เมล็ดฟักทอง ประโยชน์ ข้อควรระวัง

เมล็ดฟักทอง (Pumpkin Seeds) เป็นอีกหนึ่งของขบเคี้ยวที่หลายคนชื่นชอบ นอกจากความเคี้ยวเพลินแล้ว เมล็ดฟักทองอบแห้ง เมล็ดเล็กๆ จากผลฟักทองยังอุดมไปด้วยคุณค่าทางสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย แต่ก็มีข้อควรระวังในการทาน หากทานมากเกินไปอาจทำให้เกิดโทษต่อร่างกายได้เช่นกัน

มีคำถามเกี่ยวกับ เมล็ดฟักทอง? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

สารสำคัญในเมล็ดฟักทอง

ในเมล็ดฟักทอง 28 กรัมให้พลังงานประมาณ 151 แคลอรี โดยส่วนประกอบหลักมาจากโปรตีน และไขมัน นอกจากนี้ ในเมล็ดฟักทองยังให้สารอาหารที่มีประโยชน์อื่นๆ อีก เช่น ไฟเบอร์ คาร์โบไฮเดรต วิตามินบี 2 วิตามินเค แมงกานีส แมกนีเซียม สังกะสี และสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด ในเมล็ดฟักทองมีสารสำคัญที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ดังนี้

1. สารต้านอนุมูลอิสระ

ในเมล็ดฟักทองประกอบไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอย่างสารแคโรทีนอยด์ และวิตามินอี จึงซึ่งมีส่วนช่วยลดอาการอักเสบ ลดการเกิดโรคมะเร็ง และช่วยปกป้องเซลล์ของร่างกายจากสารอนุมูลอิสระที่ทำให้เกิดโรคต่างๆ ตามมา

2. แมกนีเซียม

แมกนีเซียมในเมล็ดฟักทอง คือ แร่ธาตุชั้นดีในการเสริมความแข็งแรงของมวลกระดูกให้ดียิ่งขึ้น ช่วยลดโอกาสเกิดโรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) โดยเฉพาะในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนแล้ว

นอกจากนี้ แร่ธาตุแมกนีเซียมยังมีส่วนช่วยปรับภาวะอารมณ์ของคุณให้คงที่ ทำให้ผู้ที่มีปัญหานอนหลับยากสามารถนอนหลับได้ง่ายขึ้น

3. กรดไขมันโอเมก้า 3

เมล็ดฟักทองอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 (Omega-3) ซึ่งช่วยลดโอกาสเกิดภาวะเส้นเลือดอุดตันและหัวใจเต้นผิดจังหวะ ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดภาวะหัวใจวาย (Heart attack) โรคหลอดเลือดสมอง ภาวะหลอดเลือดแข็ง และภาวะอื่นๆ เกี่ยวกับหัวใจที่อันตรายถึงชีวิตได้

นอกจากนี้ กรดไขมันโอเมก้า 3 ยังช่วยบำรุงระบบไหลเวียนเลือด ผ่านการเสริมระบบการทำงานของเซลล์เยื่อบุหลอดเลือด (Endothelial function)

ประโยชน์ของเมล็ดฟักทอง

เมล็ดฟักทองทั้งแบบทั่วไปและเมล็ดฟักทองอบแห้ง มีสารอาหารหลากหลาย ดังนั้นจึงช่วยลดโอกาสการเกิดโรคได้หลายโรค ตัวอย่างประโยชน์ของเมล็ดฟักทองต่อสุขภาพ ได้แก่

1. ช่วยเพิ่มจำนวนตัวอสุจิ

สำหรับคุณผู้ชายที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ คุณควรลองหาเมล็ดฟักทองมารับประทาน เพราะมันอุดมไปด้วยแร่ธาตุสังกะสีที่ช่วยเพิ่มปริมาณตัวอสุจิที่แข็งแรงมากขึ้น และลดความเสี่ยงการเป็นหมันในเพศชายได้

อีกทั้งในเมล็ดฟักทองยังมีส่วนช่วยบำรุงระบบฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญของผู้ชาย และน้ำมันเมล็ดฟักทองยังช่วยบำรุงการทำงานของต่อมลูกหมากได้ดีอีกด้วย

2. ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด

เมล็ดฟักทองประกอบไปด้วยโปรตีน และคาร์โบไฮเดรตชั้นดีที่ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ อีกทั้งช่วยบำรุงระบบการผลิตสารอินซูลินของร่างกาย ให้สามารถเปลี่ยนน้ำตาลกลูโคสไปเป็นพลังงานในร่างกายได้อย่างเพียงพอ

มีคำถามเกี่ยวกับ เมล็ดฟักทอง? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

3. ช่วยบำรุงผิวพรรณ

แร่ธาตุสังกะสีในเมล็ดฟักทองมีประโยชน์ในการบำรุงผิวพรรณ ทั้งยังมีสารสควาเลน (Squalane) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระอีกชนิดที่ช่วยปกป้องผิวคุณจากแสงยูวี รวมถึงรังสีจากดวงอาทิตย์

อีกทั้งสารสควาเลนยังมีถือเป็นตัวบำรุงสำคัญในการเพิ่มปริมาณสารเรตินอล (Retinol) ซึ่งเป็นสารช่วยยับยั้งไม่ให้ผิวเกิดริ้วร้อย จุดด่างดำจากการเผชิญแสงแดด

4. บำรุงระบบย่อยอาหาร

ไฟเบอร์ในเมล็ดฟักทองมีประโยชน์ต่อการบำรุงระบบย่อยอาหารของร่างกาย ทำให้คุณอิ่มท้องได้นาน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก

และไฟเบอร์จากเมล็ดฟักทองยังช่วยควบคุมระดับไขมันคอเลสเตอรอลในเลือดได้ จึงช่วยลดโอกาสเกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ด้วยเช่นกัน

อีกทั้งในเมล็ดฟักทองยังมีสารไฟโคสเตอรอล (Phytosterols) เป็นสารพฤษเคมีที่พบได้ในพืชซึ่งมีประโยชน์ในการลดระดับไขมันไม่ดี (Low-Density Lipoprotein: LDL) ในร่างกายไม่ให้สะสมมากเกินไป

5. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน

แร่ธาตุสังกะสีและธาตุเหล็กในเมล็ดฟักทองช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง ป้องกันการติดเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรียต่างๆ

นอกจากในตัวเมล็ดแล้ว น้ำมันจากเมล็ดฟักทองยังมีวิตามินอีและสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ ที่ช่วยบำรุงระบบภูมิคุ้มกันและระบบเม็ดเลือดแดงอีกด้วย

6. มีประโยชน์ต่อระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิง

แร่ธาตุสังกะสีในเมล็ดฟักทองถือเป็นแร่ธาตุสำคัญในการบำรุงสุขภาพของหญิงตั้งครรภ์ และช่วยป้องกันการติดเชื้อโรคในมดลูก หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อีกทั้งช่วยป้องกันการเกิดนิ่วในกระเพาะปัสสาวะได้

ข้อควรระวังและโทษ จากเมล็ดฟักทอง

เมล็ดฟักทองอาจทำให้คุณเกิดผลข้างเคียงจากวิธีรับประทานที่ไม่เหมาะสมได้ เช่น

  • ทำให้ปวดท้อง เพราะในเมล็ดฟักทองมีน้ำมันที่มีไขมันสูง ซึ่งสามารถส่งผลให้เกิดอาการปวดเกร็งท้องได้ คุณจึงไม่ควรรับประทานเมล็ดฟักทองขณะท้องว่าง แต่ควรรับประทานร่วมกับอาการชนิดอื่นๆ
  • ไม่ได้รับสารอาหารเท่าที่ควร หากคุณปรุงอาหารด้วยเมล็ดฟักทองอย่างผิดวิธี เช่น ใช้ความร้อนสูงเกินไป จะทำให้สารอาหารที่มีประโยชน์ เช่น วิตามินบี วิตามินซี ถูกทำลายออกไป
  • ส่งผลต่อระดับเกลือแร่ในร่างกาย โดยเฉพาะในผู้ที่ต้องใช้ยาขับปัสสาวะ (Diuretic Drugs) ผู้ป่วยโรคไต ผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด เมล็ดฟักทองอาจทำให้ยาออกฤทธิ์ได้ไม่ดีพอจนคุณไม่สามารถปัสสาวะออกมาได้มากอย่างที่ควร
  • ไม่เหมาะสำหรับเด็กเล็ก เด็กเล็กในช่วงวัยอนุบาลยังไม่ควรรับประทานเมล็ดฟักทอง เพราอาจทำให้เด็กปวดท้อง อาเจียน หรือท้องเสียได้
  • เกิดอาการแพ้ เมล็ดฟักทองก็สามารถทำให้เกิดอาการแพ้อาหารได้เช่นกัน แต่มักเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก หากคุณรับประทานเมล็ดฟักทองแล้วมีอาการผื่นลมพิษ ปวดหัว ปากบวม คอบวม หายใจลำบาก ให้รีบไปพบแพทย์ทันที
  • ไม่เหมาะกับผู้ที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ เมล็ดฟักทองอาจช่วยป้องกันโรคเบาหวานได้ แต่ในผู้ที่มีระดับน้ำตาลไม่เลือดคงไม่คงที่ เมล็ดฟักทองอาจเป็นปัจจัยทำให้น้ำตาลในเลือดของคุณต่ำลงไปอีก ทางที่ดี หากคุณควรปรึกษาแพทย์ก่อนว่า สามารถรับประทานเมล็ดฟักทองได้หรือไม่
  • ไม่เหมาะกับผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตต่ำ เมล็ดฟักทองมีสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์มากมายก็จริง แต่มันก็เป็นตัวการที่สามารถเข้าไปปรับระดับความดันโลหิตให้ต่ำจนเป็นอันตรายได้ หากคุณเป็นผู้ป่วยโรคความดันโลหิต ให้ปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานเมล็ดฟักทองเพื่อความปลอดภัย
  • ไม่เหมาะกับผู้ที่กำลังควบคุมน้ำหนัก เมล็ดฟักทองเป็นอาหารว่างในบางครั้งบางคราวได้ แต่ในผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก หรือควบคุมน้ำหนักจริงจัง แม้มันจะขึ้นชื่อว่าเป็น ธัญพืชที่ดีชนิดหนึ่ง เมล็ดฟักทองก็ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนักที่จะรับประทานได้อย่างสม่ำเสมอ เพราะเมล็ดฟักทองมีไขมันสูงที่อาจเพิ่มน้ำหนักที่คุณไม่ต้องการเพิ่มมากขึ้น และยังเป็นอาหารที่ต้องระวังในผู้ป่วยโรคเบาหวานด้วย

เมนูสุขภาพจากเมล็ดฟักทอง

ผู้คนส่วนมากมักบริโภคเมล็ดฟักทองเป็นเมล็ดๆ แบบของกินเล่น แต่ความจริงแล้ว เมล็ดฟักทองยังสามารถนำมาดัดแปลงเป็นเมนูขนมอื่นๆ ได้อีก เช่น

  • คุกกี้ธัญพืชผสมเมล็ดฟักทอง
  • กราโนลาใส่เมล็ดฟักทอง
  • เค้กฟักทอง
  • แซนด์วิชสอดไส้แยมกับธัญพืชเมล็ดฟักทอง
  • เค้กกล้วยหอมอบเมล็กฟักทอง
  • นมเมล็ดฟักทอง

เมล็ดฟักทองมีประโยชน์ต่อร่างกายหลายด้าน แต่ก็มีข้อควรระวังในหลายอย่างที่คุณต้องศึกษาให้ดีก่อนรับประทาน เพื่อที่คุณจะได้รับสารอาหารจากธัญพืชชนิดที่มีประโยชน์ชนิดนี้ได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพด้านอื่นๆ จนเป็นอันตราย

มีคำถามเกี่ยวกับ เมล็ดฟักทอง? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

หากคุณติดตั้ง LINE บนคอมพิวเตอร์ของคุณแล้ว ระบบจะเปิดบัญชีทางการ LINE ของ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ โดยอัตโนมัติ

หากคุณยังไม่ได้ติดตั้ง LINE บนเดสก์ท็อป โปรดสแกน QR โค้ดด้วย LINE บนโทรศัพท์มือถือของคุณเพื่อเริ่มแชทกับ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ