อาการแพ้ท้อง (Hyperemesis gravidarum (HG)) คือ อาการที่หญิงตั้งครรภ์มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน โดยจะเป็นมากในช่วงเช้าขณะท้องว่าง (Morning sickness) ซึ่งพบได้บ่อยในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย มากกว่าครึ่งหนึ่งของหญิงตั้งครรภ์จะมีอาการแพ้ท้อง (คลื่นไส้ อาเจียน) โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ (3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์)
อาการแพ้ท้องจะพบได้ทุกช่วงเวลาของวัน ซึ่งไม่ได้บ่งบอกว่าลูกของคุณป่วยและไม่เป็นอันตรายต่อคุณหรือลูกน้อย
หญิงตั้งครรภ์ที่มีอาการแพ้ท้อง
อาการแพ้ท้องมักจะเกิดขึ้นอย่างกะทันหันเนื่องจากฮอร์โมนในร่างกายเพิ่มสูงขึ้น โดยทั่วไปมักมีอาการไม่รุนแรง และหายไปตอนช่วงกลางๆ ของการตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตาม หญิงตั้งครรภ์บางรายไม่มีอาการแพ้ท้องเลยตลอดเวลาของการตั้งครรภ์
หากมีอาการดังต่อไปนี้ให้ปรึกษาแพทย์
- มีอาการเหมือนเป็นไข้หวัดใหญ่ เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนของการเจ็บป่วย
- รู้สึกเวียนศีรษะ หรือง่วงนอน
- มีอาการอาเจียนรุนแรงอย่างต่อเนื่อง หรือเป็นหลายครั้งต่อวัน จนไม่สามารถรับประทานอาหารได้
- อาเจียนจนไม่สามารถรักษาของเหลวหรืออาหารไว้ในกระเพาะอาหารได้เลย และน้ำหนักตัวลดลง
- คุณคิดว่าอาการคลื่นไส้เกิดจากการรับประทานธาตุเหล็กที่อยู่ในวิตามินบำรุงขณะตั้งครรภ์
- คุณต้องการใช้ยารักษาอาการแพ้ท้อง หรือลองรักษาอาการแพ้ท้องด้วยวิธีอื่น เช่น การฝังเข็ม
การดูแลตัวเองช่วงแพ้ท้อง
- รับประทานอาหารเป็นมื้อเล็กๆ อาจแบ่งเป็น 5 หรือ 6 มื้อ แทนการรับประทานอาหารมื้อใหญ่ 3 มื้อ เพื่อป้องกันไม่ให้ท้องว่าง
- รับประทานวิตามินรวมบำรุงขณะตั้งครรภ์เสมอ ช่วยให้อาการแพ้ท้องรุนแรงน้อยลง แต่อย่ารับประทานวิตามินขณะท้องว่างเพราะจะทำให้อาการคลื่นไส้ อาเจียนแย่ลง
- หลีกเลี่ยงกลิ่นที่ทำให้รู้สึกคลื่นไส้ อาเจียน
- ก่อนลุกจากเตียงนอน ให้รับประทานแครกเกอร์ ขนมปังปิ้งแห้ง หรือซีเรียลแห้ง
- หลีกเลี่ยงอาหารเผ็ดและอาหารมัน
- เมื่อรู้สึกคลื่นไส้ ให้รับประทานอาหารอ่อนที่ย่อยง่าย เช่น ข้าว กล้วย ซุปไก่ เจลาติน
- ขณะมีอาการคลื่นไส้ ให้จิบน้ำเย็น น้ำชาอ่อนๆ หรือน้ำโซดา เพื่อบรรเทาอาการ