โรคมะเร็งปากมดลูกเป็น 1 ใน 5 โรคที่พบได้บ่อยที่สุดในผู้หญิงไทย ก่อให้เกิดผลกระทบต่อร่างกาย สภาพจิตใจ คุณภาพชีวิตของผู้ป่วย และยังเป็นต้นเหตุการเสียชีวิตของผู้ป่วยหลายๆ รายอีกด้วย มะเร็งปากมดลูกคืออะไร สาเหตุ อาการ วิธีรักษา รวมถึงวิธีป้องกันเป็นอย่างไร อ่านทุกข้อมูลที่คุณควรรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็งปาดมดลูกได้ในบทความนี้
สารบัญ
โรคมะเร็งปากมดลูกคืออะไร?
โรคมะเร็งปากมดลูก (Cervical Cancer) คือการเจริญเติบโตของเซลล์ที่ผิดปกติที่เกิดภายในเยื่อบุปากมดลูก โดยตำแหน่งของปากมดลูกนี้ จะอยู่บริเวณด้านล่างของตัวมดลูกเชื่อมต่อกับช่องคลอด และเป็นทางผ่านของเลือดประจำเดือน นอกจากนี้ยังเป็นทางผ่านของเซลล์อสุจิที่จะเข้าไปด้านในมดลูกอีกด้วย
โรคมะเร็งปากมดลูกเป็นโรคที่พบได้บ่อยที่สุดในผู้หญิงวัย 35-50 ปี แต่ขณะเดียวกันก็ยังสามารถพบได้ในผู้หญิงวัยต่ำกว่า 30 ปีเช่นกัน และยังเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของผู้หญิงไทยอีกด้วย
สาเหตุของโรคมะเร็งปากมดลูก
สาเหตุสำคัญของโรคมะเร็งปากมดลูก คือ การติดเชื้อ HPV (Human Papilloma Virus) ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่มักติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ โดยเชื้อไวรัสนี้มีอยู่หลายสายพันธุ์ และเป็นตัวการที่ทำให้เกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ อีกมากมาย เช่น โรคหูดหงอนไก่ โรคมะเร็งทวารหนัก โรคมะเร็งองคชาต เป็นต้น โดยกลุ่มผู้ที่เสี่ยงเป็นโรคมะเร็งปากมดลูก ได้แก่
- ผู้ที่มีพฤติกรรมเปลี่ยนคู่นอนบ่อย
- ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย โดยมีครั้งแรกก่อนอายุ 18 ปี
- ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือภูมิคุ้มกันร่างกายต่ำ
- ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่เป็นประจำ
- ผู้ที่มีบุตรหลายคน
- ผู้ที่ตนเองและคู่นอนไม่รักษาสุขอนามัยของอวัยวะเพศ
- ผู้ที่ป่วยเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ด้วย เช่น โรคหนองในแท้ โรคซิฟิลิส ผู้ที่ติดเชื้อ HIV
อาการของโรคมะเร็งปากมดลูก
อาการของโรคมะเร็งปากมดลูกนั้น แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับระยะและความรุนแรงของโรค หากเป็นมะเร็งปากมดลูกในระยะแรก ผู้ป่วยมักไม่มีอาการแสดงที่ผิดปกติใดๆ แต่เมื่ออาการเริ่มลุกลาม อาจแสดงอาการดังนี้
- ประจำเดือนมาผิดปกติ เช่น มามากผิดปกติ มานานผิดปกติ
- ถึงแม้ประจำเดือนหมดแล้ว ก็ยังมีเลือดไหลออกจากช่องคลอดอย่างผิดสังเกต
- มีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์
- มีตกขาวมากขึ้น
- ตกขาวมีกลิ่นเหม็น มีเลือดปน
- ปวดท้องน้อยหรือปวดหัวหน่าวอย่างไม่ทราบสาเหตุ
- เจ็บช่องคลอดระหว่างมีเพศสัมพันธ์
ปวดท้องน้อย มีตกขาวเยอะขึ้น มีเลือดไหลกะปริบกะปรอยที่ไม่ใช่ประจำเดือน อยากถามคุณหมอเพื่อหาสาเหตุ อยากตรวจหรือปรึกษาเพิ่มเติม ทักหาทีมงาน HDcare เพื่อนัดคุยกับคุณหมอได้เลย
ระยะของโรคมะเร็งปากมดลูก
โรคมะเร็งปากมดลูก มีความคล้ายคลึงกับโรคมะเร็งโดยทั่วไป คือสามารถแบ่งได้เป็นระยะ ดังนี้
- ระยะก่อนเป็นโรคมะเร็ง เป็นระยะที่เซลล์ปากมดลูกเกิดความผิดปกติ แต่ยังอยู่ใต้เยื่อบุผิวปากมดลูกอยู่ หากผู้ป่วยตรวจพบรอยโรคในระยะนี้ แล้วรักษาอย่างถูกวิธี จะมีโอกาสหายไ้ด้สูง
- ระยะลุกลาม เป็นระยะที่เซลล์มะเร็งก่อตัวกลายเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกแล้ว โดยแบ่งระยะได้ดังต่อไปนี้
- ระยะที่ 1 เป็นระยะที่เซลล์มะเร็งยังแพร่กระจายอยู่ในปากมดลูก
- ระยะที่ 2 เป็นระยะที่เซลล์มะเร็งเริ่มแพร่กระจายจากปากมดลูกไปส่วนบนของช่องคลอด หรือที่เนื้อเยื่อข้างปากมดลูก
- ระยะที่ 3 เป็นระยะที่เซลล์มะเร็งแพร่กระจายไปทั่วประมาณ 1 ใน 3 ของบริเวณช่องคลอด อาจรวมถึงบริเวณผนังอุ้งเชิงกราน และต่อมน้ำเหลืองบริเวณใกล้เคียงด้วย
- ระยะที่ 4 เป็นระยะที่เซลล์มะเร็งแพร่กระจายไปเกินกว่าบริเวณอุ้งเชิงกราน โดยลุกลามไปยังอวัยวะใกล้เคียง เช่น กระเพาะปัสสาวะ ลำไส้ ตับ ปอด กระดูก
วิธีรักษาโรคมะเร็งปากมดลูก
การรักษาโรคมะเร็งปากมดลูก ขึ้นอยู่กับระยะของโรคที่ตรวจพบ ได้แก่
- การติดตามอาการ ใช้ในผู้ป่วยระยะก่อนเป็นโรคมะเร็ง ในระหว่างนี้แพทย์จะนัดมาตรวจดูรอยโรคเป็นระยะๆ อาจอยู่ที่ทุก 4-6 เดือน หากมีการเปลี่ยนแปลงจะวางแผนการรักษาต่อไป
- การจี้เย็นหรือจี้ไฟฟ้าที่ปากมดลูก คือการทำลายมะเร็ง โดยทำให้บริเวณที่เป็นมะเร็งเย็นจนเป็นน้ำแข็ง
- การตัดปากมดลูกรูปกรวย เป็นวิธีที่ช่วยในการวินิจฉัยโรค ในรายที่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นมะเร็งหรือไม่ และช่วยรักษาโรคในผู้ป่วยที่เป็นระยะก่อนเป็นมะเร็ง ถ้าตัดออกได้หมดผู้ป่วยมักจะหายขาด
- การผ่าตัดปากมดลูก เพื่อนำก้อนมะเร็ง ปากมดลูก และอวัยวะอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบจากโรคมะเร็งออก สามารถแบ่งเทคนิคการผ่าตัดได้หลายรูปแบบ เพื่อให้กำจัดรอยโรคออกได้หมดจด เช่น
- การใช้รังสีรักษา นิยมรักษาร่วมกับการผ่าตัดหรือการให้ยาเคมีบำบัด ขึ้นอยู่กับระยะหรือความรุนแรงของโรค
- การให้ยาเคมีบำบัด นิยมรักษาร่วมกับการผ่าตัดหรือการทำรังสีรักษา ขึ้นอยู่กับระยะของหรือความรุนแรงของโรคเช่นกัน
- การใช้ยาคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy)
- การใช้ยาแบบมุ่งเป้า (Targeted Therapy)
ทั้งนี้การเลือกรักษาด้วยวิธีใดนั้น ขึ้นอยู่กับแพทย์เป็นผู้พิจารณา เพื่อหาวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยมากที่สุด
การป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูก
มะเร็งปากมดลูก แม้เป็นโรคที่ค่อนข้างร้ายแรง แต่ปัจจุบันก็มีวิธีป้องกันที่ง่าย สะดวก และมีประสิทธิภาพสูง นั่นคือ การฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส HPV ซึ่งเป็นวิธีป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกได้สูงถึง 90% โดยเริ่มฉีดได้ตั้งแต่อายุ 9 ปีขึ้นไป นอกจากนี้ยังมีวิธีอื่นๆ ที่ช่วยลดความเสี่ยงได้เช่นกัน เช่น
- หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนคู่นอนบ่อย
- งดพฤติกรรมสูบบุหรี่ และงดบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ตรวจภายใน พร้อมตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกทุกปี สามารถเริ่มตรวจได้ตั้งแต่อายุ 21 ปีขึ้นไป เพราะหากตรวจพบรอยโรคตั้งแต่ระยะก่อนเป็นมะเร็ง โอกาสที่ผู้ป่วยจะหายได้เองโดยที่เชื้อยังไม่ลุกลามเป็นโรคมะเร็งก็มีสูงขึ้น
- หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ก่อนอายุ 18 ปี
โรคมะเร็งปากมดลูกเป็นภัยเงียบที่กว่าผู้ป่วยจะสังเกตเห็นอาการ ระยะของโรคก็มักลุกลามจนต้องผ่านขั้นตอนการรักษาที่ซับซ้อนขึ้นเสียแล้ว
ดังนั้นการหมั่นสังเกตอาการ ตรวจคัดกรองกับแพทย์ทุกปี และหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันไม่ให้โรคนี้สร้างผลกระทบต่อร่างกายและคุณภาพชีวิต
ยังไม่แน่ใจว่าป่วยเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกรึเปล่า ปรึกษาทีม HDcare ได้เลย เราพร้อมเป็นผู้ช่วยส่วนตัวดูแลสุขภาพคุณ สอบถามข้อมูลเบื้องต้นกับคุณหมอเฉพาะทาง ทำนัดปรึกษาคุณหมอได้รวดเร็ว หรือค้นหาแพ็กเกจตรวจคัดกรองโรค จาก รพ. หรือคลินิกใกล้คุณได้ทันที คลิกที่นี่เลย