มัลเบอร์รี มีชื่อวิทยาศาสตร์ คือ Morus alba L. จัดอยู่ในวงศ์ Moraceae เป็นผลไม้ที่ได้มาจากต้นมัลเบอร์รี หรือ ต้นหม่อน มีต้นกำเนิดในแถบเทือกเขาหิมาลัย ประเทศจีนตอนใต้ ต่อมาปลูกกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก
ในประเทศไทยมัลเบอร์รีเป็นที่นิยมในการเพาะปลูกและรับประทาน เนื่องจากเป็นพืชที่ให้คุณประโยชน์หลายอย่าง ทั้งรับประทานเป็นผลไม้ ทำเป็นยาสมุนไพร และใบของมัลเบอร์รีก็สามารถนำมาเลี้ยงหม่อนไหมได้อีกด้วย
ลักษณะของมัลเบอร์รี
ต้นมัลเบอร์รี หรือ ต้นหม่อน เป็นไม้พุ่มสูงประมาณ 2-5 เมตร
ใบ เป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับ มีสีเขียว ขอบใบเป็นหยัก ปลายใบแหลม โคนใบเป็นรูปหัวใจ ผิวใบสาก
ดอก เป็นดอกช่อ ออกตามซอกใบและปลายกิ่ง ดอกมีสีเขียวอ่อน รูปทรงกระบอก
ผลมัลเบอร์รี เป็นผลรวม โดยมีผลกลม ๆ เล็ก ๆ เรียงเป็นรูปทรงกระบอก ยาวประมาณ 2 – 3 เซนติเมตร
ผลอ่อนมีสีเขียว เมื่อแก่จะมีสีม่วงแดง หรือม่วงเข้มจนเกือบดำ เนื้อนิ่ม ฉ่ำน้ำ มีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน สามารถรับประทานเป็นผลไม้สด น้ำคั้น และสามารถนำมาแปรรูปเป็นแยม เยลลี่ ไส้พาย หรือขนมชนิดต่าง ๆ ได้
สารอาหารในมัลเบอร์รี 100 กรัม
- พลังงาน 43 กิโลแคลอรี
- น้ำ 88%
- โปรตีน 1.4 กรัม
- คาร์โบไฮเดรต 9.8 กรัม
- น้ำตาล 8.1 กรัม
- ใยอาหาร 1.7 กรัม
- ไขมัน 0.4 กรัม
- วิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
อ้างอิงข้อมูล: USDA
ประโยชน์ของมัลเบอร์รี
- มีวิตามินเค 1 และแคลเซียมสูง ซึ่งมีความสำคัญต่อการแข็งตัวของเลือด เสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกและฟัน
- มีธาตุเหล็กปริมาณสูง ช่วยการทำงานของระบบไหลเวียนโลหิต ทำให้เม็ดเลือดแดงลำเลียงออกซิเจนไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ดียิ่งขึ้น และยังช่วยให้ระบบเผาผลาญในร่างกายทำงานดีขึ้นอีกด้วย
- มีโพแทสเซียม ช่วยควบคุมความดันโลหิต ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
- มีใยอาหารสูง ช่วยการทำงานของระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่าย ช่วยให้ขับถ่ายสะดวก ลดอาการท้องผูก ลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ และใยอาหารยังช่วยควบคุมระดับโคเลสเตอรอลในเลือด ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
- มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น แอนโทไซยานิน (Anthocyanin) วิตามินซี วิตามินเอ วิตามินอี เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยบำรุงและปกป้องผิวหนัง ช่วยบำรุงสมองและป้องกันภาวะสมองเสื่อม ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง
- มีสารกลุ่ม Flavonoid ที่สำคัญต่อการทำงานของหลอดเลือด ป้องกันหลอดเลือดตีบ ป้องกันการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
- ช่วยให้ร่างกายควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้น เพราะมีสารประกอบ DNJ (1-deoxynojirimcin) ที่ทำหน้าที่ยับยั้งเอนไซม์ในการย่อยน้ำตาล จึงช่วยชะลอการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำตาลในเลือดหลังมื้ออาหาร
- ตามศาสตร์การแพทย์แผนจีนได้มีการใช้ผลมัลเบอร์รี ในการช่วยบำรุงกำลัง บำรุงประสาท บำรุงหัวใจ ลดการอักเสบ
รับประทานมัลเบอร์รีอย่างไรให้ได้ประโยชน์
มัลเบอร์รีสด รับประทานก่อนมื้ออาหาร หรือขณะท้องว่าง เพราะร่างกายจะสามารถดูดซึมวิตามินและเกลือแร่ต่างๆ ไปใช้ได้ดีที่สุด โดยอาจรับประทานร่วมกับผลไม้ชนิดอื่นๆ ให้ได้อย่างน้อย 500 กรัมต่อวัน
เปรียบเทียบราคาแพ็กเกจตรวจสุขภาพ
บทความแนะนำ
- กล้วยน้ำว้า: ประโยชน์ สรรพคุณ ข้อควรระวัง
- รางจืด: ประโยชน์ สรรพคุณ ข้อควรระวัง
- อกไก่ ทานอย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด
- สตรอว์เบอร์รี: ประโยชน์ สรรพคุณ วิธีบริโภคเพื่อสุขภาพ
- ปวดต้นคอ คอเคล็ด อย่าวางใจ อาจอันตรายกว่าที่คิด
ที่มาของข้อมูล
ปิด
ปิด
- Adda Bjarnadottir, Mulberries 101: Nutrition Facts and Health Benefits (https://www.healthline.com/nutrition/foods/mulberries), 22 February 2019.
- สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, ประโยชน์ของหม่อน (Mulberry) (https://www.scimath.org/article-science/item/9114-mulberry), 1 มกราคม 2562.