🤓 เปลี่ยนตัวเองจากลุคเก่าแว่นหนาเตอะ สู่สายตาคมชัดแบบ "HD" ด้วยการทำเลสิก 👁✨

ทำเลสิกคืออะไร

เลสิก หรือ LASIK ย่อมาจากคำว่า Laser In Situ Keratomileusis เป็นการผ่าตัดแก้ไขสภาวะสายตาผิดปกติไม่ว่าจะเป็น ทั้งสายตาสั้น สายตายาว และสายตาเอียง โดยการทำเลสิกจะเปิดชั้นกระจกตาออกมาเล็กน้อยและใช้เลเซอร์ปรับความโค้งของผิวกระจกตาให้เหมาะสม จากนั้นก็นำกระจกตาพาดปิดลงไปที่เดิมโดยไม่จำเป็นต้องเย็บ เพราะกระจกตาสามารถเชื่อมต่อกันได้เอง เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้คุณมองเห็นภาพชัดเจนได้เป็นปกติ

ทำเลสิกมีกี่แบบ

การทำเลสิกปรับค่าสายตามีด้วยกัน 4 แบบหลักๆ โดยมีความแตกต่างกันทั้งกระบวนการและวัตถุประสงค์ ซึ่งจักษุแพทย์จะช่วยพิจารณาทางเลือกที่เหมาะสมให้ ดังนี้

1. PRK

เป็นการทำเลสิกรุ่นแรกๆ ที่เกิดขึ้นแต่ยังไม่รับความนิยมอยู่ ขั้นตอนการรักษาจะไม่แยกชั้นกระจกตา แต่จะลอกผิวกระจกตาชั้นนอกสุดออกก่อน แล้วใช้เลเซอร์ปรับความโค้งของกระจกตาอีกที ก่อนจะปิดกระจกตาด้วยคอนแทคเลนส์นาน 5-7 วันเพื่อลดอาการระคายเคืองตา

จุดเด่นของเลสิก PRK

• รักษาค่าสายตาผิดปกติ ได้ทั้งกรณีสายตาสั้นไม่เกิน -600 สายตายาวไม่เกิน -500 และ
• สายตาเอียงไม่เกิน -600
• ไม่ต้องฉีดยาชา ใช้แค่ยาชาแบบหยอดตา
• ไม่ต้องมีการเย็บแผล
• ใช้รักษาในผู้ป่วยที่มีกระจกตาบาง ซึ่งไม่สามารถใช้การรักษาแบบแยกชั้นกระจกตาได้

ข้อจำกัดของเลสิก PRK

• มีโอกาสเกิดฝ้าที่กระจกตาได้ หากออกแดดบ่อย
• อาจมีอาการระคายเคืองมากกว่าวิธีอื่น
• ใช้เวลาฟื้นตัวช้ากว่าการทำเลสิค

2. Femto

เฟมโตเลสิก หรือเลสิกไร้ใบมีด คือ วิธีการรักษาที่ใช้เลเซอร์ในขั้นตอนการเปิดฝา กระจกตาจากนั้นจะปรับแต่งความโค้งของกระจกด้วยเอ็กไซเมอร์เลเซอร์เรียกได้ว่าใช้เลเซอร์เป็นหลักตลอดการรักษาจึงให้ความแม่นยำและความปลอดภัยที่ดีกว่าการทำเลสิคแบบใช้ใบมีด

จุดเด่นของเลสิก FEMTO

• รักษาค่าสายตาผิดปกติ ได้ทั้งกรณีสายตาสั้นไม่เกิน -1000 สายตายาวไม่เกิน -500 และสายตาเอียงไม่เกิน -600
• ผลข้างเคียงและภาวะแทรกซ้อนต่ำ
• อ่อนโยน และก่อความระคายเคืองน้อย
• ไม่ต้องฉีดยาชา ใช้แค่ยาชาแบบหยอดตา
• ฟื้นตัวได้เร็ว เพราะไม่ต้องผ่าตัด
• สามารถกลับมามองเห็นได้เต็มประสิทธิภาพอย่างรวดเร็ว
• มีความแม่นยำในการแยกชั้นกระจกตาสูง

ข้อจำกัดของเลสิก FEMTO

• อาจเกิดรอยแผลบริเวณกระจกตา
• หากมีอุบัติเหตุกระทบกระเทือนตาอย่างรุนแรงมีโอกาสฝากระจกตาเคลื่อนที่
• ทำให้เกิดตาแห้งได้มากกว่าวิธี ReLEx Smile

3. ReLex Smile

ReLex Smile หรือเลสิคแบบไร้ใบมีดอีกชนิด (Refractive lenticule extraction – Small incision lenticule extraction) เทคโนโลยีล่าสุดในการแก้ไขสายตาโดยใช้เลเซอร์ (Femtosecond Laser) เทคนิคดังกล่าว ไม่ต้องเปิดฝากระจกตาเพื่อแยกชั้นเหมือนวิธีเลสิคใบมีด แต่จะใช้เลเซอร์ตัดเนื้อกระจกตาเป็นชิ้นเลนส์ แล้วดึงออกผ่านแผลซึ่งมีขนาดเล็กเพียงประมาณ 2-4 มม. จึงเป็นเทคนิคที่รบกวนกระจกตาน้อยมาก

จุดเด่นของเลสิก ReLex Smile

• ไม่มีการแยกชั้นกระจกตาให้เกิดบาดแผล
• ระคายเคืองหรือปวดตาน้อยมาก (หรือแทบไม่มีเลย)
• โอกาสเกิดภาวะตาแห้งน้อยมาก
• รักษาโครงสร้างทางกายภาพและความแข็งแรงของเนื้อกระจกตาได้ดี
• ลดภาวะแสงฟุ้งกระจายตอนกลางคืน
• ใช้เวลาผ่าตัดสั้น

ข้อจำกัดของเลสิก ReLex Smile

• ใช้ทักษะความชำนาญของแพทย์เป็นกรณีพิเศษ
• มีระยะการฟื้นตัวใกล้เคียงหรืออาจช้ากว่าการทำเลสิคใบมีด
• รักษาได้เฉพาะผู้ที่มีสายตาสั้นตั้งแต่ -50 ถึง -1000 และสายตาเอียงไม่เกิน -600
• ยังใช้รักษาภาวะสายตายาวไม่ได้

4. SBK

เลสิกชนิดนี้มีชื่อเรียกต่างกันขึ้นอยู่กับผู้เรียก บางแห่งใช้ชื่อเรียก LASIK เฉยๆ บางที่เรียก Microkeratome LASIK (เลสิคใบมีด) เป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมสูง โดยใช้ใบมีดที่มีขนาดเล็กเปิดฝากระจกตาขึ้น ก่อนใช้เอ็กไซเมอร์เลเซอร์ (Excimer laser) ปรับแต่งความโค้งของกระจกตาให้ได้ค่าสายตาที่ต้องการ แล้วปิดกระจกตากลับเข้าที่เดิม ระยะเวลาในการผ่าตัดประมาณ 15-20 นาที

จุดเด่นของเลสิก SBK

• รักษาค่าสายตาผิดปกติ ได้ทั้งกรณีสายตาสั้นไม่เกิน -1000 สายตายาวไม่เกิน -500 และสายตาเอียงไม่เกิน -600
• ผู้ป่วยใช้เวลาพักฟื้นน้อย
• สามารถกลับมามองเห็นได้เต็มประสิทธิภาพอย่างรวดเร็ว
• อ่อนโยนต่อสภาพตา ระคายเคืองน้อย ทั้งในช่วงระหว่างผ่าตัดและหลังการผ่าตัด

ข้อจำกัดเลสิก SBK

• ไม่สามารถใช้เทคนิคนี้กับผู้ที่มีภาวะกระจกตาบางหรือไม่สม่ำเสมอ
• อาจเกิดรอยแผลบนผิวกระจกตา จากการแยกชั้นกระจกตา (แต่จะหายได้เอง)
• มีโอกาสเกิดภาวะตาแห้งมากกว่าวิธีการทำเลสิคแบบอื่น และไม่เหมาะกับผู้ป่วยตาแห้งเรื้อรัง

ทำเลสิกข้อเสีย

• การทำเลสิกเป็นการใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อนในการผ่าตัด อาจมีข้อผิดพลาดในขณะที่แพทย์ตัดและตกแต่งกระจกตา ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาในการมองเห็นอย่างถาวร
• การทำเลสิกอาจทำให้สูญเสียทัศนวิสัยในการมองเห็นที่ดีที่สุด ซึ่งเกิดจากการสวมใส่แว่นสายตาและการใช้คอนแทคเลนส์ ที่สามารถกำหนดเลนส์สายตาได้อย่างแน่ชัด
• มีผลข้างเคียงหลังการทำเลสิกและความเสี่ยงจากการทำเลสิก

ทำเลสิกอายุเท่าไร

LASIK สำหรับผู้ที่มีอายุ 18-24 ปี

ในช่วงอายุนี้ จะมีโอกาสที่ค่าสายตายังคงเปลี่ยนแปลงได้อยู่ ดังนั้น หากสุขภาพตาโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ปกติ ผู้ที่มีค่าสายตาคงที่อย่างน้อย 1 ปี จึงจะเป็นผู้ที่เหมาะสมต่อการรักษา แต่สำหรับผู้ที่มีความจำเป็นในการรักษา เช่น นักเรียนนายร้อย นักกีฬา ก็สามารถเข้ารับการรักษาได้เช่นกัน ทั้งนี้ ขึ้นกับดุลยพินิจของแพทย์ และการตัดสินใจร่วมกันระหว่างแพทย์และผู้ป่วยเอง

LASIK สำหรับผู้ที่มีอายุ 25-40 ปี

จักษุแพทย์ส่วนใหญ่ให้ความเห็นตรงกันว่า ช่วงอายุ 25-40 ปี เป็นช่วงที่เหมาะสมต่อการทำเลสิกมากที่สุด เนื่องจากมีค่าสายตาคงที่ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือเปลี่ยนแปลงน้อยมาก

LASIK สำหรับผู้ที่มีอายุ 41-55 ปี

เมื่อเราเริ่มเข้าสู่อายุ 40 ปี ค่าสายตาจะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเกิดจากภาวะสายตายาวตามอายุ (Presbyopia) หรืออาการที่เราต้องพึ่งแว่นตา เมื่อต้องอ่านตัวหนังสือในระยะใกล้ แต่ก็ยังมีผู้ป่วยที่ต้องการทำเลสิกเพื่อแก้ไขค่าสายตาให้มองเห็นชัดเจนในระยะไกลเพื่อหลีกเลี่ยงการใส่แว่นตาหรือคอนแทคเลนส์เวลามีกิจกรรมกลางแจ้งต่างๆ หรือขณะที่ออกกำลังกาย

LASIK สำหรับผู้ที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป

สำหรับผู้ที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป จะเริ่มเกิดภาวะของโรคต้อกระจก ซึ่งเกิดจากการที่เลนส์แก้วตาเริ่มขุ่นขึ้นตามธรรมชาติ ทำให้ไม่เหมาะสมต่อการทำเลสิก แต่จะสามารถทำผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์แก้วตาเพื่อให้การมองเห็นชัดเจนขึ้นได้ นอกจากนี้โรคตาอื่นๆ ที่มักพบในผู้ที่มีอายุเพิ่มขึ้น ได้แก่ โรคตาแห้ง โรคเบาหวานที่จอประสาทตา โรคต้อหิน ดังนั้น จักษุแพทย์แนะนำให้ตรวจสุขภาพตาเป็นประจำทุกปีเพื่อให้มั่นใจว่าเรามีสุขภาพตาที่ดีอยู่เสมอ

ทําเลสิกใส่คอนแทคเลนส์ได้ไหม

การทำเลสิกเป็นการใช้เลเซอร์ปรับความโค้งที่กระจกตาให้เหมาะสมเพื่อให้เรามองเห็นได้ชัดขึ้น ดังนั้นหลังทำเลสิก เราจะมีความโค้งกระจกตาที่เปลี่ยนแปลงไป การใส่คอนแทคเลนส์หลังทำเลสิกนั้น สามารถใส่ได้ แต่จะต้องเป็นคอนแทคเลนส์ที่มีความโค้งเหมาะสมหรือพอดีกับความโค้งกระจกตา ไม่กดแน่นหรือไม่หลวมจนเกินไปเพราะอาจทำให้เกิดแผลที่กระจกตาได้ ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องให้จักษุแพทย์พิจารณาและตรวจดูอีกครั้งว่าคอนแทคเลนส์ที่ใส่มีขนาดพอดีกับตาเราหรือไม่

ทำเลสิกพักฟื้นกี่วัน

การทำเลสิกจะใช้ระยะเวลาพักฟื้นประมาณ 24-48 ชั่วโมง หลังจากนั้นผู้เข้ารับการรักษาสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ต้องระมัดระวังไม่ให้มีสิ่งแปลกปลอมสัมผัสดวงตา หมั่นใช้หยอดตาตามคำแนะนำของจักษุแพทย์ โดยรายละเอียดการพักฟื้นหลังทำเลสิก มีดังนี้

• หลังทำเลสิกเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผู้เข้ารับการรักษาอาจรู้สึกเคือง หรือคันตา คล้ายมีบางสิ่งบางอย่างอยู่ในตา หรือมีอาการปวดตาเล็กน้อย ซึ่งสามารถรับประทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการได้ แต่ห้ามขยี้ตาโดยเด็ดขาด
• จักษุแพทย์จะใส่แผ่นปิดตา และให้ผู้เข้ารับการรักษากลับไปพักผ่อนที่บ้าน โดยแนะนำให้ใส่ฝาครอบตาก่อนนอนหลับทุกครั้ง เพื่อป้องกันการเผลอขยี้ตาโดยไม่รู้ตัว
• หลังจากนั้นภายใน 24-48 ชั่วโมง จะต้องกลับไปพบจักษุแพทย์เพื่อถอดแผ่นปิดตาออก ตรวจการสมานขอกระจกตา และทดสอบการมองเห็น
• เมื่อตรวจตาเสร็จเรียบร้อยแล้ว จักษุแพทย์จะจ่ายยาหยอดตาปฏิชีวนะให้กลับไปใช้ที่บ้าน เพื่อป้องกันการติดเชื้อ หรือเกิดการอักเสบ และน้ำตาเทียมเพื่อช่วยหล่อลื่นดวงตา และบรรเทาอาการตาแห้ง
• หลังจากนั้นจักษุแพทย์จะนัดตรวจติดตามผลการรักษาอย่างต่อเนื่อง เช่น 1 วัน 1 สัปดาห์ 1 เดือน 3 เดือน 6 เดือน และ 1 ปี ทั้งนี้หากมีอาการผิดปกติใดๆ เกิดขึ้น สามารถกลับไปพบจักษุแพทย์ได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงวันนัดหมาย