การตรวจภายใน เป็นการตรวจสุขภาพสำหรับสตรีที่สำคัญมาก เพราะจะช่วยตรวจหาสาเหตุของโรคทางนรีเวช หรือความผิดปกติที่อาจเกิดในอวัยวะในอุ้งเชิงกรานของสตรีได้ ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว มักไม่แสดงอาการในระยะแรก กว่าจะรู้ตัวก็อาจทำให้การรักษายากขึ้นแล้ว!
แต่ก็มีผู้หญิงหลายคนที่ยังกลัวการตรวจภายใน รู้สึกเขินอาย จนไม่ได้เข้ารับการตรวจภายในในช่วงวัยที่ควรตรวจ
สารบัญ
- ตรวจภายใน คืออะไร?
- ตรวจภายใน สำคัญอย่างไร?
- ใครที่ควรตรวจภายใน?
- ควรตรวจภายในบ่อยแค่ไหน?
- การเตรียมตัวก่อนไปตรวจภายใน
- ขั้นตอนการตรวจภายใน เป็นอย่างไร?
- ตรวจภายใน กี่วันรู้ผล?
- ไม่มีแฟน ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ จำเป็นต้องตรวจภายในไหม?
- ตรวจภายใน ต้องโกนขนไหม?
- ข้อห้ามในการตรวจภายใน มีอะไรบ้าง?
- หญิงตั้งครรภ์ สามารถตรวจภายในได้ไหม?
- ตรวจภายใน เจ็บไหม?
ตรวจภายใน คืออะไร?
การตรวจภายใน (Pelvic exam) คือการตรวจหาความผิดปกติอวัยวะในอุ้งเชิงกรานของสตรี ทั้งภายนอกและภายใน รวมถึงอวัยวะข้างเคียง โดยเรียงจากข้างนอกเข้าไปข้างใน ได้แก่ ปากช่องคลอด ช่องคลอด ปากมดลูก มดลูก ปีกมดลูก และรังไข่
การตรวจภายใน เป็นการตรวจเพื่อประเมินสุขภาพของระบบสืบพันธุ์เพศหญิง ช่วยคัดกรองมะเร็งปากมดลูก และค้นหาสาเหตุของความผิดปกติของโรคทางนรีเวช
ตรวจภายใน สำคัญอย่างไร?
โรคทางนรีเวช เช่น เนื้องอกในมดลูก ช็อกโกแลตซีสต์ (Chocolate cyst) ถุงน้ำในรังไข่ (Cystic Ovary) หรือช่องคลอดอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เป็นโรคที่ในระยะแรกมักไม่แสดงอาการ กว่าจะรู้ตัว โรคเหล่านี้ก็อาจเข้าสู่ระยะรุนแรง และอาจจำเป็นต้องรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด
นอกจากนี้ยังมีโรคที่น่ากังวลอีกหนึ่งโรค นั่นก็คือ “โรคมะเร็งปากมดลูก” ซึ่งเป็นชนิดของมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 2 ในผู้หญิงไทย โดยพบผู้ป่วยรายใหม่ 10,000 คนต่อปี หรือเฉลี่ยวันละ 27 คน และมีผู้เสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูก 5,200 คนต่อปี หรือเฉลี่ยวันละ 14 คน
การตรวจภายในเป็นประจำทุกปี จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้หญิงทุกคนควรทำ เพราะจะช่วยตรวจคัดกรองโรคทางนรีเวชและโรคมะเร็งปากมดลูกที่อาจเกิดขึ้นกับผู้หญิงทุกคน ช่วยให้รู้เท่าทันโรค และเข้ารับรักษาอย่างทันท่วงที
ใครที่ควรตรวจภายใน?
ผู้หญิงที่มีอาการผิดปกติต่อไปนี้ ควรเข้ารับการตรวจภายในเพื่อหาสาเหตุ และเข้ารับการรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสม
- มีความผิดปกติของประจำเดือน เช่น ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ ประจำเดือนมามากหรือน้อยผิดปกติ ไม่มีประจำเดือน เคยมีประจำเดือนแล้วหายไปโดยไม่มีการตั้งครรภ์ หรือมีเลือดออกทางช่องคลอดหลังหมดประจำเดือน
- มีตกขาวผิดปกติ เช่น สีผิดปกติ มีกลิ่นเหม็น คัน หรือมีน้ำไหลออกทางช่องคลอด
- มีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด เช่น มีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์
- มีแผลบริเวณอวัยวะสืบพันธ์ภายนอก หรือในช่องคลอด
- ปวดบริเวณท้องน้อย หรือช่องคลอด
- เจ็บปวด หรือแสบเวลามีเพศสัมพันธ์
- ปัสสาวะกะปิดกะปรอย กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ปัสสาวะเล็ดเวลาไอจาม
- คลำเจอก้อนในช่องท้อง หรือท้องโตเร็วผิดปกติ
- มีภาวะมีบุตรยาก
นอกจากนี้ ผู้หญิงที่มีอายุ 21 ปีขึ้นไป หรือมีเพศสัมพันธ์แล้วอย่างน้อย 3 ปี ก็สามารถเริ่มเข้ารับการตรวจภายในได้เช่นกัน โดยไม่จำเป็นต้องรอให้มีอาการผิดปกติเกิดขึ้น
ควรตรวจภายในบ่อยแค่ไหน?
ผู้หญิงที่เคยมีเพศสัมพันธ์แล้ว ควรตรวจภายในทุก 1-2 ปี และตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกทุก 3 ปี หากผลตรวจเป็นปกติติดต่อกัน 3 ครั้ง แพทย์อาจให้เว้นระยะห่างการตรวจครั้งถัดไป
การเตรียมตัวก่อนไปตรวจภายใน
- ไม่ควรล้างช่องคลอด เพราะจะทำให้สิ่งที่ต้องการตรวจหายไป โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการตกขาวผิดปกติ
- ไม่สอดยาหรือเหน็บยาใดๆ เข้าไปในช่องคลอดก่อนเข้ารับการตรวจ อย่างน้อย 3 วัน เพราะอาจทำให้ผลตรวจคลาดเคลื่อนได้
- งดมีเพศสัมพันธ์ อย่างน้อย 3 วัน เพื่อให้ได้ผลตรวจที่ชัดเจน
- ไม่ควรตรวจขณะมีประจำเดือน เพราะเสี่ยงทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย ยกเว้นมีประจำเดือนมากผิดปกติ มีประจำเดือนนานผิดปกติ หรือปวดท้องมากขณะมีประจำเดือน สามารถเข้าตรวจภายในได้ทันที
- ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่ง่ายต่อการเปลี่ยนชุด และปัสสาวะให้เรียบร้อยก่อนเข้ารับการตรวจ
- ไม่ต้องโกนขนก่อนเข้ารับการตรวจภายใน
- ไม่ต้องงดน้ำและอาหารก่อนเข้ารับการตรวจภายใน
ขั้นตอนการตรวจภายใน เป็นอย่างไร?
การตรวจภายในจะทำหลังจากที่แพทย์ซักประวัติสุขภาพเรียบร้อยแล้ว เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการวินิจฉัย โดยมีขั้นตอนดังนี้
- แพทย์จะตรวจดูอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกและช่องคลอดด้วยตาเปล่าก่อน โดยจะตรวจหาการระคายเคือง รอยแดง แผล บวม หรือความผิดปกติอื่นๆ
- แพทย์จะใช้เครื่องมือถ่างขยายช่องคลอด หรือที่เรียกว่า “คีมปากเป็ด” (Vaginal Speculum) ถ่างขยายปากช่องคลอด และใช้ไฟฉายส่องดูปากมดลูกและผนังช่องคลอด
- หลังจากนั้นจะนำเครื่องมือออก แล้วใช้นิ้วมือสอดเข้าไปตรวจช่องคลอด คลำปากมดลูก รอบๆ คอปากมดลูก ตัวมดลูก ปีกมดลูก รังไข่ และใช้มืออีกข้างคลำหน้าท้องดูด้วย
- หากตรวจหามะเร็งปากมดลูก หรือที่เรียกว่า “ตรวจแปปสเมียร์” (Pap Smear) ร่วมด้วย แพทย์จะใช้เครื่องมือเก็บเซลล์บริเวณปากมดลูกไปส่งตรวจในห้องปฏิบัติการณ์
- หากตรวจอัลตราซาวด์ช่องคลอดร่วมด้วย แพทย์จะสอดอุปกรณ์เข้าไปทางช่องคลอด ซึ่งจะแสดงผลผ่านทางจอมอนิเตอร์ ช่วยให้แพทย์มองเห็นมดลูกและรังไข่ได้ชัดเจนขึ้นกว่าเดิม
ตรวจภายใน กี่วันรู้ผล?
การตรวจภายในสามารถรู้ผลได้ทันทีหลังตรวจ โดยแพทย์จะเป็นผู้อธิบายผลด้วยตนเอง และแนะนำการดูแลสุขภาพที่เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม หากตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกร่วมด้วย จะต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว เจ้าหน้าที่จะเป็นผู้แจ้งผลตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกผ่านโทรศัพท์
ไม่มีแฟน ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ จำเป็นต้องตรวจภายในไหม?
โรคมะเร็งปากมดลูก โรคมะเร็งรังไข่ หรือโรคทางนรีเวชอื่นๆ เช่น โรคถุงน้ำในรังไข่ หรือโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เป็นโรคที่สามารถเกิดขึ้นได้กับผู้หญิงทุกคน ไม่ว่าจะเคยมีเพศสัมพันธ์ หรือไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อน
ดังนั้นผู้หญิงทุกคนจึงควรเข้ารับการตรวจภายในเมื่อมีอายุถึงเกณฑ์ที่กำหนด โดยสามารถเริ่มตรวจภายในได้เมื่อมีอายุ 21 ปีขึ้นไป หรือมีเพศสัมพันธ์มาแล้ว 3 ปี
ตรวจภายใน ต้องโกนขนไหม?
ไม่ควรโกนขน เพราะการวินิจฉัยโรคทางพันธุกรรมบางโรค แพทย์จะต้องตรวจดูลักษณะขนบริเวณอวัยวะเพศด้วย
อีกทั้งขนบริเวณอวัยวะเพศยังช่วยป้องกันไม่ให้เสียดสีกับชุดชั้นในโดยตรง เป็นด่านแรกในการป้องกันเชื้อโรคและแบคทีเรียเข้าสู่ด้านในช่องคลอด และเป็นตัวรับการกระทบกระเทือนขณะมีเพศสัมพันธ์ด้วย
ข้อห้ามในการตรวจภายใน มีอะไรบ้าง?
การตรวจภายในไม่ได้มีข้อห้ามอะไรเป็นพิเศษ แต่แพทย์แนะนำให้งดตรวจภายในในช่วงที่มีประจำเดือน เพราะเสี่ยงทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย
หญิงตั้งครรภ์ สามารถตรวจภายในได้ไหม?
หญิงตั้งครรภ์สามารถตรวจภายในได้ โดยปกติแล้วแพทย์แนะนำให้ตรวจภายในในช่วง 1-2 เดือนแรกหลังตั้งครรภ์ เพื่อตรวจพยาธิสภาพบริเวณปากมดลูก มดลูก และรังไข่ คัดกรองความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นขณะตั้งครรภ์ และตรวจยืนยันการตั้งครรภ์ในหรือนอกมดลูก ซึ่งไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อทารกในครรภ์
ตรวจภายใน เจ็บไหม?
หากเป็นผู้หญิงที่เคยมีเพศสัมพันธ์แล้ว จะไม่รู้สึกเจ็บขณะตรวจภายใน แต่ถ้าเป็นผู้หญิงที่ไม่เคยผ่านการมีเพศสัมพันธ์มาก่อน อาจรู้สึกตึงๆ หรือเจ็บเล็กน้อยขณะที่แพทย์ตรวจภายใน
อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อน แพทย์จะใช้เครื่องมือตรวจที่มีขนาดเล็กกว่า ซึ่งจะช่วยลดโอกาสการเกิดความเจ็บปวดในขณะตรวจได้
การตรวจภายในนั้น เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้หญิงทุกคนไม่ควรละเลย เป็นการตรวจที่ไม่เจ็บ ไม่น่ากลัว ใช้ระยะเวลาตรวจไม่นาน ประมาณ 15-30 นาที ก็จะช่วยให้คุณรู้สุขภาพของอวัยวะในอุ้งเชิงกราน รู้เท่าทันโรคทางนรีเวชที่อาจเกิดขึ้นได้ และเตรียมรับมือได้อย่างทันท่วงที