มักมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วและสามารถแพร่กระจายไปยังเนื้อเยื่อหรืออวัยวะอื่นๆ ผ่านกระแสเลือดหรือระบบน้ำเหลือง ทำให้การรักษามีความซับซ้อนมากขึ้น และอาจต้องใช้การรักษาหลายวิธีรวมกัน เช่น การผ่าตัด รังสีบำบัด และเคมีบำบัด
11.นอกจากปวดหัวแล้ว โรคเนื้องอกสมองยังมีอาการอื่นๆ ที่ควรระวังอะไรบ้าง
ตอบ: นอกจากอาการหลัก เช่น ปวดศีรษะรุนแรงและการเห็นภาพซ้อน ผู้ป่วยโรคเนื้องอกสมองอาจประสบกับปัญหาทางจิตใจ เช่น อาการซึมเศร้าและความวิตกกังวล ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงในสมองหรือผลกระทบทางอารมณ์จากการวินิจฉัยโรค อาจมีการเปลี่ยนแปลงด้านความจำหรือการคิด ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสับสนหรือไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ
นอกจากนี้ ผู้ป่วยอาจมีปัญหาด้านการควบคุมอารมณ์ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการแปรปรวนอารมณ์หรือความรู้สึกผิดปกติในปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
หากผู้ป่วยหรือคนใกล้ชิดสังเกตเห็นอาการเหล่านี้ ควรเข้าพบแพทย์เพื่อรับการประเมินและการดูแลอย่างเหมาะสมทันที เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบที่รุนแรงต่อสุขภาพจิตและร่างกายในอนาคต
12.การตรวจวินิจฉัยโรคเนื้องอกสมองทำได้อย่างไร
ตอบ: การตรวจวินิจฉัยโรคเนื้องอกสมองสามารถทำได้หลายวิธี โดยทั่วไปใช้การถ่ายภาพสมองด้วย MRI หรือ CT-Scan เพื่อตรวจสอบสัญญาณของเนื้องอก และในบางกรณีอาจต้องใช้การตรวจเนื้อเยื่อ เพื่อยืนยันประเภทของเนื้องอก
13.การรักษาโรคเนื้องอกสมองมีอะไรบ้าง
ตอบ: การรักษาโรคเนื้องอกสมอง จะแตกต่างกันไปตามประเภท ขนาด และตำแหน่งของเนื้องอก รวมถึงสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย
- การผ่าตัด ในกรณีที่เนื้องอกตั้งอยู่ในตำแหน่งที่แพทย์สามารถผ่าตัดได้อย่างปลอดภัย โดยไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อสมองหรือเส้นประสาทที่สำคัญ แพทย์อาจผ่าตัดเพื่อเอาเนื้องอกออก
- การรักษาด้วยรังสี (Radiation Therapy) เป็นวิธีที่ใช้รังสีพลังงานสูง เช่น รังสีเอกซ์ เพื่อทำลายเซลล์มะเร็งหรือหยุดการเจริญเติบโตของเนื้องอก มักใช้เพื่อทำลายเซลล์มะเร็งที่อาจไม่สามารถเอาออกได้ด้วยการผ่าตัด นอกจากนี้ยังสามารถใช้ร่วมกับการผ่าตัดหรือเคมีบำบัดได้เช่นกัน
- การใช้เคมีบำบัด (Chemotherapy) เป็นการรักษาโดยใช้ยาที่มีฤทธิ์ฆ่าเซลล์มะเร็ง ซึ่งมักใช้ในกรณีที่เนื้องอกมีลักษณะรุนแรงหรือกระจายตัวไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย
- การรักษาแบบประคับประคอง (Palliative Care) มุ่งเน้นที่การบรรเทาอาการและปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย โดยเฉพาะในกรณีที่เนื้องอกไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้
14.โรคเนื้องอกสมอง ส่งผลต่อการใช้ชีวิตอย่างไรบ้าง
ตอบ: อาการจากโรคเนื้องอกสมองสามารถส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันในหลายด้าน เช่น ผู้ป่วยอาจประสบปัญหาในการทำงานหรือการเรียน เนื่องจากอาการปวดหัว ความจำเสื่อม หรือการคิดไม่ค่อยได้ ซึ่งอาจทำให้ไม่สามารถมุ่งมั่นหรือจดจ่อกับงานที่ทำได้
อาจมีความอ่อนแรงหรือการทรงตัวที่ไม่ดี ส่งผลให้ผู้ป่วยไม่สามารถทำกิจกรรมที่เคยทำได้ตามปกติ เช่น การเดิน หรือการเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคม
นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ เช่น ความวิตกกังวลและซึมเศร้า อาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกโดดเดี่ยวหรือตัดขาดจากสังคม ทำให้เกิดความรู้สึกไม่มั่นคงหรือไม่มีความมั่นใจในตัวเอง
ผู้ป่วยอาจต้องการการสนับสนุนจากคนใกล้ชิด เช่น ครอบครัวและเพื่อน เพื่อช่วยในการปรับตัวและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้
15.ควรทำอย่างไรเมื่อสงสัยว่าเป็นโรคเนื้องอกสมอง
ตอบ: หากคุณสงสัยว่า ตัวเองหรือคนใกล้ชิดมีอาการที่บ่งบอกถึงโรคเนื้องอกสมอง เช่น ปวดศีรษะรุนแรง การมองเห็นหรือการได้ยินที่เปลี่ยนแปลง หรืออาการอื่นๆ ที่ไม่ปกติ ควรนัดหมายพบแพทย์โดยเร็วที่สุด
การพบแพทย์ในระยะแรกจะช่วยให้การวินิจฉัยเป็นไปอย่างถูกต้องและรวดเร็ว ทำให้สามารถวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม ซึ่งจะมีผลต่อการฟื้นฟูสุขภาพและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยในระยะยาว
นอกจากนี้ การสื่อสารกับแพทย์เกี่ยวกับความกังวลและคำถามที่คุณสงสัย จะช่วยให้ได้รับข้อมูลที่ชัดเจนและทำให้การตัดสินใจในการรักษาง่ายยิ่งขึ้น
ยังมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคเนื้องอกสมองใช่ไหม? ปรึกษาทีม HDcare ได้เลย เราพร้อมเป็นผู้ช่วยส่วนตัวดูแลสุขภาพคุณ สอบถามข้อมูลเบื้องต้นกับคุณหมอเฉพาะทาง ทำนัดปรึกษาคุณหมอได้รวดเร็ว หรือค้นหาแพ็กเกจรักษาโรคเนื้องอกสมอง จาก รพ. หรือคลินิกใกล้คุณได้ทันที คลิกที่นี่เลย