ผ่าตัดใส่แกนองคชาติเทียม รักษาอาการอวัยวะเพศไม่แข็งหรือโรคเสื่อมสมรรถภาพ
การผ่าตัดช่วยแก้ปัญหาอวัยวะเพศไม่แข็งตัวอย่างตรงจุด
แกนองคชาตเทียมแบบ 3 ชิ้น สามารถทำให้แข็งตัวและหดตัวได้ตามสั่ง
มีเพศสัมพันธ์ได้หลังผ่าตัด 1 เดือน
รายละเอียด
HDcare สรุปให้
เมื่อไหร่เรียกว่าหย่อนสมรรถภาพทางเพศ?
อวัยวะเพศไม่แข็งตัว ไม่เสร็จกิจ หรือไม่ถึงจุดสุดยอดจากการมีเพศสัมพันธ์เป็นระยะเวลา 2 เดือนขึ้นไปควรเข้ารับการตรวจหาสาเหตุกับแพทย์
โรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศไม่ได้เกิดกับผู้สูงอายุเท่านั้น แต่อาจเกิดกับคนเหล่านี้ด้วย
- มีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น ผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิต โรคซึมเศร้า
- มีพฤติกรรมไม่ดูแลสุขภาพ เช่น ไม่ออกกำลังกาย พักผ่อนน้อย สูบบุหรี่หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
- เคยผ่าตัดต่อมลูกหมาก ผ่าตัดท่อปัสสาวะ หรือเคยได้รับบาดเจ็บที่กระดูกสันหลังหรืออวัยวะเพศ
การใส่แกนองคชาตเทียม
- แกนองคชาตเทียมเป็นวัสดุทางการแพทย์ ไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกาย
- แกนองคชาตเทียมมีสองแบบคือ แบบชิ้นเดียว ใส่แล้วแข็งค้างอยู่แบบนั้น กับแบบ 3 ชิ้น ที่มีกลไกทำให้แข็งตัวและอ่อนตัวเมื่อไม่ได้ใช้งาน
- หลังผ่าตัดใส่แกนองคชาตเทียม พักฟื้นที่โรงพยาบาลประมาณ 2 วัน
รู้จักโรคนี้
โรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (Erectile Dysfunction) คือ ปัญหาอวัยวะเพศชายไม่แข็งตัวในระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ หรือไม่สามารถเสร็จกิจในการมีเพศสัมพันธ์ จนเกิดเป็นปัญหาบั่นทอนความมั่นใจ รวมถึงส่งผลต่อความสัมพันธ์ภายในครอบครัว
โรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศมีสาเหตุหลักมาจากเลือดไหลไปหล่อเลี้ยงอวัยวะเพศไม่เพียงพอ และพบได้บ่อยในกลุ่มผู้ชายที่มีเงื่อนไขสุขภาพดังต่อไปนี้
- ผู้ที่อายุ 40 ปีขึ้นไป
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น ผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิต โรคซึมเศร้า
- ผู้ที่มีพฤติกรรมไม่ดูแลสุขภาพ เช่น ไม่ออกกำลังกาย พักผ่อนน้อย สูบบุหรี่หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
- ผู้ที่เคยผ่าตัดต่อมลูกหมาก ผ่าตัดท่อปัสสาวะ หรือเคยได้รับบาดเจ็บที่กระดูกสันหลังหรืออวัยวะเพศ
โรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศยังสามารถแบ่งออกได้ 3 ระดับ ได้แก่
- ระดับอาการเล็กน้อย: อวัยวะเพศชายแข็งตัวได้ แต่เมื่อมีเพศสัมพันธ์ก็จะไม่เสร็จกิจทุกครั้ง หรือไม่สามารถถึงจุดสุดยอดได้ในบางครั้ง
- ระดับอาการปานกลาง: อวัยวะเพศชายแข็งตัวได้ แต่มักแข็งได้ไม่นานนัก ทำให้ไม่เสร็จกิจบ่อยขึ้น และอาจมีอารมณ์หงุดหงิดร่วมด้วยในระหว่างหรือหลังไม่ถึงจุดสุดยอด
ระดับอาการรุนแรง: อวัยวะเพศชายไม่สามารถแข็งตัวได้ และไม่สามารถเสร็จกิจได้เลย
สัญญาณที่ต้องตรวจ
หากพบปัญหาอวัยวะเพศไม่แข็งตัว ไม่เสร็จกิจ หรือไม่ถึงจุดสุดยอดจากการมีเพศสัมพันธ์บ่อยเป็นระยะเวลา 2 เดือน ผู้ป่วยก็ควรเดินทางไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติม
ตรวจโรคนี้อย่างไรได้บ้าง
การตรวจโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศกับแพทย์มักเริ่มต้นด้วยการให้แพทย์ซักประวัติสุขภาพทั้งทางกายและทางจิตใจเสียก่อน โดยผู้เข้ารับบริการจะต้องแจ้งข้อมูลสุขภาพอย่างครบถ้วน รวมถึงแจ้งประวัติการใช้ยา ประวัติการรักษาโรค ประวัติการผ่าตัด การประสบอุบัติเหตุที่อาจส่งผลต่อสมรรถภาพทางเพศ และแจ้งข้อมูลแพทย์เกี่ยวกับความถี่ในการมีเพศสัมพันธ์
หลังจากนั้นแพทย์จะมีการส่งตรวจรายการอื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อหาความผิดปกติของสุขภาพที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคหย่อนของสมรรถภาพทางเพศ เช่น ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ ตรวจการนอนหลับ ตรวจอัลตราซาวด์ ตรวจ MRA ( Magnetic Resonance Angiography)
รักษาโรคนี้ได้วิธีไหนบ้าง
โรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศมีวิธีรักษาได้หลายแนวทาง เช่น
- การรักษาโรคประจำตัว เป็นวิธีรักษาในกรณีที่ผู้ป่วยมีเงื่อนไขสุขภาพที่ผิดปกติแต่เดิมอยู่แล้ว และแพทย์ตรวจพบว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้สมรรถภาพทางเพศย่อหย่อนลง ก็จะแนะนำให้ควบคุมอาการของโรคให้ดีขึ้น เช่น ควบคุมน้ำตาลกับไขมันในเลือด ออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก งดสูบบุหรี่ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พูดคุยกับจิตแพทย์ การใช้ฮอร์โมนทดแทน
- การกินยากระตุ้นการแข็งตัว โดยแพทย์จะสั่งจ่ายยาและอาจให้กินก่อนมีเพศสัมพันธ์ประมาณ 30-60 นาที
- การฉีดยาเข้าอวัยวะเพศโดยตรง โดยแพทย์จะสอนผู้เข้ารับบริการฉีดยาด้วยตนเอง โดยฉีดก่อนมีเพศสัมพันธ์ประมาณ 5-10 นาทีและอาจใช้ร่วมกับยากิน โดยตัวยาจะช่วยให้หลอดเลือดที่อวัยวะเพศขยายตัว ทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น และช่วยให้อวัยวะเพศแข็งตัวได้นาน 30-60 นาที
- การใช้กระบอกสุญญากาศ โดยใช้กระบอกสุญญากาศครอบที่อวัยวะเพศชายแล้วสูบอากาศออกจากกระบอก ทำให้เลือดที่ไหลเวียนทั่วอวัยวะเพศไหลไปรวมที่เนื้อเยื่อ ทำให้อวัยวะเพศเกิดการแข็งตัว และเมื่อแข็งตัวเต็มที่ ให้ถอดกระบอกสุญญากาศออก แล้วใช้ห่วงรัดโคนอวัยวะเพศเพื่อคงการแข็งตัวเอาไว้
- การใช้คลื่นความถี่ต่ำ หรือ Shockwave Therapy เป็นการใช้พลังงานคลื่นความถี่ต่ำปล่อยพลังงานไปที่เนื้อเยื่ออวัยวะเพศชาย ทำให้เกิดกระบวนการสร้างหลอดเลือดใหม่ที่แข็งแรง ช่วยฟื้นฟูให้อวัยวะเพศกลับมาแข็งตัวได้ง่ายขึ้นเมื่อได้รับการกระตุ้นก่อนมีเพศสัมพันธ์
- ผ่าตัดใส่แกนอวัยวะเพศเทียม ซึ่งเป็นการใช้วัสดุทางการแพทย์ฝังเข้าไปด้านในองชาต และช่วยเป็นตัวกระตุ้นทำให้อวัยวะเพศชายแข็งตัวได้ตามเวลาที่ต้องการ
สัญญาณที่ต้องผ่าตัด
การผ่าตัดใส่แกนอวัยวะเพศเทียมเป็นตัวเลือกในการรักษาเมื่อผู้เข้ารับบริการลองรักษาด้วยวิธีอื่นๆ แล้ว แต่ยังไม่เห็นผลตอบรับในการรักษาที่ดีพอ แพทย์อาจแนะนำให้ใช้วิธีผ่าตัดใส่แกนอวัยวะเพศเทียม เพื่อช่วยให้อวัยวะเพศแข็งตัวง่ายขึ้นเข้าไปด้านในองคชาต ช่วยเพิ่มโอกาสให้การรักษาเห็นผลมากขึ้น
รู้จักการผ่าตัดนี้
การผ่าตัดใส่แกนองคชาตเทียม (Penile Prosthesis Implantation) คือ การผ่าตัดใส่แกนองคชาตซึ่งจะมีลักษณะเป็นแท่งยาวที่มีขนาดเท่ากับแท่งองคชาตผู้เข้ารับบริการเข้าไปด้านในองคชาต
โดยแท่งองคชาตเทียมสามารถอ่อนตัว ขยายตัว และแข็งเป็นแท่งตรงตามที่ผู้เข้ารับบริการต้องการได้ แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่
- แกนองคชาตเทียมแบบชิ้นเดียว เป็นแกนองคชาตที่มีลักษณะเป็นแท่งยาว มีจุดเด่นคือมีกลไกการทำงานที่ไม่ซับซ้อน แต่ซ่อนรูปได้ยาก ส่งผลกระทบต่อการแต่งตัวหรือออกไปใช้ชีวิตประจำวัน และยังไม่สามารถหดขยายตามที่ต้องการได้
- แกนองคชาตเทียมแบบ 3 ชิ้น เป็นแกนองคชาตที่ประกอบไปด้วยตัวแกนองคชาต ถุงของเหลว และที่ปั๊มถุงซึ่งจะอยู่ใกล้กับลูกอัณฑะ เมื่อไหร่ที่ต้องการมีเพศสัมพันธ์สามารถบีบที่ตัวปั๊มเพื่อให้ถุงปั๊มดันของเหลวในถุงไปยังแกนองคชาตแทน ทำให้องคชาตแข็งเป็นแท่งพร้อมต่อการสอดใส่ หรือหากยังไม่ต้องการใช้งานก็สามารถบีบที่ตัวปั๊มเพื่อให้แกนองคชาตหดและพับลงได้
ขั้นตอนการผ่าตัดใส่แกนองคชาตเทียมมีขั้นตอนดังนี้
- วิสัญญีแพทย์วางยาสลบผู้เข้ารับบริการ หรืออาจเป็นการฉีดยาชาเข้าไขสันหลัง รวมถึงอาจใส่สายสวนปัสสาวะด้วย
- แพทย์ผ่าเปิดแผลขนาดประมาณ 1-2 นิ้วที่โคนองคชาตซึ่งจะอยู่ระหว่างลูกอัณฑะเพื่อใส่แกนอวัยวะเพศเทียมและที่ปั๊มเข้าไป ส่วนถุงของเหลวจะมีการใส่ซ่อนไว้ด้านในกระดูกเชิงกราน
- เย็บปิดแผลด้วยไหมละลาย ผู้เข้ารับบริการอาจนอนพักดูอาการที่โรงพยาบาล 2 วัน แล้วแพทย์จึงจะอนุญาตให้กลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านได้
เปรียบเทียบการผ่าตัดวิธีต่างๆ
การผ่าตัดใส่แกนองคชาตเทียมเป็นวิธีผ่าตัดเดียวในการรักษาโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน แต่นอกเหนือจากการผ่าตัดแบบนี้ ในผู้ป่วยบางรายที่สมรรถภาพทางเพศหย่อนก็อาจใช้วิธีผ่าตัดซ่อมแซมหลอดเลือดที่อวัยวะเพศแทน ในกรณีที่ปัญหาสมรรถภาพทางเพศเกิดมาจากหลอดเลือดได้รับความเสียหาย
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
- แจ้งประวัติสุขภาพ ประวัติโรคประจำตัว ประวัติแพ้ยา ยาประจำตัว วิตามินเสริม อาหารเสริม สมุนไพรเสริมสุขภาพทุกชนิดกับแพทย์ล่วงหน้า
- ตรวจสุขภาพและตรวจร่างกายตามรายการที่แพทย์แนะนำ
- งดน้ำและงดอาหารล่วงหน้า 6-8 ชั่วโมง
- งดยาและวิตามินเสริมบางชนิดล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วันหรือตามคำแนะนำของแพทย์ เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยาละลายลิ่มเลือด
- งดสูบบุหรี่และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ล่วงหน้าอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ก่อนวันผ่าตัด
- งดใส่คอนแทคเลนส์ งดทาเล็บ งดใส่แว่นตา งดใส่ฟันปลอม
- ถอดของมีค่าเก็บไว้ที่บ้านเสียก่อน เช่น ต่างหู แหวน รวมถึงถอดอุปกรณ์ที่เจาะตามร่างกาย เช่น จิวจมูก จิวสะดือ จิวที่เจาะบริเวณอวัยวะเพศ
- ทำความสะอาดผิวเพื่อเตรียมผิวหนังบริเวณอัณฑะให้พร้อมต่อการผ่าตัดเสียก่อน รวมถึงโกนขนบริเวณรอบองคชาต
- ควรพาญาติมาด้วยในวันผ่าตัด
การดูแลหลังผ่าตัด
- แพทย์อาจแนะนำให้หยุดงานเพื่อพักฟื้นประมาณ 1-2 สัปดาห์ หลังจากนั้นก็สามารถกลับไปทำงานได้ตามปกติและเริ่มทำกิจกรรมเบาๆ ได้
- สามารถขับรถได้หลังผ่าตัดประมาณ 2 วัน
- งดให้แผลโดนน้ำจนกว่าแพทย์จะอนุญาต หากต้องการอาบน้ำ ให้ใช้วิธีเช็ดตัวและระวังอย่าให้แผลกระทบกระเทือน
- งดมีเพศสัมพันธ์ รวมถึงงดออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมหนักๆ งดยกของหนัก งดการทำกิจกรรมที่ทำให้ลูกอัณฑะได้รับแรงเสียดสีหรือแรงกระแทก เช่น ปั่นจักรยาน เตะฟุตบอล ขี่ม้าเป็นเวลา 4-6 สัปดาห์
- กินยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
- หลังผ่าตัดประมาณ 1 เดือน ควรมีเพศสัมพันธ์สม่ำเสมออย่างน้อย 2 ครั้งต่อเดือน เพื่อกระตุ้นการทำงานของแกนองคชาตเทียม
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
โดยทั่วไปโอกาสเกิดผลข้างเคียงหลังผ่าตัดใส่องคชาตเทียมมีค่อนข้างต่ำ และผู้เข้ารับบริการเกิน 90% มักพึงพอใจกับผลลัพธ์ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงบางประการที่อาจเกิดขึ้นได้หลังการผ่าตัด เช่น
- อาการข้างเคียงจากการวางยาสลบ เช่น คลื่นไส้อาเจียน เวียนศีรษะ
- แผลติดเชื้อ ซึ่งมักทำให้เกิดอาการแผลบวม มีกลิ่นเหม็น หรือมีของเหลวไหลออกจากแผล
- ภาวะเลือดไหลไม่หยุด
- มีไข้สูง
- การไหลเวียนเลือดที่องคชาตผิดปกติ ทำให้อาจต้องถอดแกนองคชาตเทียมออก
- ชิ้นส่วนขององคชาตเทียมเสียหาย
- การผ่าตัดสร้างความเสียหายต่อท่อปัสสาวะ