⭐ แพ็กเกจเสริมจมูกและบริการเสริมอื่นๆ
เสริมปลายจมูกด้วยวัสดุ Osteopore (เพิ่มจากเสริมจมูก)
โรงพยาบาลยันฮีตัดปีกจมูก
Mena Clinicปรับโครงสร้างจมูก โดยใช้กระดูกอ่อนจากซี่โครง พักฟื้นรพ. 1 คืน
โรงพยาบาลยันฮีเสริมจมูกธรรมชาติ
เสริมจมูก เป็นเทรนด์ศัลยกรรมยอดฮิตที่ติดอันดับต้นๆ มานาน จนแทบจะเป็นเรื่องปกติธรรมดาไปแล้ว แต่การทำศัลยกรรมจมูกให้ปลอดภัย ดูสวยโดดเด่น เป็นธรรมชาติ เป็นเทรนใหม่ของการเสริมจมูกเพราะในปัจจุบันผู้คนมักนิยมให้ตัวเองนั้นดูดีอย่างเป็นธรรมชาติ
เสริมจมูกมีกี่แบบ
ศัลยกรรมเสริมจมูก แบ่งเป็น 2 เทคนิค หลัก ๆ วิธีแรกคือการเสริมจมูกแบบปิด ( Close Rhinoplasty ) และวิธีที่สองคือการเสริมจมูกแบบเปิด (Open Rhinoplast)
เสริมจมูกแบบปิด Close Rhinoplasty
การศัลยกรรมเสริมจมูกแบบปิด หรือ การทำจมูกซิลิโคน การทำจมูกแบบปิด Close Rhinoplasty หลัก ๆ จะใช้ซิลิโคนเพียงอย่างเดียว และในบางเคสอาจจะมีการใช้เนื้อเยื่อบางอย่างเสริมเข้ามา อย่างเช่น กระดูกหลังหู, เนื้อเยื่อก้นกบ หรือ เนื้อเยื่อเทียม มาใช้รองปลายจมูกเป็นต้น
เสริมจมูกแบบปิดเหมาะกับใคร?
- ผู้ที่มีพื้นฐานจมูกดี ตั้งแต่ดั้งจนถึงปลายจมูกเรียวเล็กและอยู่แล้ว
ข้อดีของการเสริมจมูกแบบปิด
- ราคาไม่สูงเท่าการทำจมูกแบบเปิด
- บวมช้ำน้อย บางรายไม่บวมช้ำเลย สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเป็นปกติ
- ใช้เวลาไม่นาน 30 นาที โดยประมาณ
เสริมจมูกแบบเปิด Open Rhinoplasty
การศัลยกรรมเสริมจมูกแบบเปิด หรือ การทำจมูกโอเพ่น Open Rhinoplasty เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาโครงสร้างจมูกเยอะๆ ต้องทำการปรับโครงสร้างจมูกเพื่อ “แก้จมูก” ให้ดีขึ้น ส่วนใหญ่จะใช้กระดูกอ่อนหลังหู หรือกระดูกอ่อนซี่โครงนำมาเหลาทดแทนซิลิโคน ช่วยดันปลายจมูกและทดแทนซิลิโคนบริเวณสันจมูกได้ โดยกระดูกอ่อนหลังหูและกระดูกซี่โครงจะมีความปลอดภัยกับร่างกาย เกิดผลแทรกซ้อนน้อย ไม่เกิดปฏิกิริยาต่อต้านกับร่างกายแต่ละคน เพราะเป็นกระดูกอ่อนของเราเอง
เสริมจมูกแบบเปิดเหมาะกับใคร?
ผู้ที่มีจมูกสั้น จมูกเบี้ยว จมูกแบน จมูกมีฮัมพ์ รวมถึงผู้ที่รูจมูกเชิด ปลายจมูกสั้น ต้องการแก้ไขทรงจมูกให้ยาวขึ้น พุ่งขึ้น หรือแม้กระทั่งการทำจมูกหยดน้ำที่ดูเป็นธรรมชาติ
ข้อดีของการเสริมจมูกแบบเปิด
- สำหรับผู้ที่มีปัญหาจมูกผิดรูปมาก วิธีนี้จะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด และ ครบถ้วน
- การตกแต่งปลายจมูกให้โด่ง เชิ่ด จะดูสวยงามอย่างเป็นธรรมชาติ เนื่องจากการทำจมูกแบบเปิดจะใช้เทคนิคการนำอวัยวะบางส่วนของร่างกายมาตกแต่งเพิ่มเติม เช่น การนำกระดูกอ่อนหลังหูมาเติมช่วงปลายจมูกเพื่อให้จมูกยาวขึ้น รวมถึงจะไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการทะลุของซิลิโคน
เสริมจมูกกี่วันล้างหน้าได้
หลังจากเสริมจมูกแล้ว สิ่งที่เราต้องหลีกเลี่ยงเลยก็คือการล้างหน้าโดยใช้มือและน้ำสะอาดโดยตรง เพราะ จะทำให้แผลผ่าตัดเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้นั่นเองค่ะ หลังเสริมจมูก14 วันเราควรใช้คลีนซิ่ง โทนเนอร์ หรือน้ำเกลือเช็ดทำความสะอาดใบหน้า หากต้องการสระผมควรเข้าร้านสระผมเพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อค่ะ เมื่อผ่านพ้น 14 วันไปแล้วก็สามารถล้างหน้าได้ปกติ
ทำจมูกกินทุเรียนได้ไหม
โดยปกติแล้วทางการแพทย์นั้นยังไม่มีผลวิจัยพิสูจน์เกี่ยวกับทุเรียนที่ส่งผลกระทบกับคนผ่าตัดเสริมมาก่อน แต่อาจจะงดรับประทานไปก่อนในช่วงแรกเพื่อความปลอดภัย เนื่องจากมีบางเคสที่รับประทานทุเรียนแล้วทำให้แผลแห้งช้ากว่าปกติ แผลปิดไม่ค่อยสนิท และปากแผลเปื่อยมากกว่าคนทั่วไป
ทําจมูกกินไข่ได้ไหม?
เชื่อว่า หลายๆ คนที่ทำจมูกหรือกำลังจะตัดสินใจทำจมูกจะต้องเคยได้ยิน “เขาเล่าว่า..” ห้ามกินไข่หลังการผาตัดนั้น ไม่ควรทานไข่ เพราะอาจจะทำให้เกิดอาการอักเสบ ก่อให้เกิดอาการข้างเคียงนั่นนู้นนี่ …” หมอกันขอแจ้งไว้ตรงนี้เลยนะครับว่า การกินไข่หลังการผ่าตัดนั้น สามารถทานได้ แต่เพียงควรจะต้องระวังในกลุ่มคนที่มีอาการแพ้ง่าย หรือไข่ที่ไม่ปลอดภัยด้านสุขลักษณะที่ดี เพราะในไข่นั้นมีเชื้อซาลโมเนลลา (Salmonella) ซึ่งเชื้อชนิดนี้เป็นเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่พบปนเปื้อนในอาหารที่มักส่งผลให้เกิดอาการเจ็บป่วยเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องร่วง อาเจียน และหากคนๆ นั้นกำลังผ่าตัดหรือทำศัลยกรรมอยู่ก็อาจจะทำให้เกิดการติดเชื้ออักเสบได้ง่ายว่าคนทั่วไป ดังนั้นหากจะทานจริงๆ ก็ทานได้แต่ต้องเลือกไข่ออร์แกนิคหรือไข่เปลือกขาวเกรดพรีเมี่ยมที่ได้รับการรับรองว่าปลอดเชื้อ 100% จะดีกว่า แต่ข้อเสียของไข่ชนิดนี้ก็คือ จะมีราคาแพงกว่าไข่ปกติถึง 2-3 เท่า ดังนั้นหากไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องทานไข่ ก็งดไปก่อนก็จะดีที่สุดครับ
เสริมจมูกกินอะไรฟื้นตัวหายเร็วขึ้น
- น้ำ : เนื่องจากน้ำเป็นกลไกสำคัญต่อการสมานแผล เมื่อร่างกายมีความชุ่มชื้นเซลล์ผิวหนังก็จะสามารถเคลื่อนที่จากขอบแผลมาปิดคลุมบาดแผลได้ดี ดังนั้น จึงควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้วให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
- ไขมันดี : เป็นประเภทไขมันที่สามารถพบได้ในน้ำมันมะกอก น้ำมันรำข้าว น้ำมันถั่วลิสง และอาหารจำพวกถั่วเปลือกแข็ง เช่น อัลมอนด์ ซึ่งประโยชน์ของไขมันดีต่อแผลผ่าตัดก็คือเรื่องของการสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อ อีกทั้งยังช่วยให้แผลสมานได้ดีด้วยเช่นกัน
- วิตามินซี : หาได้จากผักและผลไม้ เช่น ส้ม ฝรั่ง มะละกอ กีวี บร็อกโคลี โดยร่างกายควรได้รับวิตามินซีไม่น้อยไปกว่าวันละ 100-200 มิลลิกรัม เพื่อทำให้บาดแผลสมานตัวได้เร็วขึ้น ลดอาการบวมช้ำ อักเสบ และช่วยในเรื่องความแข็งแรงของผนังหลอดเลือดได้ด้วย
- ธาตุเหล็กและสังกะสี : เพราะการศัลยกรรมทำให้เราเกิดการเสียเลือด ไม่มากก็น้อย การกินอาหารที่มีธาตุเหล็กและสังกะสีจะมีส่วนช่วยในเรื่องของการสมานแผลได้เป็นอย่างดี ซึ่งถ้าหากอยากฟื้นตัวได้เร็วขึ้นควรกินธาตุเหล่านี้อย่างน้อยวันละ 15 มิลลิกรัม ซึ่งพบได้ในอาหารจำพวก ปลา ไข่ อาหารทะเล ผักใบเขียว และถั่วเหลือง เป็นต้น
- ใบบัวบก : โดยใบบัวบกจะไปช่วยเร่งให้เซลล์มีการสร้างเส้นใยคอลลาเจน (Collagen synthesis) และเร่งการซ่อมแซมเส้นเลือดที่เสียหายไปให้กลับคืนมา ส่งผลทำให้แผลเกิดกระบวนการสร้างเนื้อเยื่อใหม่และเพิ่มความยืดหยุ่นของผิวหนังที่สร้างใหม่ อีกทั้งช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในเส้นเลือดฝอยและเพิ่มการแลกเปลี่ยนออกซิเจนของเนื้อเยื่อ ทำให้ไปลดอาการบวมและการอักเสบของหลอดเลือดได้ด้วย