การทำหมันสัตว์เลี้ยงอย่างหมา หรือสุนัข และแมว ถือเป็นหนึ่งในทางเลือกของผู้เลี้ยงในการดูแลเพื่อไม่ให้ขยายพันธุ์ และมีลูกเกินกว่าจำนวนที่ตนเองสามารถดูแลได้อย่างดีที่สุด
รวมถึงเป็นหนึ่งในความรับผิดชอบหากพื้นที่ที่เลี้ยงไม่สามารถป้องกันหมาของออกไปทำอันตรายผู้อื่น หรือออกไปผสมพันธุ์กับหมาตัวอื่นภายนอกได้อย่างเต็มที่
แต่ผู้เลี้ยงหลายคนอาจเกิดความผูกพันธ์ุกับสัตว์เลี้ยงของตนเอง โดยเฉพาะหมาที่มีการตอบสนองและเป็นมิตรกับผู้เลี้ยงเป็นอย่างดี ทำให้ผู้เลี้ยงกังวลว่าการพาหมาของตนเองไปทำหมัน อาจทำให้อันตรายได้หรือไม่? หมาจะเจ็บไหม? หรือมีผลข้างเคียงอย่างไรบ้าง?
บทความนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเบื้องต้นสำหรับผู้ที่กังวลถึงปัญหาข้างต้นของการทำหมันสุนัขตัวผู้เป็นหลัก และสามารถทำนัดปรึกษากับสัตวแพทย์ก่อนทำจริงได้ผ่านเว็บ HDmall.co.th สำหรับผู้ที่ต้องการหาข้อมูลเกี่ยวกับการทำหมันหมาตัวเมีย สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่บทความการทำหมันหมาตัวเมีย
สารบัญ
- การทำหมันหมาตัวผู้คืออะไร?
- การทำหมันหมาตัวผู้มีกี่วิธี?
- ข้อดีของการทำหมันหมาตัวผู้
- ข้อเสียของการทำหมันหมาตัวผู้
- ควรพาหมาตัวผู้ไปทำหมันตอนไหน?
- ขั้นตอนการทำหมันหมาตัวผู้เป็นอย่างไร?
- การเตรียมตัวก่อนพาหมาตัวผู้ไปทำหมัน
- การดูแลหลังหมาตัวผู้ทำหมันแล้ว
- ทำหมันหมาตัวผู้แล้ว จะแอบหนีออกจากบ้านน้อยลงไหม?
- ทำหมันหมาตัวผู้แล้ว จะยังสามารถเฝ้าบ้านได้อยู่ไหม?
- ทำหมันหมาตัวผู้เจ็บไหม?
- ทำหมันหมาตัวผู้อันตรายไหม?
การทำหมันหมาตัวผู้คืออะไร?
การหมันหมาตัวผู้ (Sterilizes) คือการทำให้สุนัขตัวผู้ไม่สามารถปล่อยอสุจิไปปฏิสนธิกับสุนัขตัวเมียได้ เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ในสุนัข
แต่แม้สุนัขตัวผู้จะผ่านการทำหมันแล้ว พฤติกรรมของสุนัขตัวผู้ที่ขี่สุนัขตัวเมียขณะร่วมเพศ (Humping) อาจยังคงเกิดขึ้นอยู่ได้ ขึ้นอยู่กับสุนัขแต่ละตัว เนื่องจากสุนัขตัวผู้ไม่ได้ใช้ท่าทางนี้ในการร่วมเพศเพียงอย่างเดียว แต่ยังใช้ในหลายเหตุผล เช่น การเล่น การแสดงออกว่าตื่นเต้นเมื่อมีคนมาเยี่ยม เป็นต้น
การทำหมันหมาตัวผู้มีกี่วิธี?
การทำหมันหมาตัวผู้ชนิดถาวร มีด้วยกัน 3 วิธีหลักๆ ดังนี้
1. การทำหมันหมาด้วยการผ่าตัดเอาอัณฑะออก (Neutering)
การผ่าตัดเอาลูกอัณฑะออก เป็นการทำหมันหมาตัวผู้ที่ได้รับความนิยมสูงสุด เพราะมีประสิทธิภาพสูงสุดหากเทียบกับวิธีอื่นๆ โดยในบทความนี้จะพูดถึงการทำหมันหมาชนิดนี้เป็นหลักในหัวข้อต่อๆ ไป
2. การทำหมันหมาด้วยการผ่าตัดนำท่อสุจิออก (Vasectomy)
การทำหมันหมาด้วยการผ่าตัดนำท่ออสุจิออก (Vasectomy) เป็นการผ่าตัดนำท่อส่งสเปิร์มจากลูกอัณฑะของสุนัขออก ทำให้ไม่สามารถหลั่งอสุจิไปปฏิสนธิกับตัวเมียได้ แต่วิธีนี้ไม่ได้นำเอาอัณฑะของสุนัขออกไปด้วยเหมือนวิธีแรก
ด้วยเหตุนี้สุนัขตัวผู้ที่ได้รับการทำหมันด้วยการผ่าตัดนำท่ออสุจิออกจะยังคงผลิตฮอร์โมนเทสทอสเทอโรน (Testosterone) ได้เช่นเดิม
ส่งผลให้มีความต้องการผสมพันธุ์กับสุนัขตัวเมียเหมือนก่อนที่จะทำหมัน และไม่ได้ลดพฤติกรรมอื่นๆ ที่อาจไม่เป็นที่ต้องการของผู้เลี้ยง เช่น การฉี่ไม่เป็นที่เพื่อแสดงอาณาเขต การแอบหนีออกจากบ้านเพื่อหาคู่ผสมพันธุ์ การแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวในบางตัว รวมถึงไม่ได้ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเกี่ยวกับอัณฑะเหมือนวิธีแรก
นอกจากนี้ หลังจากทำหมันด้วยวิธีนี้ไปแล้วเกิน 2 เดือนขึ้นไป สุนัขตัวผู้ก็จะยังมีโอกาสในการทำให้สุนัขตัวเมียตั้งครรภ์ได้อยู่บ้าง
ด้วยเหตุที่ว่ามาข้างต้น วิธีการทำหมันหมานี้จึงไม่ได้รับความนิยมมากนัก สัตวแพทย์และผู้เลี้ยงจึงนิยมการทำหมันด้วยการผ่าตัดนำเอาอัณฑะออกมากกว่า
3. การทำหมันหมาตัวผู้ด้วยการฉีดยา
การทำหมันหมาตัวผู้ด้วยการฉีดยา เป็นการใช้สารเคมีฉีดเข้าอัณฑะของสุนัขโดยตรงจนทำให้เป็นหมัน วิธีนี้สามารถใช้ได้กับสุนัขอายุ 3-10 เดือน แต่หลังจากฉีดแล้วอสุจิจะยังไม่ถูกทำลายในทันที อาจต้องอีกประมาณ 60 วันก่อนจะปล่อยให้สุนัขตัวผู้ไปผสมพันธุ์กับสุนัขตัวอื่นได้อย่างปลอดภัย ตัวอย่างชื่อการค้าของยาทำหมันแบบฉีดที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาสหรัฐ (The Food and Drug Administration) เช่น Zeuterin และ Neutersol
และเช่นเดียวกับการผ่าตัดนำท่ออสุจิออก การทำหมันหมาด้วยการฉีดยาไม่ได้ทำให้ปริมาณเทสทอสเทอโรน (Testosterone) หายไปแต่อย่างใด แต่จะลดลงจากเดิมประมาณครึ่งนึงเท่านั้น
จึงทำให้พฤติกรรมบางอย่างอาจยังคงอยู่ เช่น การฉี่ไม่เป็นที่เพื่อแสดงอาณาเขต การแอบหนีออกจากบ้านเพื่อหาคู่ผสมพันธุ์ การแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวในบางตัว รวมถึงไม่ได้ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเกี่ยวกับอัณฑะเหมือนวิธีแรก วิธีการทำหมันนี้จึงไม่ได้รับความนิยมเท่ากับการทำหมันหมาแบบผ่าตัดนำอัณฑะออกเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม แม้ทั้ง 2 วิธีอย่างการทำหมันหมาตัวผู้ด้วยการฉีดยา และการทำหมันหมาด้วยการผ่าตัดนำท่ออสุจิออก จะไม่ได้รับความนิยมมากเท่าการผ่าตัดนำอัณฑะออก แต่หากผู้เลี้ยงมีความต้องการ สามารถปรึกษาสัตวแพทย์ถึงความต้องการ ข้อดีข้อเสียได้ก่อนตัดสินใจ
ในหัวข้อต่อจากนี้ไป จะพูดถึงการทำหมันหมาด้วยการผ่าตัดนำเอาอัณฑะออก
ข้อดีของการทำหมันหมาตัวผู้
การทำหมันหมานั้นไม่ได้มีข้อดีเรื่องการคุมกำเนิดอันไม่พึงประสงค์เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีประโยชน์ด้านสุขภาพอื่นๆ ด้วย ดังนี้
- ลดความเสี่ยงโรคต่อมลูกหมากโตในสุนัข (Benign Prostate Hyperplasia) ที่มักมีโอกาสเป็นมากขึ้นตามอายุสุนัขที่เพิ่มขึ้น รวมถึงโรคต่อมลูกหมากอักเสบ (Prostatitis)
- ลดความเสี่ยงเนื้องอกข้างก้น (Perianal Gland Adenoma) ที่อาจมีความเกี่ยวข้องกับฮอร์โมน และมีโอกาสเป็นมากกว่าในสุนัขเพศผู้ที่ไม่ได้ทำหมัน
- ป้องกันการเป็นมะเร็งอัณฑะในสุนัข (Testicular Cancer) ซึ่งเป็นมะเร็งที่พบได้บ่อยในสุนัขตัวผู้ที่ไม่ได้ทำหมัน
- อาจช่วยลดพฤติกรรมหนีเที่ยว แอบออกจากบ้านของสุนัขลง ช่วยให้สุนัขอยู่ในบ้านอย่างปลอดภัย ไม่เสี่ยงออกไปเกิดอันตรายนอกบ้าน
- อาจช่วยลดพฤติกรรมก้าวร้าวของสุนัขลงได้ เนื่องจากระดับฮอร์โมนเทสทอสเทอโรนที่ลดลง
- อาจมีส่วนช่วยให้สุนัขมีอายุยืนยาวขึ้นได้
- อาจช่วยลดการฉี่ไม่เป็นที่ของสุนัขได้ โดยปกติสุนัขจะใช้การฉี่ตามจุดต่างๆ เพื่อแสดงอาณาเขตของตนเอง ป้องกันไม่ให้ตัวผู้ตัวอื่นเข้ามาในพื้นที่ และเป็นการส่งสัญญาณดึงดูดสุนัขตัวเมียเข้าหา การทำหมันจึงอาจช่วยลดพฤติกรรมดังกล่าวลงได้ก่อนที่สุนัขจะทำบ่อยจนกลายเป็นนิสัย
นอกจากข้อดีที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว การทำหมันหมาตัวผู้นี้ยังอาจใช้เพื่อเหตุผลอื่นๆ นอกจากการคุมกำเนิดได้ เช่น ใช้เพื่อลดความก้าวร้าวโดยตรง ใช้เพื่อรักษาเนื้องอกอัณฑะในสุนัขที่อายุมาก หรือโรคเกี่ยวกับต่อมลูกหมาก เป็นต้น
ข้อเสียของการทำหมันหมาตัวผู้
การทำหมันหมาอาจส่งผลให้การเผาผลาญลดลง สุนัขที่ผ่านการทำหมันมักมีความต้องการแคลอรี่ต่ำลงกว่าเดิมเฉลี่ยประมาณ 20%
ทั้งนี้เกิดจากสุนัขลดการเคลื่อนไหวลง หากผู้เลี้ยงไม่ได้ปรับการให้อาหารอย่างเหมาะสม สุนัขอาจมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น หรือดูอ้วนขึ้นได้
สิ่งที่ควรทำความเข้าใจคือ ความอ้วนของสุนัขนั้นมีสาเหตุหลักมาจากการกินที่มากเกินไป และการเคลื่อนไหวที่น้อยเกินไป ไม่ใช่ทำหมันแล้วอ้วนขึ้นโดยตรงอย่างที่หลายคนเข้าใจ ดังนั้นหากพาสุนัขตัวผู้ไปทำหมัน ควรวางแผนออกกำลังกายและควบคุมอาหารให้เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม แม้การทำหมันหมาตัวผู้จะมีความเสี่ยงบ้างตามที่กล่าวมา แต่ก็ยังส่งผลดีต่อสุขภาพระยะยาว และอายุขัยของสุนัข โดยไม่ได้ส่งผลต่อตัวตน ความฉลาด และความขี้เล่นของสุนัข
หากเกิดความกังวลใจที่จะพาสุนัขไปทำหมัน ควรพาสุนัขไปปรึกษาสัตวแพทย์ถึงข้อดีข้อเสียที่กล่าวมาก่อนตัดสินใจ
ควรพาหมาตัวผู้ไปทำหมันตอนไหน?
สามารถพาหมาตัวผู้ไปทำหมันได้ตั้งแต่อายุ 8 สัปดาห์ขึ้นไป และมีน้ำหนักไม่น้อยกว่า 1 กิโลกรัม แต่ทั้งนี้ความเหมาะสมว่าจะทำหมันสุนัขตอนไหนนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ ด้วย เช่น สุขภาพของสุนัข พฤติกรรมของสุนัข สายพันธ์ุของสุนัข และจำนวนสุนัขที่เลี้ยง
หากมีสุนัขเพศผู้และเพศเมียเลี้ยงอยู่ในบ้านเดียวกัน ควรพาทั้ง 2 ตัวไปทำหมันก่อนที่จะเกิดการผสมพันธุ์ครั้งแรกขึ้น ซึ่งอาจเกิดขึ้นในช่วงอายุ 5-10 เดือน
แม้ก่อนหน้านี้จะมีการบอกเล่ากันว่าการพาสุนัขไปทำหมันตั้งแต่ยังอายุน้อยนั้นอาจเกิดอันตรายได้ และควรรอให้สุนัขมีอายุมากกว่า 6 เดือนหรือ 1 ปีก่อน แต่สมาคมสัตวแพทย์สหรัฐ (American Veterinary Medical Association: AVMA) ก็สนับสนุนว่าสามารถพาสุนัขไปทำหมันตั้งแต่อายุยังน้อยได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของสัตวแพทย์เป็นกรณีไป
นอกจากนี้อีกเหตุผลหนึ่งที่หลายคนแนะนำให้ทำหมันสุนัขตั้งแต่อายุน้อยคือ สุนัขที่อายุน้อยอาจมีอัตราการฟื้นตัวจากแผลผ่าตัดเร็วกว่าสุนัขที่อายุมากเล็กน้อย ทำให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างง่ายขึ้น
อย่างไรก็ตาม หากไม่แน่ใจว่าสุนัขของตนเองเหมาะที่จะทำหมันแล้วหรือยัง สามารถทำนัดปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนตัดสินใจได้เช่นกัน
ขั้นตอนการทำหมันหมาตัวผู้เป็นอย่างไร?
การทำหมันหมาตัวผู้ ถือเป็นการผ่าตัดที่สัตวแพทย์ให้บริการกันทั่วไป ขั้นตอนไม่ซับซ้อนมาก หลักๆ มีดังนี้
- สัตวแพทย์จะทำการตรวจร่างกายเบื้องต้น และตรวจเลือดก่อนที่จะใช้ยาสลบ เพื่อดูความพร้อมของสุนัข
- หากสุนัขมีความพร้อม สุขภาพแข็งแรงดี สัตวแพทย์จึงจะทำการให้ยาสลบ ในสมัยก่อนจะฉีดให้เป็นหลัก แต่ปัจจุบันสัตวแพทย์อาจพิจารณาให้เป็นแบบแก๊ส (Gas Anesthetic) เข้าปอดโดยตรง ขึ้นอยู่กับแต่ละกรณี
- หลังจากสุนัขรับยาสลบเรียบร้อยแล้ว สัตวแพทย์จะมีการใส่หน้ากากช่วยหายใจเพื่อให้ออกซิเจนรวมถึงยาสลบแบบแก๊สเข้าสู่ปอดโดยตรงเป็นระยะ
- สัตวแพทย์จะทำการเปิดแผลเล็กๆ บริเวณหน้าถุงอัณฑะ (Scrotum) และนำลูกอัณฑะ (Testicles) ออก จากนั้นทำการเย็บแผล
- เมื่อทำการผ่าตัดเสร็จแล้ว สัตวแพทย์อาจปิดการปล่อยแก๊สยาสลบ เหลือแต่เพียงออกซิเจนเท่านั้นเพื่อให้สุนัขค่อยๆ ฟื้น ในระหว่างนี้จะคอยสังเกตอาการจนกว่าจะแน่ใจว่าสุนัขปลอดภัย จึงค่อยให้กลับบ้านตามปกติ
- หากสัตวแพทย์ใช้ไหมละลายในการเย็บแผล ก็จะไม่ต้องพาสุนัขกลับมาหาที่โรงพยาบาลสัตว์เพื่อตัดไหม แต่หากไม่ได้ใช้ไหมละลาย อาจมีการนัดหมายเพื่อให้กลับมาตัดไหมอีกครั้งหนึ่ง
ในระหว่างสังเกตอาการ ควรปรึกษากับสัตวแพทย์ถึงการดูแลหลังจากพาสุนัขกลับบ้าน เพราะสุนัขบางตัวอาจยังไม่หายจากฤทธิ์ยาสลบเต็มที่ และอาจมีข้อห้ามข้อควรปฏิบัติที่ต้องระวัง
การเตรียมตัวก่อนพาหมาตัวผู้ไปทำหมัน
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดทำหมันหมาตัวผู้มักไม่มีอะไรซับซ้อนมากนัก คำแนะนำทั่วไปก่อนผ่าตัดทำหมันหมาตัวผู้ คืออาจต้องงดอาหารและน้ำก่อนรับการผ่าตัด เพื่อป้องกันการสำลักขณะอยู่ใต้ฤทธิ์ยาสลบตอนผ่าตัด
หากสุนัขของคุณจำเป็นต้องกินยาบางชนิดซึ่งต้องกินหลังมื้ออาหาร ควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อพิจารณาความเหมาะสมต่อไป
ทั้งนี้ ก่อนให้สุนัขอดอาหารและน้ำ ควรปรึกษาสัตวแพทย์ถึงความเหมาะสม ระยะเวลาที่ต้องอดก่อน เพราะอาจมีความแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ชนิดยาสลบที่ใช้ สุขภาพ และอื่นๆ ซึ่งต้องประเมินเป็นกรณี
การดูแลหลังหมาตัวผู้ทำหมันแล้ว
หมาตัวผู้ที่ทำหมันแล้ว หากดูแลตามคำแนะนำของสัตวแพทย์เป็นอย่างดี ไม่มีอาการอื่นแทรกซ้อน ก็มักกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้ภายใน 5-10 วัน แต่ในระหว่างนั้นอาจต้องการดูแล และระวังมากกว่าเดิม ดังนี้
- ควรให้สุนัขพักผ่อนมากๆ
- ควรสังเกตการเปลี่ยนแปลงของแผลผ่าตัดทำหมันเป็นประจำทุกวัน หากมีอาการแดงมากขึ้น บวม มีกลิ่นเหม็น ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์ทันที
- ควรสังเกตลักษณะท่าทางของสุนัขอย่างต่อเนื่องว่าผิดปกติหรือไม่ เช่น เซื่องซึม กินน้อยลงมาก อาเจียน หรือท้องเสีย หากมีอาการดังกล่าวควรพาไปพบสัตวแพทย์ทันที
- ไม่ควรให้สุนัขวิ่งเล่น กระโดด หรือทำกิจกรรมหนักๆ อย่างน้อย 2 สัปดาห์หลังจากทำหมัน
- ไม่ควรให้สุนัขว่ายน้ำ เล่นน้ำ หรืออาบน้ำ อย่างน้อย 10 วันหลังจากทำหมัน
- ไม่ควรให้สุนัขปีนขึ้นบันไดด้วยตัวเอง
- ไม่ควรให้สุนัขที่เพิ่งทำหมันเข้าสัตว์ชนิดอื่นๆ จนกว่าจะหายดี
- หลีกเลี่ยงการให้สุนัขออกไปเล่นนอกบ้าน หากจำเป็นต้องออกไปนอกบ้านจริงๆ ควรใส่สายจูงเสมอ
- พิจารณาใส่ปลอกคอกันเลีย (Elizabethan Collar) หรือปลอกคอทรงโคน เพื่อป้องกันไม่ให้สุนัขเลียแผลผ่าตัดทำหมันของตนเอง
- ดูแลรักษาความสะอาดพื้นบ้านให้ดี เพราะสุนัขเป็นสัตว์ที่นั่งกับพื้น หากพื้นสกปรกอาจทำให้แผลติดเชื้อได้
ทั้งนี้ สัตวแพทย์อาจแนะนำ หรือข้อควรปฏิบัติอื่นๆ เพิ่มเติมนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น รวมถึงอาจให้ยาบรรเทาอาการปวดมาด้วย ผู้เลี้ยงควรปฏิบัติตามคำแนะนำของสัตวแพทย์เป็นหลัก
ทำหมันหมาตัวผู้แล้ว จะแอบหนีออกจากบ้านน้อยลงไหม?
หมาตัวผู้ที่ทำหมันแล้วจะแอบหนีออกจากบ้านน้อยลง เพราะโดยธรรมชาติสุนัขตัวผู้จะพยายามหาคู่สุนัขตัวเมียเพื่อผสมพันธ์ุอยู่เป็นระยะ จึงมีพฤติกรรมแอบหนีออกจากบ้าน หรือหาวิธีออกนอกรั้วอยู่เสมอ
การทำหมันสุนัขตัวผู้ จะช่วยลดความต้องการดังกล่าวได้ ทำให้สุนัขมีความปลอดภัยจากอันตรายบนท้องถนนมากขึ้น
ทำหมันหมาตัวผู้แล้ว จะยังสามารถเฝ้าบ้านได้อยู่ไหม?
แม้การทำหมันสุนัขตัวผู้จะมีส่วนทำให้ความก้าวร้าวของสุนัขลดลงได้ แต่การทำหมันไม่ได้ส่งผลต่อความสามารถในการปกป้องบ้าน พันธุกรรม และสัญชาติญาณแต่อย่างใด โดยเฉพาะสุนัขที่ถูกฝึกมาให้เฝ้าบ้าน หรือสุนัขตำรวจ
ทำหมันหมาตัวผู้เจ็บไหม?
การทำหมันหมาตัวผู้จะมีการให้ยาสลบซึ่งทำให้สุนัขไม่รู้สึกตัวและไม่รู้สึกเจ็บขณะผ่าตัด เนื่องจากยาสลบไประงับกระแสประสาทของสุนัข โดยอาจเป็นการฉีดให้โดยตรงหรือให้เป็นรูปแบบแก๊สร่วมกับออกซิเจน ขึ้นอยู่สัตวแพทย์
หลังจากเสร็จสิ้นการผ่าตัดแล้ว สัตวแพทย์ก็อาจให้ยาบรรเทาอาการปวดพร้อมแนะนำวิธีใช้ให้ผู้เลี้ยงกลับไปดูแลต่อที่บ้านด้วย จึงยังไม่ต้องกังวลถึงเรื่องความเจ็บของสุนัขมากเกินไป
ทำหมันหมาตัวผู้อันตรายไหม?
เช่นเดียวกับการผ่าตัดอื่นๆ ในมนุษย์ การผ่าตัดทำหมันหมาตัวผู้มีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อ หรืออันตรายถึงชีวิตได้จากการใช้ยาสลบ (Gerneral Anesthesia) ซึ่งอาจไปกดการทำงานของหัวใจ
แต่อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์และความรู้สมัยใหม่ของสัตวแพทย์ รวมถึงการปฏิบัติตามคำแนะนำของสัตวแพทย์อย่างเคร่งครัดทั้งก่อนและหลังรับการผ่าตัด ก็จะช่วยลดโอกาสเกิดอันตรายในสุนัขได้มาก
โดยสรุปแล้ว การทำหมันสุนัขตัวผู้นั้นนอกจากจะมีส่วนช่วยควบคุมจำนวนประชากรสุนัขแล้ว ยังช่วยประหยัดเงินในระยะยาวจากการลดความเสี่ยงการเกิดโรคต่างๆ ช่วยลดพฤติกรรมออกไปเที่ยวเล่น และช่วยลดก้าวร้าวลงได้
รวมถึงการผ่าตัดในสมัยนี้มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ สามารถทำได้ตั้งแต่สุนัขอายุยังน้อย แต่ควรปรึกษาสัตวแพทย์ผู้ให้บริการก่อนตัดสินใจทำ เพราะอาจมีปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง