กดสิวทั่วใบหน้า และทำ Nano Therapy ฉายแสงสีแดงลดรอยแดง กระตุ้นคอลลาเจน 1 ครั้ง ที่ Patricia Clinic

สิว (Acne) มักเกิดขึ้นบริเวณใบหน้า ลำคอ และลำตัวส่วนบน ที่มีต่อมไขมันอยู่หนาแน่น เช่น หน้าอก และหลัง เกิดจากการที่ผิวหนังสร้างไขมันมากเกินไปจนเกิดการอุดตันที่รูขุมขน และสามารถอักเสบได้หากติดเชื้อแบคทีเรีย หรือใช้เครื่องสำอางที่อุดตันรูขุมขน

ชนิดของสิว
แบ่งเป็น 2 ประเภทคือ สิวอุดตัน และสิวอักเสบ โดยแบ่งเป็นประเภทย่อยๆ ได้ดังนี้
สิวอุดตัน

• สิวหัวดำ หรือสิวอุดตันหัวเปิด เกิดจากการอุดตันรูขุมขนด้วยน้ำมันและเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว ลักษณะสิวมองเห็นจุดสีดำอยู่ตรงกลาง
• สิวหัวขาว หรือสิวอุดตันหัวปิด เกิดจากการอุดตันรูขุมขนด้วยน้ำมันและเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วเช่นกัน ยังไม่มีรูเปิดทำให้ผิวถูกดันจนนูนขึ้นมา เมื่อปล่อยไว้นานจะขยายใหญ่ขึ้นและมีโอกาสกลายเป็นสิวอักเสบได้
  สิวอักเสบ
• สิวชนิดตุ่มนูนแดง เป็นสิวอักเสบ มีลักษณะเป็นตุ่มสีแดงขนาดเล็กไม่เกิน 0.5 เซนติเมตร ส่วนมากเป็นสิวอักเสบในระยะแรกที่พัฒนามาจากสิวอุดตัน และไม่มีอาการเจ็บมากนัก
• สิวหัวหนอง เป็นสิวอักเสบที่มีการติดเชื้อแบคทีเรีย ลักษณะเป็นตุ่มแดงขนาดไม่เกิน 0.5 เซนติเมตร มีหัวหนองสีเหลืองด้านบน
• สิวอักเสบแดงเป็นก้อน เป็นสิวอักเสบ มีลักษณะเป็นตุ่มสีแดงขนาดใหญ่เกิน 0.5 เซนติเมตร เป็นไตแข็งอยู่ใต้ผิวหนัง เมื่อสัมผัสจะรู้สึกเจ็บ และอาจเกิดแผลเป็นหลังหายได้
• สิวหัวช้าง เป็นสิวที่มีการอักเสบรุนแรงมาก มีลักษณะเป็นตุ่มบวมแดงขนาดใหญ่ เมื่อกดลงไปจะรู้สึกแข็งเป็นไตร่วมกับอาการเจ็บปวด ภายในสิวหัวช้าง 1 ตุ่ม อาจพบหัวสิวได้มากถึง 2-3 หัวสิว มีหนองและอาจมีเลือดออก รักษาได้ยาก และอาจเป็นแผลเป็น ควรพบแพทย์เพื่อรักษา

วิธีการรักษาสิว
การรักษาสิวอาจต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ โดยมีทางเลือกในการรักษาดังนี้

• ใช้ยารักษาสิว โดยแบ่งเป็นยาสำหรับทา ยาสำหรับรับประทาน และยาสำหรับฉีด ขึ้นอยู่กับประเภทและความรุนแรงของสิว
• การเจาะหรือกดหัวสิว เป็นการเจาะรูบริเวณหัวสิวเพื่อกำจัดหนองบริเวณหัวสิวออกมา เหมาะสำหรับการรักษาสิวอุดตัน
• การใช้แสงหรือเลเซอร์กำจัดสิว แสงสีน้ำเงินและเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่นเหมาะสมจะสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิวอักเสบ และช่วยลดความมันบนใบหน้าได้

หลังจากการรักษาสิวอาจรักษาแผลเป็นที่เกิดจากสิวด้วย โดยมีหลายวิธี เช่น การทำทรีตเมนต์ การขัดผิว การตัดแผลเป็น การใช้เลเซอร์บนผิวหน้า เป็นต้น ซึ่งการรักษาเหล่านี้จะต้องอยู่ภายใต้ดุลยพินิจและการดูแลของแพทย์เฉพาะทางด้านโรคผิวหนังเท่านั้น

การฉายแสงฆ่าเชื้อสิว
เป็นวิธีหนึ่งในการรักษาสิวระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง โดยส่วนใหญ่จะใช้แสงสีแดงกับแสงสีฟ้า

• แสงสีแดงมีความสามารถต้านการอักเสบและลดการเกิดรอยแผลเป็นจากสิว โดยจะเข้าสู่ผิวหนังขึ้นลึกและฟื้นฟูเนื้อเยื่อ ให้ผลดีต่อการรักษาสิว โดยเฉพาะสิวที่มีสาเหตุจากปัญหาผิวเรื้อรัง
• แสงสีฟ้าสามารถฆ่าแบคทีเรียได้หลายชนิด ซึ่งแบคทีเรียเหล่านี้มักสะสมอยู่ในรูขุมขนหรือต่อมไขมัน ทำให้เกิดสิว โดยส่วนใหญ่แล้วจะเห็นความเปลี่ยนแปลงหลังจากฉายแสงต่อเนื่องไป 5 สัปดาห์ นอกจากนี้แสงสีฟ้ายังช่วยกำจัดอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ ช่วยทำให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์ รวมถึงลดรอยแดงได้อีกด้วย

การฉายแสงฆ่าเชื้อสิว เป็นวิธีรักษาสิวที่ใช้กันมานานกว่า 20 ปีแล้ว ถือเป็นวิธีที่ค่อนข้างปลอดภัย ไม่ค่อยมีผลข้างเคียง

คลินิกและโรงพยาบาลอื่นที่มีบริการ รักษาสิว ราคา เท่าไรบ้าง? เช็กราคาพร้อมโปรโมชั่นได้ที่นี่